ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 279

สรุปบท ตอนที่ 279: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนที่ 279 – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 279 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 279 วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้า
ตอนที่ 279 วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอหยวนหมัวเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

เขาหินลูกใหญ่ขนาดนี้ แถมในนั้นยังมีพลังของชั้นจำกัดแฝงอยู่ แม้ว่าโล่แวววาวในมือจะมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ก็ไม่อาจรับการโจมตีนี้ได้

ชายชุดคลุมสีดำเก็บโล่ตรงหน้าในฉับพลัน เขาหมุนตัวติ้วๆ ราวกับลูกข่าง ไม่นานก็มีเงาร่างปรากฏออกมาท่ามกลางไอปีศาจสีเทา ขณะเดียวกันก็ม้วนตัวไปกลางอากาศ

ฉากอันน่าตกใจได้บังเกิดขึ้น!

พอเขาหินขนาดใหญ่สัมผัสกับไอปีศาจ มันก็เคลื่อนไหวช้าลง ขณะเดียวกันแสงสีฟ้าบนพื้นผิวก็เปล่งประกาย และก็ผุกร่อนอย่างรวดเร็ว

ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ เขาหินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นสีเทาเหมือนกับไอปีศาจ และมีรูเล็กๆ ปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก

ขณะนี้ เงาร่างพร่ามัวด้านล่างหยุดชะงักในฉับพลัน หยวนหมัวปรากฏกายอีกครั้ง และขยับแขนทั้งสองในทันที ทันใดนั้นกำปั้นลูกหนึ่งก็ทุบไปยังเขาหินที่มีไอปีศาจหมุนเป็นเกลียวอย่างรุนแรง

“ตู๊ม!”

เขาหินขนาดใหญ่ระเบิดตัวในพริบตา ฝุ่นสีเทาหล่นกระจายบนพื้น

หยวนหมัวเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อไปในอากาศ พายุบ้าระห่ำก็พัดกระหน่ำผ่านไป มันพัดฝุ่นสีเทาทั้งหมดออกไปจนเกลี้ยง และเขาก็กล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ยังเหลืออีกหนึ่งการโจมตี ท่านเซียนเจินอย่าได้เกรงใจ รีบแสดงวิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้ามาให้ข้าได้เปิดโลกทรรศน์บ้างเถอะ!”

“แม้ข้าจะมาเกาะอวิ๋นชวนเป็นครั้งแรก แต่ก็เคยได้ยินว่า วิชาศิลาปีศาจเป็นวิชาปีศาจอันดับหนึ่งในอวิ๋นชวน วันนี้ได้เห็นกับตาช่างสมคำร่ำลือจริงๆ มันคู่ควรที่ข้าจะใช้วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้าโจมตีแล้ว” เจินเถียนเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้แสดงอาการหน้าม่อยคอตกแต่อย่างใด แต่กลับกล่าวออกมาอย่างเฉียบขาด

จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว แสงแสงสว่างเปล่งประกายขึ้นบนเสื้อหลากสีของนาง เกล็ดสีทองจางๆ ปรากฏขึ้นบนตัว ครู่เดียวนางก็กลายร่างเป็นมนุษย์ครึ่งมัจฉา

แต่มันแตกต่างจากเผ่าเจ้าสมุทรทั่วไป พริบตาที่นางเปลี่ยนร่างจนสมบูรณ์ ก็มีจุดแสงสีฟ้าปรากฏออกมากลางอากาศ

ต่อมามีเสียงดังโครมครามไปทั่วทิศ น้ำทะเลสีฟ้าปรากฏออกมากลางอากาศ พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของนางไว้

ขณะนี้ มีเสียงเจินเถียนดังออกมาจากน้ำทะเล

“ราชวงค์ของพวกเราแตกต่างกับเผ่าเจ้าสมุทรทั่วไป พอคืนร่างเดิมแล้วสามารถรวบรวมพลังวารีบริเวณรอบๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้อาวุธเวทย์เข้าช่วย ก็เหมือนกับที่มนุษย์สามารถหายใจบนพื้นได้อย่างอิสระ ดังนั้นถึงแม้วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้าจะมีชื่อเสียงมาก แต่ผู้ที่สามารถปล่อยอานุภาพของมันออกมาได้หมด ก็มีแค่สายโลหิตของราชวงศ์เท่านั้น ต่อไปข้าจะให้การชี้แนะกับสหายหยวน”

ภายใต้สถานการณ์ที่มีแสงสีฟ้าไหลบ่าอยู่ไม่หยุด ทำให้มีน้ำทะเลขนาดใหญ่หลายหมู่ ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นจุดแสงสีฟ้าพุ่งยิงออกไปรอบด้าน และค่อยๆ จมหายไปในอากาศบริเวณนั้น

และเงาร่างครึ่งมัจฉาที่โผล่ออกมา ก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น และค่อยๆ คว้าไปยังด้านหน้า

หยวนหมัวเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย และคิดที่จะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา พลันต้องรีบทำท่ามือด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไอปีศาจบนตัวม้วนตัวคำรามออกไปทั่วทิศ

เกือบจะในเวลาเดียวกัน จุดแสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนอากาศรอบด้าน และกลายเป็นคลื่นยักษ์พุ่งออกไป มันมายังไม่ทันถึงด้านหน้าของหยวนหมัวก็ส่งเสียงดัง “หวึ่งๆ!” ออกมา ราวกับว่าจะกดทับชายผู้นี้ให้แหลกละเอียด

แต่ครู่ต่อมา ท่ามกลางเสียงที่ดังติดต่อกัน พลังมหาศาลกับน้ำทะเลเหล่านี้ก็ถูกไอปีศาจต้านทานไว้ได้

ไอปีศาจเหล่านี้ดูไม่ค่อยหนาแน่น แต่กลับแฝงไปด้วยพลังมหาศาล ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรง มันกลับสามารถประคับประคองไว้ได้โดยไม่แตกกระเจิง

หญิงสาวชุดหลากสีตรงหน้าเห็นเช่นนี้ ใบหน้าที่งดงามก็เผยแววดุร้ายออกมา นางยื่นมือข้างหนึ่งออกไป และกางนิ้วทั้งห้าออก จากนั้นถึงค่อยๆ แนบชิดติดกัน

“ตู๊ม!”

น้ำทะเลสีฟ้าที่ล้อมรอบหยวนหมัวม้วนตัวขึ้นบนอากาศ พริบตาเดียวก็กลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ห่อหุ้มไอปีศาจกับหยวนหมัวไว้ด้วยกัน

ผิวภายนอกหยดน้ำดูสงบ แต่ด้านในกลับเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ และบีบไปยังใจกลางอย่างรุนแรง

ไอปีศาจที่กลายเป็นม่านแสงสีเทาหนึ่งชั้น เริ่มเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง มันสั่นไหวจนไม่เป็นรูปร่าง

หยวนหมัวเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที เขาอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา พริบตาเดียวมันก็ระเบิดตัวเป็นหมอกโลหิต และค่อยๆ จมเข้าไปในม่านแสง

ม่านแสงที่ดูเหมือนจะต้านทานไม่ไหวพลันเปล่งแสงสีเลือดออกมา และกลับมามั่นคงอย่างรวดเร็ว

เจินเถียนเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น นิ้วทั้งห้าค่อยๆ แนบชิดติดกัน

เมื่อมีเสียงดังมาจากน้ำทะเลที่อยู่ไกลๆ พื้นผิวที่ดูสงบกลับมีแสงสีเงินเปล่งประกายออกมา

ระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในหยดน้ำ กลับมีสายฟ้าสีเงินปรากฏออกมา สายฟ้านับร้อยนับพันฟันใส่ใจกลางอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันระลอกคลื่นก็หมุนวนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พลังของมันยิ่งน่าตกใจมากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ม่านแสงที่เพิ่งจะกลับมามั่นคงก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง

กลางฝ่ามือที่ดูขาวราวกับหยกมีรอยไหม้สีดำเล็กๆ และได้กลิ่นไหม้ลอยออกมาจางๆ

“เคยได้ยินคนพูดมานานแล้ว หยวนหมัวรุ่นนี้ไม่เพียงแต่จะฝึกฝนวิชาศิลาปีศาจของนิกายหยวนหมัว แต่ยังฝึกฝนความสามารถที่ไม่ทราบชื่อบางอย่าง มันเคยช่วยเขาสังหารศัตรูระดับเดียวกันอย่างง่ายดาย ดูท่าคงจะเป็นเปลวเพลิงปีศาจนี้แล้ว! ความสามารถร้ายกาจเช่นนี้ ต่อให้รวมตัวกันต่อสู้ ก็เกรงว่าไม่อาจสังหารคนผู้นี้ได้โดยง่าย” หญิงสาวชุดหลากสีขมวดคิ้วแล้วกล่าวพึมพำออกมา ตอนนี้นางกำลังจมอยู่ในความคิด

“ช่างเถอะ! ตอนนี้เรื่องราชาปีศาจสมุทรถึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด ปล่อยมนุษย์บนเกาะอวิ๋นชวนไปชั่วคราวก่อน รอจัดการศัตรูตัวฉกาจได้แล้วค่อยมาพิชิตเกาะแห่งนี้ น่าเสียดายเจ้าเด็กมนุษย์ผู้นั้น เดิมทีกะจะใช้เป็นเครื่องสังเวยชั้นยอดให้กับอสูรประหลาดในนิกายซะหน่อย!” ผ่านไปสักพักนางถึงตัดสินใจกล่าวออกมา

นางหยิบแผ่นค่ายกลสีขาวออกจากแขนเสื้อ และวาดนิ้วลงไปบนนั้นรอบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเหาะไปยังเมืองลอยน้ำ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรที่กำลังต่อสู้กับมนุษย์อย่างดุเดือด ถึงเป่าสัญญาณถอนทัพออกมา ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นเผ่าเจ้าสมุทรหรืออสูรสมุทรต่างก็พากันถอยกลับไปยังเมืองลอยน้ำ

แม้ว่าศึกทัพหน้าของแต่ละนิกายจะได้เปรียบอยู่ และพอเห็นเผ่าเจ้าสมุทรถอนตัวกลับไปโดยที่ไม่ใช่ว่าพ่ายแพ้จริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงตามไป ได้แต่มองเผ่าเจ้าสมุทรที่ค่อยๆ ถอยห่างออกไป

ฉากเดียวกันได้บังเกิดขึ้นในกลุ่มการต่อสู้ของผู้ฝึกฝนระดับผลึก

ที่นี่ผู้ฝึกฝนเผ่าเจ้าสมุทรกำลังได้เปรียบอยู่ แต่กลับถอนตัวไปเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับอาจารย์อาเยี่ยนและคนอื่นๆ ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ตามไปโจมตีอย่างแน่นอน

แต่ชนะโดยแปลกประหลาดเช่นนี้ ย่อมทำให้พวกเรารู้สึกฉงนเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด

แต่ร่างของหยวนหมัวกลับปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล ชายฉกรรจ์นิกายหยวนหมัวผู้นั้นก็รีบเรียก ‘ศิษย์พี่หยวน’ ด้วยความตกใจ ขณะนี้คนอื่นๆ ถึงได้เข้าใจขึ้นมา

……

บริเวณขอบเทือกเขา กลุ่มแสงสีทองระเบิดตัวออกมาอีกครั้ง หนามทองคำจำนวนมากพุ่งยิงลงมาราวกับสายฝนกระหน่ำ และชอนไชไปทั่วพื้นที่ใต้ดินลึกๆ ทุกซอกทุกมุม

พอหนามสีทองเล่มหนึ่งแทงไปยังพื้นที่บางแห่งของลำน้ำ มันก็ชนเข้ากับวัตถุโปร่งใสไร้รูปบางอย่าง และมันก็ระเบิดออกมาเป็นกลุ่มแสงสีทองทันที

มนุษย์เกราะทองคำกำลังกอดอกควบคุมหนามทองคำอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย และเผยสีหน้าดีใจออกมา

ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่นั่งขัดสมาธินิ่งๆ อยู่ในม่านวารีก็ค่อยๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา