หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าออกมาราวกับคิดอะไรอยู่ และยังไม่ลงจากต้นไม้
จนเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งวัน จนกระทั่งท้องฟ้าใกล้จะมืด ถึงมีชาวบ้านอกผายไหล่ผึ่งออกมาจากป่าเขาอีกด้านของหมู่บ้าน แต่ละคนถือง่าม และแบกธนู บนตัวมีสัตว์เล็กอย่างๆ อย่างกระต่าย และนกห้อยอยู่ พวกเขาเดินพูดคุยกันระหว่างที่เดินมาทางหมู่บ้าน
พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ สตรี เด็ก และคนชราในหมู่บ้าน ต่างก็กรูกันออกมารับญาติของตนเอง ทุกคนยิ้มด้วยความเบิกบานใจ
สีหน้าหลิ่วเปลี่ยนไปทันที สายตาเขาจ้องมองหญิงสาวสวมชุดที่มีรอยปะซ่อม ใบหน้างดงาม อายุไม่เกินสิบสี่สิบห้าปี
หญิงสาวกำลังดึงชายฉกรรจ์อายุราวๆ สามสิบเจ็ดสามสิบแปดปี พร้อมพูดเจื้อยแจ้วอยู่ไม่หยุด และฉุดดึงสัตว์ที่อยู่ตรงหลังของชายฉกรรจ์อยู่ตลอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข หญิงสาวคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้น ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกัน
แต่ในสายตาหลิ่วหมิง นอกจากหญิงผู้นี้จะอายุน้อยไปหน่อย ผิวหนังดำคล้ำเล็กน้อยแล้ว ใบหน้าก็เหมือนกับจางซิ่วเหนียงอย่างน้อยแปดถึงเก้าส่วน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมั่นใจว่านางคือจางซิ่วเหนียงที่หลงอยู่ในโลกมายาแห่งนี้
หลิ่วหมิงนั่งนิ่งอยู่บนต้นไม้ เขาจ้องมองนางเดินตามชายฉกรรจ์กับหญิงวัยกลางคนเดินเข้าไปในหมู่บ้าน และเข้าไปในบ้านดินหลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ดูจากสภาพของจางซิ่วเหนียงในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีสภาพเลวร้ายกว่าที่ทุกคนคิดไว้มาก นางจมดิ่งอยู่ในโลกมายาจนอยากจะถอนตัว
ถ้าคิดที่จะเรียกนางให้ฟื้นคืนมา จะต้องเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง
ตามที่หยวนหมัว อาจารย์อาเยี่ยน และคนอื่นๆ กล่าวไว้ วิธีการธรรมดาไม่เรียกจางซิ่วเหนียงให้ฟื้นได้ จะต้องใช้หลากหลายวิธีถึงพอจะมีโอกาสบ้าง
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ตาของเขาเป็นประกาย
คงต้องวางแผนใกล้ชิดกับนางซักระยะเวลาหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยดูว่าใช้วิธีการไหนเรียกนางถึงจะได้ผล
เขากระโดดลงจากต้นไม้ในทันที หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็จมหายเข้าไปในป่าบริเวณนั้น
เช้าวันที่สองชายหนุ่มใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย สวมชุดคลุมค่อนข้างเก่า ก็ปรากฏตัวตรงทางเข้าหมู่บ้าน
พอชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านเห็นคนแปลกหน้า ก็ขัดขวางเอาไว้ และนำไปสอบถามต่อหน้าผู้อาวุโสของหมู่บ้าน
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุสิบเจ็ดสิบแปดผู้นี้ บอกว่าตนเองสูญเสียความทรงจำ จำไม่ได้ว่าตนเองมีชื่อและที่มาที่ไปอย่างไร และไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงมาปรากฏตัว ณ สถานที่แห่งนี้
คำตอบเช่นนี้ คนในหมู่บ้านย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน และเรียกหมอที่มีเพียงหนึ่งเดียวในหมู่บ้านมาตรวจสอบ
หมออายุห้าสิบกว่าปีผู้นี้ ค้นพบก้อนนูนสีม่วงคล้ำตรงท้ายทอยอย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าศีรษะของชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะสูญเสียความทรงจำจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสในหมู่บ้านจึงเกิดอาการงงงันเล็กน้อย และหลังจากสังเกตดูอีกรอบ ก็ได้แต่พาหลิ่วหมิงไปอยู่ในบ้านดินร้างแห่งหนึ่งชั่วคราว เพื่อรอการตัดสิน
ดีที่ว่าชายหนุ่มผู้นี้ นอกจากบาดเจ็บตรงศีรษะแล้ว แขนขาทั้งสี่แข็งแรงสมบูรณ์ คงจะสามารถดูแลตนเองได้ และไม่สร้างภาระให้คนในหมู่บ้านมากนัก
ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มไร้นามผู้นี้จึงได้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชั่วคราว และตอนกลางวันก็ออกไปล่าสัตว์กับชายฉกรรจ์ในหมู่บ้าน
ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน คนในหมู่บ้านก็รู้สึกตกตะลึงเมื่อค้นพบว่า ชายหนุ่มไร้นามผู้นี้เป็นนักล่าสัตว์มือฉมังคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่มีพลังมหัศจรรย์ ธนูล่าสัตว์ที่ทำขึ้นมาเองก็แม่นยำเป็นอย่างมาก ภายในระยะเวลาหลายวันนี้ ล้วนได้ของกลับบ้านเต็มมือ ของที่ล่ามาได้แม้แต่คนที่ล่าสัตว์เก่งที่สุดในหมู่บ้านก็ไม่อาจเทียบได้
และชายหนุ่มไร้นามผู้นี้เก็บสัตว์ที่ล่ามาได้แค่พอตนเองกิน ส่วนที่เหลือล้วนมอบให้คนในหมู่บ้านจนหมดสิ้น
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต่อให้ชายหนุ่ม จะยังไม่ฟื้นคืนความจำ คนนั้นในหมู่บ้านก็อดเมตตากับเขาไม่ได้
ผ่านไปเดือนกว่าๆ คนทั้งหมู่บ้านก็ยอมรับชายหนุ่มผู้นี้โดยสมบูรณ์
……
จางยาเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของจางสยง ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน ได้ยินมาว่าในสมัยก่อนมารดาของนางก็เป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในหมู่บ้าน บิดาของนางใช้เวลาสามวันสามคืน ไปล่าหมูป่ายักษ์บนภูเขาที่หนักสามร้อยจินมาเป็นของหมั้น ถึงได้แต่งมารดาของนางเข้าบ้าน
จางสยงและภรรยาดูรักกันมาก ลูกสาวเพียงคนเดียวก็ยิ่งรักเข้าไปใหญ่
แต่จากการที่หญิงสาวค่อยๆ โตขึ้น ความงดงามก็เป็นที่ตื่นตะลึง ซึ่งงดงามกว่ามารดาของนางในสมัยก่อนถึงสามส่วน
ด้วยเหตุนี้ สองปีก่อนก็มีคนจำนวนมากส่งแม่สื่อมาคุยเรื่องการหมั้นหมายแล้ว รวมไปถึงตระกูลใหญ่ในเมืองบางแห่งที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ด้วย
แต่งจางสยงกับภรรยาไม่ยอมให้ลูกสาวสุดที่รักแต่งออกไปเร็วเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลมาโดยตลอด
เป็นเช่นนี้มาจวบจนสองปี พอจางยาอายุสิบห้าปี ถ้าไม่แต่งออกไปก็จะกลายเป็นสาวแก่ จางสยงกับภรรยาจึงไม่กล้ายืดเยื้อเรื่องงานแต่งของลูกสาวอีกต่อไป และได้ประกาศเรื่องแต่งงานของลูกสาว
แต่ผู้นำครอบครัวอย่างจางสยง กลับเสนอของหมั้นที่ไม่ด้อยไปกว่าหมูป่ายักษ์ที่เขาล่าได้ในปีนั้น ถึงจะยอมยกลูกสาวให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา