ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 275

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 275 ตามล่าพันลี้
ตอนที่ 275 ตามล่าพันลี้
โดย
Ink Stone_Fantasy
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที เขาควักยันต์สีทองมาแปะตัว และพุ่งออกกด้านข้างท่ามกลางแสงสีทองที่ห่อหุ้มอีกครั้ง

นอกจากยันแสงทองที่ชายฉกรรจ์แซ่เหลยมอบให้ผืนนั้นแล้ว ก่อนออกเดินทางประมุขนิกายปีศาจยังให้ยันต์แบบนี้กับเขาอีกสามผืน เพื่อที่จะได้ช่วยชีวิตในยามคับขัน

นี่เป็นที่พึ่งสำคัญที่เขาตอบรับภารกิจนี้

ผู้อาวุโสแซ่ลี่เห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ พอแสงสีฟ้าหมุนวนรอบตัว ร่างของเขาก็พุ่งตามไป

พริบตาเดียวทั้งสองก็อยู่ห่างกันร้อยกว่าลี้

ยันต์แสงทองเป็นยันต์ที่ใช้ในการหลบหนีที่พบเจอได้น้อยมาก พอแสดงออกมา ระดับความเร็วของมันก็พอที่จะหนีการตามล่าของศัตรูระดับอาจารย์จิตวิญญาณได้

แม้ผู้อาวุโสแซ่ลี่จะเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึก แต่ก็ไม่ชำนาญวิชาการหลบหลีก วิชาที่ใช้ก็เป็นแค่วิชาหลบหลีกทั่วไปเท่านั้น ถ้าอยู่บนผิวทะเลล่ะก็ ย่อมมีผลลัพธ์ที่ไม่เลว แต่ตอนนี้มาอยู่บนอากาศที่ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว จึงเร็วกว่าอาจารย์จิตวิญญาณทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แม้ว่าผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรจะกระตุ้นพลังทั้งหมด แต่ก็ยังอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงระยะหนึ่งอยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ เขายิ่งตามก็ยิ่งโมโห และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตามฝ่ายตรงข้ามทัน จะต้องทรมาณให้สาแก่ใจ

หลิ่วหมิงที่หนีอยู่ด้านหน้า ก็กระตุ้นอานุภาพของยันต์จนถึงขีดสุด พลังเวทย์ในร่างพุ่งขึ้นบนศีรษะ และหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

เส้นทางที่เขาเลือกหลบหนีในก่อนหน้านั้น เห็นได้ชัดว่าหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ผู้อาวุโสแซ่ลี่จากไปแล้ว แต่ทำไมถึงมาเจอกับฝ่ายตรงข้ามได้ล่ะ!

เรื่องนี้ช่างเข้าใจได้ยากยิ่งนัก!

แม้ว่าในมือเขาจะยังมียันต์แสงทองอยู่อีกสองผืน แต่อย่างมากก็สามารถหนีห่างจากผู้อาวุโสแซ่ลี่แค่พันลี้เท่านั้น จากนั้นความเร็วก็จะกลับมาเป็นปกติ และระยะห่างแค่นี้ ไม่อาจทำให้เขากลับไปถึงเมืองยักษ์ได้

และระหว่างทางที่มา เขาได้ตรวจสอบพบว่าทิศทางที่จะไปนั้นเป็นพื้นที่ราบเรียบจนไม่อาจหลบหลีกและซ่อนตัวได้เลย แต่ถ้าเขาไปตามทิศทางนี้เรื่อยๆ คงมีโอกาสไม่น้อยที่จะเจอกับคนในนิกาย แต่ด้วยพลังของผู้ที่ไล่ล่ามานั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก เกรงว่าคนทั่วไปคงไม่อาจต้านทานเขาได้ นอกเสียจากว่าจะพบกับผู้อาวุโสระดับผลึกที่อยู่แถวนั้นพอดี

แต่โอกาสนี้มีไม่มากนัก!

อีกอย่างตอนนี้เขาเป็นห่วงผลแพ้ชนะของศึกระหว่างแต่ละนิกายกับเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ด้านหน้า

ถ้าแต่ละนิกายชนะล่ะก็ ทุกอย่างคงง่ายขึ้น แต่ถ้าพ่ายแพ้ล่ะก็ เมืองยักษ์อาจถูกเผ่าเจ้าสมุทรยึดครองแล้วก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ ถ้าเขาไปตามทิศทางนี้มีแต่จะรนหาที่ตายเท่านั้น

ในทางกลับกัน ถ้าตอนนี้เขาเลี้ยวหลบหนีไปทางอื่น และใช้พลังจากยันแสงทองทั้งสามจนหมดล่ะก็ คงสามารถเข้าไปในเทือกเขาบางแห่งตรงชายแดนแคว้นต้าเสวียนได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ทิศทางนั้นคงไม่มีผู้ฝึกฝนในนิกายปรากฏตัวอย่างแน่นอน เขาคงได้แต่รับมือกับการตามล่าของผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรเพียงผู้เดียวแล้ว

แต่ถ้าเขาจำไม่ผิด จากแผนที่ที่เขาเคยดูก่อนหน้า กลุ่มเทือกเขาเหล่านั้นมีขนาดใหญ่มาก และยังทอดทะลุไปข้างในแคว้นต้าเสวียน เพียงแค่เขาหลบเข้าไปในเทือกเขา คงจะสามารถอาศัยสภาพทางภูมิศาสตร์หลบหนีการตามล่าได้

เขาทำท่ามือด้วยมือเดียวในฉับพลัน แสงสีทองบนร่างเปล่งประกายออกมาทันที จากนั้นก็พุ่งออกไปด้านข้าง

ผู้อาวุโสแซ่ลี่เห็นเช่นนี้ ก็เลี้ยวตามไปอย่างไม่ลดละ

ขณะนี้หลิ่วหมิงโยนโอสถเข้าปากไปสองสามเม็ด มือทั้งคู่กำหินจิตวิญญาณก้อนหนึ่งไว้แน่น และพยายามสูดเอาพลังจากในนั้น

ผู้อาวุโสแซ่ลี่เห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะอยู่ในใจ

ด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งของเขา แค่มองก็รู้ว่าหลิ่วหมิงเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นต้นเท่านั้น ต่อให้จะทานโอสถและสูดเอาพลังจากหินจิตวิญญาณ ก็ไม่อาจยืนหยัดได้นาน

เพราะยันต์หลบหนีอย่างยันต์แสงทองนี้ ยิ่งหนีเร็วก็ยิ่งสูญเสียพลังมาก

ในความคิดของเขา วิธีการหลบหนีของหลิ่วหมิง คงทำให้พลังเวทย์หมดไปภายในเวลาครึ่งเค่อ

ในสายตาเขาแล้ว ระดับการฝึกฝนของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องหยิบยกขึ้นมาพูด

แต่พออึดใจเดียวที่หลิ่วหมิงบินอยู่ห่างสองร้อยกว่าลี้นั้น ระดับความเร็วของเขาก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดสีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

จากการคาดเดาของเขา พอถึงเวลานี้พลังเวทย์ของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นต้น คงจะหมดไปเจ็ดแปดส่วน และไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้อีกถึงจะถูกต้อง

แต่ขณะนั้นเอง แสงสีทองบนร่างหลิ่วหมิงก็ดับไป ในที่สุดพลังของยันต์สีทองก็ถูกใช้จนหมดสิ้น

ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และขณะที่กำลังกระตุ้นพลังเวทย์เพื่อตามล่านั้น หลิ่วหมิงก็พลิกฝ่ามือแปะยันต์แสงทองบนตัวอีกผืนหนึ่ง และกลายร่างเป็นกลุ่มแสงพุ่งออกไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ ผู้อาวุโสรู้สึกหงุดหงิดจนตะโกนด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่เหลือท่าทีของผู้อาวุโสระดับผลึกอีกเลย

สำหรับผู้อาวุโสระดับผลึกผู้นี้ มียันต์ระดับยันต์แสงทองแค่ไม่กี่ผืน ทั้งยังเป็นยันต์ธาตุน้ำ ไม่มียันต์ประเภทบินหลบหลีกเลย

ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่อาจารย์จิตวิญญาณ แต่กลับนำยันต์แสงทองมาใช้ติดต่อกันสองสามครั้ง เช่นนี้แล้วเขาจะไม่รู้สึกโมโหได้อย่างไร

แต่พอหลังครึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อหลิ่วหมิงขยี้ยันต์ผืนที่สองในแขนเสื้อ เพื่อให้แสงสีทองห่อหุ้มร่างเขาอีกครั้ง ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรก็ไม่คิดจะกร่นด่าออกมาอีก เขาได้แต่กระตุ้นแสงตามติดหลิ่วหมิงไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา