กวนจื่อยางเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก!
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พอเขาขยับแขน กำปั้นลูกหนึ่งก็ทุบออกไป
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น!
คลื่นอากาศสั่นไหวตรงหน้าหลิ่วหมิง เงากำปั้นสีดำปรากฏออกมาพร้อมกับพลังมหาศาล
“เพล้ง!”
หลิ่วสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง ฝ่ามือสีขาวยื่นออกมาจับเงากำปั้นไว้ นิ้วทั้งห้าออกแรงขยี้จนเงากำปั้นแตกกระจายออกมา
พลังไร้รูปโจมตีลงบนตัวหลิ่วหมิง แต่เพียงแค่มีเสียงดังราวกับใบไม้แห้งหล่น จากนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก
ประจักษ์ชัดว่าพลังแค่นี้ ไม่สามารถทำอะไรเกราะหนังมังกรบนตัวได้
ไม่ว่าจะเป็นกวนจื่อยางที่อยู่ตรงหน้า หรือว่าคนอื่นๆ ที่อยู่นอกม่านแสง พอเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้! เจ้ารับการโจมตีของข้าได้อย่างง่ายได้!” ในที่สุดกวนจื่อยางก็ได้สติ หลังจากที่เขาคำรามด้วยความโมโหแล้ว ก็ขยับแขนทั้งสองจนดูพร่ามัว เงากำปั้นจำนวนมากปรากฏตรงหน้า แต่พอสั่นไหวแค่ทีเดียว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะนั้นเอง มีเสียงแหลมดังแสบแก้วหูดังมาจากอากาศ
เงากำปั้นสีดำพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงติดต่อกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ กลับเลิกคิ้วและหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ปล่อยกำปั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตู๊ม!!” บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
เงากำปั้นจำนวนมากหยุดชะงักราวกับถูกกำแพงต้านทานไว้ และค่อยๆ ระเบิดตัวออกมาท่ามกลางแรงสั่นสะเทือน คลื่นอากาศทั้งหมดปกคลุมอากาศเหนือลานกว้างเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีเสียงดังหวึ่งๆ อยู่ไม่หยุด
ขณะนั้นเอง มีเงาร่างเคลื่อนไหวท่ามกลางคลื่นสั่นสะเทือน หลิ่วหมิงค่อยๆ ก้าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน จนอยู่ห่างจากกวนจื่อยางไม่กี่จั้ง จากนั้นก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น นิ้วทั้งห้าแยกออกจากกันแล้วกดไปยังด้านหน้า
“ตู๊ม!”
เงาฝ่ามือยักษ์สีดำขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ ปรากฏอยู่เหนือศีรษะกวนจื่อยาง และค่อยๆ กดลงมา
ชายหนุ่มรู้สึกว่าอากาศบริเวณนั้นอึดอัดขึ้นมาทันที พลังบางอย่างที่ทำให้เขาหวาดกลัวกดทับลงมา จนทำให้แสงสีดำที่ห่อหุ้มร่างเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา
“ฝันไปเถอะ!”
แม้จิตใจของกวนจื่อยางจะร่วงหล่นลงไป แต่เขากลับคำรามออกมาด้วยความโมโห แสงสีดำพร่ามัวกลายเป็นหัววัวขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว เปลวไฟสีเงินพวยพุ่งในเบ้าตาทั้งสอง จากนั้นก็แหงนหน้าพ่นอะไรบางอย่างขึ้นบนอากาศ
คลื่นแสงสีดำพวยพุ่งออกมาต้านทานฝ่ามือยักษ์ไว้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
อย่างที่รู้ว่าพลังอันแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เกิดจากการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬกับกระดูกมังกรภายในร่างที่ค่อยๆ กลั่นออกมา จนดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าก่อนศึกเผ่าเจ้าสมุทรหนึ่งเท่าขึ้นไป ต่อให้เป็นผู้ฝึกร่างระดับเดียวกัน ก็ยากที่จะรับการโจมตีนี้ได้
แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับใช้เคล็ดวิชาต้านทานพลังของเขาในตอนนี้ได้ ดูท่าร่างกายคงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
แต่มาถึงเวลานี้แล้ว หลิ่วหมิงไม่คิดจะยั้งมืออีกต่อไป เขากระตุ้นเคล็ดวิชาอย่างเงียบๆ เสียงมังกรคำรามออกจากร่างของเขา ไอดำพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง และกลายร่างเป็นอสรพิษสีดำ มันแยกเขี้ยวหมุนวนรอบตัวเขาอยู่ครู่หนึ่ง
และขณะนั้นเอง ลำแสงสีดำได้เปล่งประกายบนหลังมือของฝ่ามือยักษ์สีดำที่กดทับลงมา สัญลักษณ์มังกรที่ดูเหมือนจะมีชีวิตได้ปรากฏออกมา ผลึกแสงเปล่งประกายแวววาว และกระพริบอยู่ในลำแสงสีดำลึกลับ
ชายหนุ่มรู้สึกว่าพลังเหนือศีรษะเพิ่มขึ้นมาโดยฉับพลัน เขาทำเสียงฮึดฮัดและกระอักเลือดออกมา เงาร่างหัววัวแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
มือยักษ์สีดำพร่ามัวเข้ามา พอมันอยู่ห่างศีรษะชายหนุ่มไม่กี่ชุ่น ก็หยุดชะงักลงในทันที
“สหายกวน ท่านออมมือแล้ว!” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย และหดแขนกลับมา ฝ่ามือยักษ์สีดำแตกสลายไป แต่แอบตกใจกับความรุนแรงของเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬอยู่ไม่หยุด
ใบหน้าของกวนจื่อยางไร้ซึ่งเลือดฝาด เขามีสีหน้าเสียใจเป็นอย่างมาก ผ่านไปนานสองนานถึงควักถุงหนังออกมาจากอก และโยนไปยังฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็พุ่งทะยานหนีไป
หลิ่วหมิงคว้าถุงหนังไว้ พอส่งพลังจิตไปกวาดดู ก็ค้นพบว่าข้างในเต็มไปด้วยผลึกหินสีดำขนาดเท่าเล็บมือเกือบร้อยก้อน เขาจึงรีบเก็บด้วยความดีใจ
อย่างที่รู้ว่า ผลึกปีศาจนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่หัวปีศาจชอบกินมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชดเชยพลังชีวิตที่สูญเสียไปได้
หัวบินของเขาตนนั้น เดิมทีมีพลังระดับของเหลว แต่ภายหลังได้รับบาดเจ็บมานาน ทำให้สูญเสียพลังชีวิตไปมาก ถึงได้ลดระดับลงมาเช่นนี้ ผลึกปีศาจเหล่านี้คงมีประโยชน์กับมันไม่น้อย
ขณะนี้ กลุ่มคนที่อยู่นอกม่านแสงกลับรู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
หญิงสาวผมยาวที่ชื่อโหรวเอ๋อร์ ก็อ้าปากค้างจนไม่อาจหุบได้ในชั่วขณะ
หานหลีกลับมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา