อสรพิษดำตรงหน้าร่วงลงพื้น และมุดเข้าพื้นทรายในพริบตา
“ตุ๊บ!”
หลิ่วหมิงมาถึงจุดที่อสรพิษดำมุดลงไป จากนั้นก็ทุบลงด้านล่างอย่างรุนแรง
บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
พอคลื่นอากาศพร้อมด้วยฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วทิศ หลุมลึกจั้งกว่าๆ ก็โผล่ออกมา
แต่ใจกลางหลุมกลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว และเอานิ้วแตะหน้าผาก พลังจิตอันแข็งแกร่งม้วนตัวออกไป
“ช่องมิติ!”
เขาหลุดปากออกมาทันที สีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ไม่หยุด แต่ผ่านไปไม่นานก็หยิบยันต์ออกจากแขนเสื้อ และแปะลงบนตัว
พอมีเสียงดังขึ้น ยันต์ก็ระเบิดตัวเป็นอักขระสีเหลืองจางๆ สิบกว่าตัว
แสงสีเหลืองปรากฏขึ้นบนร่างหลิ่วหมิง หลังจากทำท่ามือด้วยมือเดียว ร่างของเขาก็จมหายไปในพื้นทรายอย่างไร้ร่องรอย
แม้ว่ารอบด้านจะเป็นเม็ดทรายสีเหลือง แต่ภายใต้การแสดงวิชา หลิ่วหมิงกลับทะลุลึกลงไปหลายจั้ง
พอทะลุลงไปได้เจ็ดแปดจั้ง แสงทรงกลดสีขาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวไม่เกินจั้งกว่าๆ ก็ปรากฏขึ้นในทะเลทราย
แสงทรงกลดนี้ค่อยๆ หมุนวนอยู่กับที่อย่างต่อเนื่อง และปล่อยคลื่นมิติออกมาจางๆ แต่ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นรำไร
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือเดียว เขาขยับตัวแค่ทีเดียว ก็มาถึงด้านหน้าแสงทรงกลดสีขาว พอเขม้นตามองออกไป ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มีภาพวาดพร่ามัวสีดำปรากฏอยู่ใจกลางแสงทรงกลด
หลังจากเขาแยกแยะอย่างละเอียดแล้ว ถึงมองเห็นสภาพภายในของสิ่งก่อสร้างบางอย่างคร่าวๆ
สิ่งนี้ทำให้เขาลังเลขึ้นมา
อสรพิษดำจะต้องหลบหนีจากช่องมิติไปทางด้านนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หากให้เลิกตามล่าไปเช่นนี้ เขาย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน
เพราะในตอนแรก เขาสัญญาว่าจะสังหารมารอสรพิษตนนี้ให้ได้ หากยอมให้มันหนีไปได้ล่ะก็ ตอนออกไปจากเจดีย์ คงไม่รู้จะเผชิญหน้ากับประมุขนิกายปีศาจและคนอื่นๆ อย่างไร เกรงว่าพอถึงเวลานั้น อาจต้องถกเถียงกันเรื่องหัวพยัคฆ์โลหิตในมือก็ได้
ปีศาจอสูรในเจดีย์กักปีศาจนี้ เทียบเท่ากับว่าทางนิกายหยวนหมัวเลี้ยงมันขึ้นมา ที่ยอมให้เขาสังหารมันได้ นับว่าต้องเสียค่าตอบแทนไม่ใช่น้อย
แม้เขาไม่รู้ว่าช่องมิตินี้ปรากฏมาได้อย่างไร อีกด้านหนึ่งเป็นสถานที่ใด แต่ในเมื่ออสรพิษดำสามารถข้ามไปได้อย่างปลอดภัย เขาก็คงไม่เป็นอะไรเช่นกัน
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ก็ตัดสินใจได้ทันที แต่เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด จึงไม่ได้ข้ามช่องมิติไปทันที แต่กลับสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยยันต์เก่าๆ ออกมาผืนหนึ่ง หลังจากหมุนวนไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ลอยนิ่งๆ อยู่กลางอากาศตรงหน้า
เขาร่ายคาถาออกมา มือทั้งสองทำท่ามืออย่างรวดเร็วราวกับล้อรถหมุน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางยันต์ที่อยู่กลางอากาศ
“ฟู่!”
อักขระสีทองจำนวนมากลอยออกจากยันต์ผืนเก่าๆ พอมันรวมตัวเข้าด้วยกัน ก็กลายเป็นนักรบยันต์เกราะทองคำ
หลิ่วหมิงเอานิ้วแตะระหว่างคิ้วของนักรบยันต์ในทันที พลังเวทย์บริสุทธิ์จำนวนหนึ่งพุ่งเข้าไปในนั้น
ไม่นาน นักรับยันต์ก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปยังแสงทรงกลดที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือเดียวด้วยตาที่เป็นประกาย และใช้พลังจิตเชื่อมต่อกับยันต์นักรบอยู่ตลอดเวลา
พริบตาที่นักรบยันต์เกราะทองคำเดินมาถึงหน้าแสงทรงกลด แรงดึงดูดก็ม้วนตัวออกมา และดึงมันเข้าไปในนั้น
หลิ่วหมิงเพียงแค่รู้สึกหนักศีรษะเล็กน้อย จากนั้นร่างของนักรบยันต์ก็โผล่ขึ้นอีกด้านหนึ่งของม่านแสงสีขาว และยังสามารถรักษาการติดต่อไว้ได้อย่างชัดเจน
“ดีมาก! ที่แท้ก็ไม่เป็นอะไร!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยความโล่งอก จากนั้นก็พุ่งเข้าแสงทรงกลดอย่างไม่ลังเล
พอแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา เขาก็มาปรากฏตัวอยู่บนระเบียงแคบยาวสีดำ ทั้งสองข้างล้วนเป็นเสาหินโบราณสีดำขนาดสูงใหญ่ แสงทรงกลดสีขาวอยู่ในเสาต้นหนึ่งพอดี ราวกับว่าถูกเลี่ยมฝังไว้ในนั้น
พอหลิ่วหมิงสังเกตดูรอบด้าน ก็มองเห็นสภาพบริเวณนั้นอย่างชัดเจน
ด้านบน ด้านหน้า และด้านหลังของระเบียง ล้วนถูกไอหมอกสีดำปกคลุมอยู่ ไอหมอกสีดำนี้ดูคล้ายกับในเจดีย์กักปีศาจมาก และทั้งสองด้านของระเบียงกลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสีดำ ดูคล้ายกับทางช้างเผือก มีแสงสีเงินเป็นจุดๆ อยู่ในนั้น ซึ่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเลย
ระเบียงถูกแขวนอยู่กลางอากาศโดยไม่มีสิ่งใดมาค้ำไว้
หลิ่วหมิงเดินไปด้านหนึ่งของระเบียงด้วยความประหลาดใจ พอมองไปด้านล่างก็มองเห็นดาวเป็นจุดๆ ซึ่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเช่นกัน
เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว และปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไป แต่พอไปถึงขอบระเบียง ก็ถูกกำแพงไร้รูปบางอย่างดีดกระเด็นกลับมา
ระเบียงอันแปลกประหลาดนี้ ถูกคนวางชั้นจำกัดบางอย่างไว้ ทำให้พลังจิตไม่อาจออกไปจากพื้นที่ของระเบียงได้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พอกระตุ้นเคล็ดวิชา ไอดำก็พวยพุ่งออกจากร่าง จากนั้นเขาถึงรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง
มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว พลังเวทย์ของเขากลับไม่ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา