ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 315

สรุปบท ตอนที่ 315: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปตอน ตอนที่ 315 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

ตอน ตอนที่ 315 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 315 ของเหลวสีดำกับเปลวเพลิงสีขาว
ตอนที่ 315 ของเหลวสีดำกับเปลวเพลิงสีขาว
โดย
Ink Stone_Fantasy
อสรพิษยักษ์สีดำตนนั้น หยุดอยู่ห่างจากค่ายกลยี่สิบกว่าจั้ง มันแลบลิ้นสีม่วงเข้มออกมาอยู่ไม่หยุด ลิ้นของมันยังดูสมบูรณ์ราวกับว่าไม่เคยถูกฟันมาก่อน

ไม่เพียงแค่นี้ ดวงตาแดงก่ำทั้งสองของอสรพิษยักษ์เปล่งประกายราวกับคนที่ถูกเหน็บแหนม พอมันอ้าปาก ของเหลวราวกับหมึกสีดำก็พ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง

หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก เขาขยับตัวไปอีกด้านหนึ่งของค่ายกลอย่างไม่ลังเล

บังเกิดเสียงดังราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่

พอมีคลื่นสั่นสะเทือนบนอากาศที่ดูว่างเปล่า ค่ายกลขนาดใหญ่ที่หลบเร้นอยู่ด้านล่างก็ปรากฏออกมา ขณะเดียวกันก็มีลำแสงเปล่งประกายออกมา ม่านแสงสีแดงปรากฏตัวขึ้น และต้านทานของเหลวสีดำที่หล่นลงไว้

แต่พอม่านแสงสีแดงสัมผัสกับของเหลวสีดำ มันก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดเสียงดัง “เพล้ง!” ก็บังเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมา

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอะไรมาต้านทานไว้ ของเหลวสีดำก็เข้าไปในม่านแสง และพอมีเสียงระเบิดดังขึ้น หยาดฝนสีดำก็พุ่งยิงลงมา

พริบตาที่ม่านสีแดงถูกของเหลวเหล่านี้เจาะทะลุ ค่ายกลทั้งหลังก็เกิดเป็นรูจำนวนมาก และถูกทำลายในทันที

แม้หลิ่วหมิงจะยังมีท่าไม้ตายอยู่ไม่น้อย แต่พอเห็นของเหลวสีดำร้ายกาจถึงเพียงนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีขึ้นมา ขณะเดียวกันก็แอบด่าประมุขนิกายปีศาจผู้นั้นอยู่ไม่หยุด

นี่คือค่ายกลที่เขาบอกว่าสามารถควบคุมมารอสรพิษได้หรือ!

ดูจากสถานการณ์ตรงหน้า ต่อให้หลอกล่อให้อสรพิษยักษ์เข้าไปในค่ายกลได้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามอ้าปากพ่นออกมาได้

แต่มาถึงตอนนี้แล้ว หานหลีก็ยังไม่ปรากฏร่างออกมา ทั้งยังไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรซ่อนร่างไว้ ซึ่งแม้แต่พลังจิตอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิง ก็รับรู้กลิ่นไอได้เพียงลางๆ ว่าชายหนุ่มยังอยู่บริเวณนี้ แต่กลับไม่อาจระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้

แม้อสรพิษสีดำตรงหน้าจะมีพลังน่าตกใจ แต่พลังจิตกลับดูธรรมดามาก มันได้แต่จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม ประจักษ์ชัดว่า ยังไม่ค้นพบว่ามีศัตรูหลบซ่อนอยู่บริเวณนี้

ด้วยเหตุนี้ หานหลีเพียงแค่คว้าโอกาสให้มั่น ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลอบโจมตีมารอสรพิษนี้อย่างรุนแรงได้ แต่ก่อนอื่น หลิ่วหมิงต้องต้านทานการโจมตีของมารอสูรตรงหน้าก่อน เพื่อพยายามสร้างโอกาสให้ชายหนุ่มถึงจะได้

แต่หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เขาจำเป็นต้องต้านทานการโจมตีของมารอสรพิษตรงหน้า โดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อจริงๆ แล้ว

“เอาเถอะ! ถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ลองดูพลังของมารอสรพิษก่อนแล้วค่อยว่ากัน! มีเกล็ดมังกรระดับผลึกป้องกันอยู่ เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามยังอยู่ในระดับของเหลว คิดว่าคงป้องกันได้อย่างไม่มีปัญหา” หลิ่วหมิงหรี่ตาคิดไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ จากนั้นกระบี่สั้นสีทองในมือก็ถูกตวัดออกไป

บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!

เงากระบี่สีทองจำนวนมากทับซ้อนกันตรงหน้าเขา และกลายเป็นแสงกระบี่ที่ยาวเจ็ดแปดจั้งก่อนม้วนตัวไปหาอสรพิษยักษ์

อสรพิษยักษ์สีดำยังอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่กลับอ้าปากพ่นของเหลวสีดำออกมาอีกครั้ง และปะทะใส่แสงกระบี่ที่ม้วนตัวเข้ามาพอดี

“ฟู่!”

แสงกระบี่ดับสลายไป ของเหลวสีดำก็กลายเป็นไอดำก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เหมือนกับว่าจะทั้งสองจะพังพินาศไปพร้อมๆ กัน

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หดรูม่านตาในทันที

อย่างที่รู้ว่า แม้การแสดงวิชาเมื่อครู่จะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของวิชากระบี่ แต่สิ่งที่อยู่ในมือเป็นกระบี่จิตวิญญาณระดับสุดยอด อานุภาพก็แข็งแกร่งกว่ากระบี่จันทราหยกหลายเท่า แต่กลับถูกของเหลวสีดำนี้ทำลายได้

ที่แท้มารอสรพิษระดับของเหลวขั้นปลายตนนี้ ก็น่ากลัวถึงเพียงนี้

ในขณะที่หลิ่วหมิงลังเลว่า ควรจะลองใช้วิชาขี่กระบี่ที่ยังชำนาญไม่ถึงครึ่งลองโจมตีดูดีหรือไม่นั้น สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไป พอเขาขยับแขน ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่งก็ฟันขึ้นฟ้า

“ฟู่!”

เงาสีดำจางๆ ของหัวอสรพิษยักษ์ปรากฏเหนือศีรษะหลิ่วหมิงโดยไร้ซุ้มเสียง และงับลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ

แสงสีทองเปล่งประกาย แสงกระบี่ฟันร่างอสรพิษออกเป็นสองส่วน

แต่ครู่ต่อมา ก็มีคลื่นสั่นไหวข้างตัวหลิ่วหมิง เงาหัวอสรพิษยักษ์สีดำอีกตนหนึ่งปรากฏออกมา และอ้าปากงับเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม

“ทำลาย!”

หลิ่วคิดจะกระตุ้นกระบี่จันทราทองคำในมือก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แต่คำรามเสียงต่ำออกมา มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็กำกำปั้นไว้แน่น และโจมตีใส่เงาร่างที่สองของอสรพิษดำทันที

“เพล้ง!” เงากำปั้นสีดำพุ่งออกไป

หัวอสรพิษสั่นสะเทือน จากนั้นก็ถูกพลังมหาศาลของเงากำปั้นโจมตีจนแตกกระจาย

ขณะนี้ หลิ่วหมิงก็ไม่ได้รู้สึกวางใจแต่อย่างใด แต่กลับกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้นอย่างรวดเร็ว และพุ่งยิงออกไปด้านข้างราวกับลูกธนู

“เพล้ง!”

อสรพิษยักษ์สีดำตนที่สามพุ่งออกจากทะเลทราย และอ้าปากงับได้แต่ความว่างเปล่า

เวลาต่อมา หลิ่วหมิงก็ไม่หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เขาเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเงา กระบี่สั้นสีทองก็ฟันออกไปไม่หยุด ขณะเดียวกันหัวอสรพิษยักษ์แต่ละตน ก็งับมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง

หากไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงมีร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และขณะเดียวกันยังเคยทานหญ้าลอยฟ้าจนทำให้ร่างเบาเหมือนนกล่ะก็ เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้

ดีที่ว่าร่างแท้จริงของมารอสรพิษยังคงอยู่นิ่งกับที่ มันเพียงแต่ใช้สายตาอันเยือกเย็นจ้องมองหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด เกล็ดสีดำหนาๆ บนตัว มีอักขระสีดำจำนวนมากเปล่งประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้สถานการณ์ที่อสรพิษทำการโจมตีเช่นนี้ ประจักษ์ชัดว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างที่แท้จริงได้โดยง่าย

“ฟู่!”

นี่เป็นเพราะว่าหลิ่วหมิงสลัดการไล่ตามของเงาหัวอสรพิษได้พอดี เขาจึงสะบัดแขนเสื้อปล่อยโซ่สยบปีศาจไปช่วยหานหลีในช่วงเวลาสำคัญไว้ได้

ขณะนั้นเอง มารอสูรตนนี้ก็คำรามเสียงออกมาด้วยความโมโห มันสะบัดหางลงพื้นอย่างรุนแรง พายุบ้าระห่ำสีดำก็ม้วนตัวขึ้น และดับเปลวเพลิงสีขาวที่อยู่ด้านล่างจนดับไป ขณะเดียวกันร่างขนาดใหญ่ก็กระโดดตัวขึ้น และกระโจนเข้าใส่หานหลีที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้ง

ชายหนุ่มสีหน้าถอดสีในทันที

ตอนนี้เขาเพิ่งหลุดพ้นจากพลังมหาศาลนั้นได้ ร่างกายยังคงอ่อนแรง ไม่สามารถทำการป้องกันใดๆ ได้ ทำได้แต่กัดฟัน และเป่าตะเกียงโบราณตรงหน้า

“ฟู่!”

พอเปลวเพลิงสีแดงพร่ามัว มันก็กลายเป็นวิหคน้อยสีแดงพุ่งออกจากตะเกียง และพุ่งใส่อสรพิษยักษ์

อสรพิษยักษ์สีดำทำเสียงฟืดฟาดพ่นไอดำออกมา วิหคน้อยสีแดงถูกห่อหุ้มไว้และม้วนออกไปหลายจั้งก่อนที่จะระเบิดออกมา

ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะรัศมีจั้งกว่าๆ ถูกเปลวเพลิงสีแดงปกคลุมไว้ในพริบตา

พอไม่มีอะไรมาต้านทานไว้ อสรพิษยักษ์ก็อ้าปากงับไปทางหานหลีอย่างโหดเหี้ยม

แต่ขณะนั้นเอง ก็มีแสงสีดำเปล่งประกายออกมา ลูกกลมๆ สีดำปรากฏอยู่เหนือหัวอสรพิษยักษ์ และหมุนตัวร่วงลงมาอย่างรุนแรง

“ตู๊ม!”

มุกกลมทุบใส่หัวของอสรพิษยักษ์พอดี ขณะเดียวกันเงาร่างขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ก็ปรากฏออกมา

อสรพิษยักษ์ไม่ทันได้ป้องกัน หัวของมันถูกทุบจนเซไปด้านข้าง และฟาดลงบนพื้นทรายอย่างรุนแรง จนทำให้พื้นบริเวณนั้นสั่นสะเทือนขึ้นมา

มุกพลังวารีที่ผ่านการปรับแต่งมาสองครั้ง ทำให้มันมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหมื่นจิน แม้ว่าตอนนี้กายเนื้อของหลิ่วหมิงจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็พอที่จะฝืนควบคุมได้เท่านั้น

แม้มารอสรพิษตนนี้ จะมีพลังแปลกประหลาด แต่ไหนเลยจะสามารถต้านทานการโจมตีอย่างรุนแรงของมุกพลังวารีนี้ได้

ดังนั้นมารอสรพิษตนนี้จึงถูกทุบจนเวียนหัวขึ้นมาทันที และไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็โยนกระบี่สั้นสีทองไปในอากาศอย่างไม่ลังเล และทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว

กระบี่สั้นสีทองพร่ามัวกลายเป็นสายรุ้งม้วนตัวเข้ามา มันปล่งประกายแค่ทีเดียวก็ฟันใส่กลางหัวของอสรพิษยักษ์

เลือดสีดำพุ่งออกจากหัวอสรพิษยักษ์ จากนั้นหัวขนาดใหญ่ก็ถูกฟันออกเป็นสองส่วน

………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา