ไม่เพียงแค่นี้ ดวงตาแดงก่ำทั้งสองของอสรพิษยักษ์เปล่งประกายราวกับคนที่ถูกเหน็บแหนม พอมันอ้าปาก ของเหลวราวกับหมึกสีดำก็พ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก เขาขยับตัวไปอีกด้านหนึ่งของค่ายกลอย่างไม่ลังเล
บังเกิดเสียงดังราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่
พอมีคลื่นสั่นสะเทือนบนอากาศที่ดูว่างเปล่า ค่ายกลขนาดใหญ่ที่หลบเร้นอยู่ด้านล่างก็ปรากฏออกมา ขณะเดียวกันก็มีลำแสงเปล่งประกายออกมา ม่านแสงสีแดงปรากฏตัวขึ้น และต้านทานของเหลวสีดำที่หล่นลงไว้
แต่พอม่านแสงสีแดงสัมผัสกับของเหลวสีดำ มันก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดเสียงดัง “เพล้ง!” ก็บังเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมา
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอะไรมาต้านทานไว้ ของเหลวสีดำก็เข้าไปในม่านแสง และพอมีเสียงระเบิดดังขึ้น หยาดฝนสีดำก็พุ่งยิงลงมา
พริบตาที่ม่านสีแดงถูกของเหลวเหล่านี้เจาะทะลุ ค่ายกลทั้งหลังก็เกิดเป็นรูจำนวนมาก และถูกทำลายในทันที
แม้หลิ่วหมิงจะยังมีท่าไม้ตายอยู่ไม่น้อย แต่พอเห็นของเหลวสีดำร้ายกาจถึงเพียงนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีขึ้นมา ขณะเดียวกันก็แอบด่าประมุขนิกายปีศาจผู้นั้นอยู่ไม่หยุด
นี่คือค่ายกลที่เขาบอกว่าสามารถควบคุมมารอสรพิษได้หรือ!
ดูจากสถานการณ์ตรงหน้า ต่อให้หลอกล่อให้อสรพิษยักษ์เข้าไปในค่ายกลได้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามอ้าปากพ่นออกมาได้
แต่มาถึงตอนนี้แล้ว หานหลีก็ยังไม่ปรากฏร่างออกมา ทั้งยังไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรซ่อนร่างไว้ ซึ่งแม้แต่พลังจิตอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิง ก็รับรู้กลิ่นไอได้เพียงลางๆ ว่าชายหนุ่มยังอยู่บริเวณนี้ แต่กลับไม่อาจระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้
แม้อสรพิษสีดำตรงหน้าจะมีพลังน่าตกใจ แต่พลังจิตกลับดูธรรมดามาก มันได้แต่จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม ประจักษ์ชัดว่า ยังไม่ค้นพบว่ามีศัตรูหลบซ่อนอยู่บริเวณนี้
ด้วยเหตุนี้ หานหลีเพียงแค่คว้าโอกาสให้มั่น ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลอบโจมตีมารอสรพิษนี้อย่างรุนแรงได้ แต่ก่อนอื่น หลิ่วหมิงต้องต้านทานการโจมตีของมารอสูรตรงหน้าก่อน เพื่อพยายามสร้างโอกาสให้ชายหนุ่มถึงจะได้
แต่หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เขาจำเป็นต้องต้านทานการโจมตีของมารอสรพิษตรงหน้า โดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อจริงๆ แล้ว
“เอาเถอะ! ถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ลองดูพลังของมารอสรพิษก่อนแล้วค่อยว่ากัน! มีเกล็ดมังกรระดับผลึกป้องกันอยู่ เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามยังอยู่ในระดับของเหลว คิดว่าคงป้องกันได้อย่างไม่มีปัญหา” หลิ่วหมิงหรี่ตาคิดไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ จากนั้นกระบี่สั้นสีทองในมือก็ถูกตวัดออกไป
บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
เงากระบี่สีทองจำนวนมากทับซ้อนกันตรงหน้าเขา และกลายเป็นแสงกระบี่ที่ยาวเจ็ดแปดจั้งก่อนม้วนตัวไปหาอสรพิษยักษ์
อสรพิษยักษ์สีดำยังอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่กลับอ้าปากพ่นของเหลวสีดำออกมาอีกครั้ง และปะทะใส่แสงกระบี่ที่ม้วนตัวเข้ามาพอดี
“ฟู่!”
แสงกระบี่ดับสลายไป ของเหลวสีดำก็กลายเป็นไอดำก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหมือนกับว่าจะทั้งสองจะพังพินาศไปพร้อมๆ กัน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หดรูม่านตาในทันที
อย่างที่รู้ว่า แม้การแสดงวิชาเมื่อครู่จะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของวิชากระบี่ แต่สิ่งที่อยู่ในมือเป็นกระบี่จิตวิญญาณระดับสุดยอด อานุภาพก็แข็งแกร่งกว่ากระบี่จันทราหยกหลายเท่า แต่กลับถูกของเหลวสีดำนี้ทำลายได้
ที่แท้มารอสรพิษระดับของเหลวขั้นปลายตนนี้ ก็น่ากลัวถึงเพียงนี้
ในขณะที่หลิ่วหมิงลังเลว่า ควรจะลองใช้วิชาขี่กระบี่ที่ยังชำนาญไม่ถึงครึ่งลองโจมตีดูดีหรือไม่นั้น สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไป พอเขาขยับแขน ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่งก็ฟันขึ้นฟ้า
“ฟู่!”
เงาสีดำจางๆ ของหัวอสรพิษยักษ์ปรากฏเหนือศีรษะหลิ่วหมิงโดยไร้ซุ้มเสียง และงับลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
แสงสีทองเปล่งประกาย แสงกระบี่ฟันร่างอสรพิษออกเป็นสองส่วน
แต่ครู่ต่อมา ก็มีคลื่นสั่นไหวข้างตัวหลิ่วหมิง เงาหัวอสรพิษยักษ์สีดำอีกตนหนึ่งปรากฏออกมา และอ้าปากงับเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม
“ทำลาย!”
หลิ่วคิดจะกระตุ้นกระบี่จันทราทองคำในมือก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แต่คำรามเสียงต่ำออกมา มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็กำกำปั้นไว้แน่น และโจมตีใส่เงาร่างที่สองของอสรพิษดำทันที
“เพล้ง!” เงากำปั้นสีดำพุ่งออกไป
หัวอสรพิษสั่นสะเทือน จากนั้นก็ถูกพลังมหาศาลของเงากำปั้นโจมตีจนแตกกระจาย
ขณะนี้ หลิ่วหมิงก็ไม่ได้รู้สึกวางใจแต่อย่างใด แต่กลับกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้นอย่างรวดเร็ว และพุ่งยิงออกไปด้านข้างราวกับลูกธนู
“เพล้ง!”
อสรพิษยักษ์สีดำตนที่สามพุ่งออกจากทะเลทราย และอ้าปากงับได้แต่ความว่างเปล่า
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงก็ไม่หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เขาเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเงา กระบี่สั้นสีทองก็ฟันออกไปไม่หยุด ขณะเดียวกันหัวอสรพิษยักษ์แต่ละตน ก็งับมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง
หากไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงมีร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และขณะเดียวกันยังเคยทานหญ้าลอยฟ้าจนทำให้ร่างเบาเหมือนนกล่ะก็ เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้
ดีที่ว่าร่างแท้จริงของมารอสรพิษยังคงอยู่นิ่งกับที่ มันเพียงแต่ใช้สายตาอันเยือกเย็นจ้องมองหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด เกล็ดสีดำหนาๆ บนตัว มีอักขระสีดำจำนวนมากเปล่งประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์ที่อสรพิษทำการโจมตีเช่นนี้ ประจักษ์ชัดว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างที่แท้จริงได้โดยง่าย
“ฟู่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา