สรุปตอน ตอนที่ 278 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 278 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“ท่านเซียนรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า ข้าเชื่อว่าข้ากับสหายเจอกันเป็นครั้งแรก”
คิดไม่ถึงว่าชายที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับ จะเป็นผู้อาวุโส ‘หยวนหมัว’ ของนิกายหยวนหมัวที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ฝึกฝนอันดับในแผ่นดินอวิ๋นชวน
“มันยากตรงไหนเล่า แม้ว่าค่ายกลลี้ลับนี้จะทรงพลัง แต่สามารถทำให้คนตกเข้าไปในนั้นโดยไม่รู้ตัวได้ ก็มีแต่ผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันเท่านั้น ตามที่ข้าทราบมาผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนในแผ่นดินอวิ๋นชวนคงมีแต่สหายหยวนแล้วล่ะ!” หญิงสาวชุดหลากสีกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย
“เฮ่อๆ! ‘แผ่นดินอวิ๋นชวน’ อะไรกัน ที่จริงเป็นแค่เกาะที่มีขนาดใหญเท่านั้น เกาะอวิ๋นชวนถึงเป็นสิ่งที่สหายและคนอื่นๆ เรียกกัน แต่ถ้าบอกว่าอวิ๋นชวนมีข้าคนเดียวที่เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนล่ะก็ เผ่าของท่านอาจจะดูถูกอวิ๋นชวนไปหน่อย เท่าที่ข้าทราบมา อย่างน้อยบนเกาะยังมีผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันอีกคน แต่คนผู้นี้ไม่ยินดียินร้ายในลาภยศแต่อย่างใด และก็ไม่ใช่คนในนิกายด้วย ดังนั้นจึงมีคนรู้จักน้อยมาก” หยวนหมัวกล่าวอย่างราบเรียบ
“อะไรนะ! อวิ๋นชวนยังมีผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนที่เป็นมนุษย์อยู่หรือ! หรือว่าสหายหยวนท่านหลอกข้า?” หญิงชุดหลากสีรู้สึกตกตะลึง แต่ก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาในทันที
“จริงหรือไม่นั้น อีกไม่กี่วันท่านเซียนก็จะรู้ความจริงเอง” น้ำเสียงของหยวนหมัวยังคงดูสงบเช่นเดิม
“หรือว่าคนผู้นี้ไปยังสนามรบอีกแห่ง เพื่อแทรกแซงศึกใหญ่ของมนุษย์ที่อยู่อีกแคว้น?” หญิงชุดหลากสีได้ยินเช่นนี้ ก็ตื่นตัวในทันที
“เผ่าของท่านได้โจมตีมายังแผ่นดินแล้ว จนกระทั่งพัวพันถึงความเป็นความตายของมนุษย์ แม้ว่าคนผู้นั้นจะถือสันโดษมาโดยตลอด แต่จะนั่งนิ่งดูดายได้อย่างไร” หยวนหมัวกล่าว
“ฮึ! ต่อให้มีคนผู้นี้แล้วจะทำไม! ท่านคิดว่าครั้งนี้ราชวงศ์ของเรามาแค่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนอย่างข้าเพียงคนเดียวหรือ? ในเมื่อครั้งนี้เผ่าเจ้าสมุทรทั้งสามในอวิ๋นชวนคิดจะสภามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ของพวกเรา ดังนั้นกำลังที่พวกเราสนับสนุนย่อมไม่ด้อยอย่างแน่นอน” หญิงชุดหลากสีเงียบไปครู่หนึ่ง และกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
“แน่นอนครั้งนี้นอกจากสหายแล้ว ทางเผ่าของท่านยังมีผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนมาด้วยสองคน มิเช่นนั้นข้าจะออกจากการเก็บตัว และมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ถ้ามีพวกข้าสองคนตรึงไว้ล่ะก็ เผ่าเกล็ดเงินและเผ่าอื่นๆ คิดจะวางแผนยึดอวิ๋นชวน ก็คงได้ไปแค่ความว่างเปล่า” หยวนหมัวกล่าวอย่างสงบ
“ท่านมั่นใจว่าราชวงศ์เขาเรามาแค่สองคน?” หญิงชุดหลากสีถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าราชวงศ์ของพวกท่านไม่กลัวราชาปีศาจสมุทรตามสังหารถึงที่ล่ะก็ ไม่แน่ราชวงศ์ของท่านอาจส่งผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนมาอีกคนสองคน แต่ตอนนี้น่ะหรือ……” หยวนหมัวกล่าว
“เจ้ารู้เรื่องราชาปีศาจสมุทรด้วย!” สีหน้าหญิงสาวชุดหลากสีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเมื่อข้าแบกชื่อเสียงผู้ฝึกฝนอันดับหนึ่งในแผ่นดินอวิ๋นชวนไว้ ไหนเลยจะไม่สนใจเรื่องผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในทะเลแถบนี้ แม้ว่าราชาปีศาจสมุทรจะมีจำนวนผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยกว่าราชวงศ์ของพวกเจ้า แต่ไม่นานมานี้ได้สำเร็จสู่ระดับแก่นแท้แล้ว ได้ยินมาว่าแค่ใช้วัตถุภายนอกมาก่อเป็นแก่นแท้ระดับล่างเท่านั้น แต่ก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ที่แท้จริง ไหนเลยที่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนโดยทั่วไปจะเปรียบเทียบได้! และเกรงว่าพอราชาปีศาจสมุทรที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุดในน่านน้ำทะเลผู้นี้ มีระดับการฝึกฝนที่มั่นคงแล้ว คงจะขุดรากถอนโคนจักรวรรดิของท่านเป็นอย่างแรก และเพื่อป้องกันความปลอดภัยของตนเอง ช่วงนี้ราชวงศ์ของพวกท่านพยายามดึงเผ่าเจ้าสมุทรกลุ่มอื่นๆ เข้ามาเป็นพวก เพื่อขอให้ช่วยต่อต้านราชาสมุทรผู้นี้ มิเช่นนั้นเผ่าเกล็ดเงิน และอีกสองเผ่าที่อยู่ในพื้นที่อันไกลโพ้นจะอยู่ในสายตาของพวกท่านได้อย่างไร แม้กระทั่งให้สหายมาสร้างความสัมพันธ์ด้วยตนเอง เพราะแม้ว่าทั้งสามเผ่าจะมีพลังไม่น้อย แต่กลับไม่เคยมีผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนมาก่อน” หยวนหมัวค่อยๆ กล่าวออกมา น้ำเสียงเขาลอยไปมาอยู่ไม่หยุด เหมือนกับว่าทุกคำพูดจะทำให้หญิงสาวชุดหลากสีมีสีหน้าดูไม่ได้มากขึ้นกว่าเดิม
“ในเมื่อสหายหยวนรู้เรื่องราชาปีศาจสมุทร คงจะรู้อย่างชัดเจนว่า ถ้าราชวงศ์ของพวกเราถูกปีศาจตนนี้โจมตีจนแตกกระเจิงล่ะก็ เกรงว่ามนุษย์ในแผ่นดินอวิ๋นชวนของพวกท่าน ก็คงถูกกดขี่เป็นทาสไปด้วย ด้วยเหตุนี้ใยไม่ร่วมมือกับพวกเรา หากผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนอย่างพวกท่านสองคนเข้าร่วมกับพวกเราล่ะก็ เผ่าของเราคงมีความมั่นใจในการทำสงครามกับเขา ส่วนเผ่าเกล็ดเงินที่ต่อสู้กับพวกเจ้าอยู่ ข้าสามารถถอนตัวออกมาได้ แม้กระทั่งสามารถหยุดยั้งการบุกรุกอาณาเขตของมนุษย์ในก่อนหน้านี้ได้” หญิงสาวชุดหลากสีคิดไปมาอย่างรวดเร็ว และพูดเกลี้ยกล่อมหยวนหมัว
“สหายสมกับเป็นหนึ่งในผู้ดูแลวิหารของราชวงศ์จริงๆ ไม่คิดว่าท่านจะมาเกลี้ยกล่อมข้า แต่คิดว่าในบรรดาผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนของเผ่าท่าน คงไม่ขาดแคลนผู้ช่วยอย่างพวกข้าทั้งสองหรอก และข้าก็ต้องอยู่ปกป้องผู้คนบนเกาะ เกรงว่าคงไม่อาจทำให้สหายสมปรารถนาได้ อีกอย่างเกาะอวิ๋นชวนอยู่ลับตาคนเช่นนี้ ราชาปีศาจสมุทรอาจไม่สนใจก็ได้” หยวนหมัวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
“ฮึ! ถ้าสหายคิดเช่นนี้ล่ะก็ คิดจะให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างว่านอนสอนง่ายคงเป็นเรื่องที่เพ้อฝันไปแล้ว ท่านคิดจริงๆ หรือว่าค่ายกลลึกลับจะสามารถกักขังข้าไว้ได้!” หญิงสาวชุดหลากสีกล่าวด้วยความโมโห
“ท่านเซียน ถ้าท่านลงมือโดยไม่เสียดายพลังล่ะก็ ค่ายกลนี้ไม่อาจกักขังท่านได้ แต่สหายต้องคิดให้ดีๆ แม้ว่าจะออกจากค่ายกลนี้ได้ แต่ยังมีข้าอยู่ที่นี่ คิดจริงๆ หรือว่าจะไปสนามรบได้ทัน! เอาอย่างนี้เถิด ความจริงแล้วผลลัพธ์ของศึกในด้านนั้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ ผู้ที่สามารถตัดสินแพ้ชนะระหว่างสองเผ่าได้ ขึ้นอยู่ที่ข้ากับท่าน พวกเราทั้งสองมาเดิมพันกันเพื่อตัดสินศึกในครั้งนี้ดีไหม?” หยวนหมัวกล่าว
“เดิมพัน?” หญิงชุดหลากสีหรี่ตาขึ้นมา
“ไม่เลว! อีกประเดี๋ยวข้าจะเปิดค่ายกลให้สหายออกมา ข้าจะตั้งรับอย่างเดียวไม่โจมตี และจะรับมือสหายสามกระบวนท่า ถ้าข้าสามารถรับมือได้ สหายก็รีบถอนตัวกลับไป แต่หากข้าได้รับบาดเจ็บล่ะก็ ข้าจะจากไปทันที ดีไหม?” หยวนหมัวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ฮึ! ใยต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วยเล่า! ถ้าสามกระบวนท่าแล้วท่านยังคงปลอดภัยดี ข้าสัญญาว่าจะให้เผ่าเกล็ดเงินและอีกสองเผ่าถอนทัพกลับไปทันที แต่ดินแดนที่พวกเขายึดครองไว้ได้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ข้ากับท่านก็ไม่อาจแทรกแซงเรื่องนี้ได้” หญิงสาวชุดหลากสีกล่าว
“ได้! ตกลงตามนี้ แต่หากข้าสามารถรับมือสหายได้ ขอให้มอบศิษย์หญิงนิกายจันทราสวรรค์ตรงด้านหลังท่านให้ข้าด้วย” หยวนหมัวรับปากอย่างไม่ลังเล
“ได้! ไม่มีปัญหา!” หญิงสาวชุดหลากสีพยักหน้าตอบตกลง
หยวนหมัวเห็นเช่นนี้ก็สะบัดแขนเสื้อด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แผ่นโล่แวววาวปรากฏออกมา
“ตู๊ม!”
หอกสายฟ้าปะทะลงบนแผ่นโล่ พริบตาเดียวก็มันก็จมหายไปในนั้น แต่ครู่ต่อมา อากาศที่อยู่ห่างจากหลังหยวนหมัวไปร้อยกว่าจั้ง มีแสงแวววาวเปล่งประกายออกมา หอกสายฟ้าทะลุออกมาจากในนั้น และระเบิดออกมาเป็นสายฟ้าจำนวนมาก มันดูเหมือนปกคลุมทุกสิ่งที่อยู่ในระยะหมู่กว่าๆ ไว้
“วิชาเคลื่อนย้าย ไม่คิดว่าสหายจะมีอาวุธเวทย์อันลี้ลับเช่นนี้ด้วย มิน่าถึงได้มั่นใจขนาดนี้ แต่คิดจริงๆ หรือว่ามีอาวุธชิ้นนี้แล้วจะสามารถนิ่งนอนใจได้!”
เจินเถียนเห็นเช่นนี้ ก็อดประหลาดใจไม่ได้ แต่ครู่ต่อมาก็เลิกคิ้วกล่าว
จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อ มือเรียวเล็กคว้าออกไปอีกครั้ง
บังเกิดเสียงดังโครมคราม พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที ก้อนหินเล็กๆ บริเวณนี้จำนวนมากพุ่งยิงไปเหนือศีรษะของหญิงสาว พริบตาเดียวก็รวมตัวท่ามกลางแสงสีฟ้า และกลายเป็นเขาหินสูงสามสี่ร้อยจั้ง
“ข้าอยากจะดูว่า สหายหยวนจะเคลื่อนย้ายสิ่งนี้ได้อย่างไร!”
หญิงชุดหลากสีหัวเราะอย่างเยือกเย็น แขนเสื้อข้างหนึ่งหวดใส่เขาหิน
มีเสียงดังหวึ่งๆ จากเขาหินขนาดใหญ่ อักขระสีฟ้าจำนวนมากปรากฏออกมาบนพื้นผิว และพุ่งไปยังชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา