หลิ่วหมิงเพิ่งจะโจมตีด้วยพลังทั้งหมด จึงรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง แต่พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดผวาอย่างอดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
ด้วยระดับสายตาของเขา ย่อมมองออกว่าการโจมตีเมื่อครู่เป็นการใช้พลังเวทย์จนถึงขั้นสุดแล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะชำนาญเคล็ดวิชาร้ายกาจอื่นๆ มิเช่นนั้นคงไม่อาจโจมตีได้รุนแรงกว่าเมื่อครู่
แต่หลิ่วหมิงย่อมไม่ยอมถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเป็นแน่ เขาระงับความสงสัยไว้และทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งทันที จุดแสงสีฟ้าก่อตัวขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นแท่งวารีโปร่งใสแวววาวแท่งหนึ่ง ตอนแรกมันยาวไม่ถึงฉื่อกว่าๆ แต่ครู่เดียวก็มีขนาดครึ่งจั้ง
ดวงตาหลิ่วหมิงเปล่งประกายเยือกเย็น มือที่ทำท่ามือกระแทกใส่แท่งวารีตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พอแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมา แท่งวารีก็พุ่งออกไปทันที
ในขณะเดียวกัน ก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายบนมืออีกข้าง มันก่อตัวเป็นคมวายุยักษ์ที่ยาวหลายฉื่อ และพอสะบัดข้อมือมันก็กระพริบหายไป
จากนั้นหลิ่วหมิงก็กระทืบเท้าแล้วพุ่งออกไปฝั่งตรงข้ามราวกับลูกธนู
มนุษย์เกราะทองคำรู้สึกแค่ว่ามีคลื่นสั่นสะเทือนตรงหน้า จากนั้นคมวายุก็พุ่งเข้ามาถึง
ขณะเดียวกันแท่งวารีสีฟ้าก็อยู่ห่างจากตรงหน้าไม่ไกล ก็ม้วนตัวเข้ามาพร้อมไอเย็นสะท้าน
มนุษย์เกราะทองคำทำเสียงฮึดฮัด อักขระเปล่งประกายออกจากแขนข้างหนึ่ง กำปั้นสีทองอร่ามทุบออกไปข้างหน้า คลื่นสั่นสะเทือนสีทองทะลักออกไป
“ตู๊ม!”
พอคลื่นสั่นสะเทือนสีทองม้วนตัวผ่านไป คมวายุสีเขียวกับแท่งวารีก็หยุดชะงัก และระเบิดออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
พอคมวายุแตกกระจายออกมา เศษของมันก็กระเด็นไปทั่วทิศ ส่วนแท่งวารียักษ์ก็ปล่อยไอเย็นสะท้านม้วนตัวออกไป
มนุษย์เกราะทองคำรู้สึกว่าร่างกายเย็นสะท้าน และน้ำแข็งชั้นบางๆ ก็เกาะติดตามตัว ทำให้เขาเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง แม้แต่แสงสีทองที่ปกป้องอยู่ก็ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
เกือบจะในเวลาเดียวกัน หนามสีเขียวก็พุ่งยิงออกจากเศษคมวายุ มันพุ่งเจาะทะลุระหว่างคิ้วของมนุษย์เกราะทองคำ ทำให้ใบหน้าเขาดำคล้ำขึ้นมา
และในขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่กระโจนมาถึง ก็บิดตัวมาด้านหลังมนุษย์เกราะทองคำด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ กำปั้นที่กำมุกพลังวารีไว้ ทุบออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง
“เพล้ง!”
ปราณแกร่งที่ปกป้องมนุษย์เกราะทองคำอยู่ถูกทุบตีจนแตกกระจายราวกับเป็นกระดาษ กำปั้นทุบใส่หลังมนุษย์เกราะทองคำอย่างหนักแน่น และพริบตาเดียวคลื่นสั่นสะเทือนสีดำก็ทะลักออกไป และพุ่งเข้าใส่ร่างตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง
มีเสียงคำรามออกมา!
ร่างมนุษย์เกราะทองคำขยายใหญ่ราวกับลูกโป่งที่ถูกเป่า และระเบิดออกมาในที่สุด
คลื่นอากาศสีทองม้วนตัวออกไปทั่วทิศ
หลิ่วหมิงขยับตัวถอยไปสิบกว่าก้าวด้วยความดีใจ และจ้องมองใจกลางคลื่นอากาศตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา
“ที่แท้ก็เป็นวิธีการที่ไม่เลว มิน่าถึงได้เชื่อมั่นขนาดนี้ แต่ในเมื่อเจ้าลงมือแล้ว ก็เตรียมตัวตายอย่างสบายๆ เถอะ!”
พอกล่าวจบ กลิ่นไออันแข็งแกร่งก็ปรากฏออกมาจากคลื่นอากาศสีทอง และกลายเป็นระลอกคลื่นที่ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ทะลวงระดับของเหลวเข้าสู่ระดับผลึกอย่างน่าตกใจ
ขณะนี้คลื่นอากาศได้แยกตัวออกมา เงาร่างมนุษย์เกราะทองคำปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าเรื่องที่เข็มเงาหยกเจาะทะลุศีรษะกับการระเบิดร่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกลิ่นไอบนตัวก็เหมือนจะมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสแซ่ลี่เลย
ใจหลิ่วหมิงดิ่งลึกลงไปเมื่อเห็นฉากเช่นนี้
แม้เขาจะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เคล็ดวิชาอันใด ที่ไม่เพียงแต่จะมีร่างที่ไม่ตาย แต่ยังยกระดับการฝึกฝนถึงระดับผลึกได้ สิ่งนี้มันเหนือความคาดหมายเขามาก และเขาไม่สามารถอาจต้านทานได้ทั้งหมด
หลิ่วหมิงคิดวกไปมาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาหนักขึ้นมาในฉับพลัน จากนั้นก็พุ่งลงด้านล่างราวกับลูกธนู ขณะเดียวกันยันต์ดำดินสีเหลืองอ่อนผืนหนึ่งก็โผล่ขึ้นในมือ
ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้า หากหนีลงใต้ดินอีกครั้ง ถึงเป็นวิธการเดียวที่สามารถเอาชีวิตรอดได้
แต่ขณะนี้ มนุษย์เกราะทองคำที่มีการฝึกฝนระดับผลึกกลับหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น และลงมืออย่างไม่พะว้าพะวัง
เขาแค่ย่อเข่าแบบธรรมดาๆ และขยับไหล่ แขนข้างหนึ่งก็ทุบไปยังหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านล่าง
หลิ่วหมิงแค่รู้สึกว่ามีเสียงระเบิดดังขึ้นตรงหลัง จากนั้นความรู้สึกที่ทำให้เขาขนลุกขนพองก็บังเกิดขึ้น เขารู้สึกเย็นสะท้านในใจ และหันตัวไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศาอย่างรวดเร็วจนดูพร่ามัว ขณะเดียวกันก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา