ตอนที่ 321 – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา
ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 321 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
แน่นอนว่าย่อมมีผู้ถูกชิงร่างสำเร็จเช่นกัน แม้ตอนนั้นจะถูกชิงไม่สำเร็จ แต่ต่อมากลับได้รับผลกระทบจากพลังจิตของผู้ชิงร่างที่หลงเหลืออยู่ จนเป็นบ้าและเสียชีวิตไป
ตอนนี้ เขาได้รับความทรงจำเรื่องอักขระโบราณจากผู้ชิงร่าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่พอหลิ่วหมิงนึกถึงที่มาของอักขระสีม่วงโบราณนี้อย่างละเอียด กลับดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลิ่วหมิงไม่ยอมพลาดโอกาสอันดีตรงหน้าไปแน่นอน เขาจ้องมองเกล็ดบนบาทายักษ์โดยไม่กระพริบตา
ขณะนี้ เขาถึงค้นพบว่า เกล็ดแผ่นนี้ใหญ่กว่าเกล็ดบริเวณใกล้เคียงเท่าตัวขึ้นไป และดำกว่าเล็กน้อย
เขาจ้องมองอยู่เช่นนี้ จนเวลาผ่านไปหนึ่งมื้อข้าว อักขระโบราณสีม่วงก็กระพริบออกมา มันคืออักขระตัวเดิม
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่ยังคงจ้องมองเกล็ดโดยไม่ขยับเขยื้อน
ผ่านไปซักระยะ เมื่ออักขระสีม่วงโบราณปรากฏออกมาอีกครั้ง เขาก็เปล่งพยางค์เสียงคลุมเครือที่เข้าใจยากออกมา
“ฟู่!”
อักขระสีม่วงโบราณที่เพิ่งปรากฏออกมา หยุดนิ่งอยู่บนเกล็ด ขณะเดียวกัน ก็มีลำแสงจางๆ พร่ามัวบนพื้นที่ว่างเปล่าเหนือเกล็ด อักขระสีม่วงโบราณอีกตัวที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงปรากฏออกมา
หลิ่วหมิงค่อยๆ หดรูม่านตาลง แต่กลับเปล่งภาษาโบราณออกมาอย่างไม่ลังเล
อักขระสีม่วงโบราณตัวที่สองหยุดนิ่งอยู่เหนือเกล็ดเช่นกัน อักขระสีม่วงโบราณตัวที่สามตามออกมาติดๆ……
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ เมื่ออักขระแต่ละตัวปรากฏออกมา หลิ่วหมิงก็รีบร่ายคาถาขึ้นมา
ไม่นาน อักขระสีม่วงโบราณเก้าตัวก็เรียงอยู่บนเกล็ดไม่ขยับเขยื้อน แต่นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้นอีก
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ้าปากอ่านอักขระทั้งเก้าตัวออกมาในอึดใจเดียว ดูเหมือนมันจะเป็นเคล็ดวิชาชนิดหนึ่ง
“เพล้ง!”
พอเขาอ่านพยางค์สุดท้ายจบ อักขระสีม่วงโบราณทั้งเก้าตัวก็สลายไปพร้อมกัน แต่กลับมีเสียงดังมาจากบาทายักษ์ตรงหน้าเบาๆ
แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้หัวใจหลิ่วหมิงเต้นตามจังหวะของมัน
หลิ่วหมิงรีบถอยออกไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ
แต่เพียงไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงมาจากบาทายักษ์ ซึ่งดูเหมือนจะดังกว่าเมื่อครู่
และหัวใจหลิ่วหมิงก็เต้นตาม
ครั้งนี้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
มีเสียงดังออกจากบาทายักษ์ และยิ่งดังและเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีหัวใจแข็งแกร่งดวงหนึ่งค่อยๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ผ่านไปไม่นาน ก็มีเสียง “ตึกตัก!” ดังก้องไปทั่วแท่นบูชา
หลิ่วหมิงเอามือแนบอกด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้หัวใจของเขา เต้นตามจังหวะเสียงที่ดังมาจากบาทายักษ์ แม้ว่าจะกระตุ้นพลังเวทย์ควบคุมอย่างสุดฤทธิ์ ก็ได้ผลไม่มากนัก
ขณะนี้ ทุกครั้งที่หัวใจเขาเต้น ล้วนทำให้โลหิตพวยพุ่งขึ้นมา และรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“แย่แล้ว!”
หลิ่วหมิงหมุนตัวอย่างไม่ลังเล และพุ่งออกไปจากแท่นบูชา
แม้เขาไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับบาทายักษ์ แต่เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ควรอยู่ห่างไว้จะดีที่สุด
แต่ขณะนั้นเอง เสียงที่ดังมาจากบายักษ์ก็หยุดลงโดยฉับพลัน จากนั้นไหมสีเงินจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากเกล็ดสีดำแผ่นนั้น พอมันรวมตัวเข้าด้วยกันแล้ว ก็กลายเป็นดวงตาสีเงินขนาดเท่าไข่ไก่ใบหนึ่ง ดวงตานี้จ้องมองหลิ่วหมิง และเปล่งประกายแสงสีเงินออกมา
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศรอบด้านหนาแน่นขึ้น แรงดึงดูดมหาศาลม้วนตัวออกจากหลัง พริบตาเดียวก็ดึงร่างของเขากลับไป
สถานการณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
พอเขาหันหน้ากลับไป ก็พบว่าบนเกล็ดมีดวงตาสีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกดวงหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหนักใจมากกว่าเดิม
เขาตะโกนออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก พอมือทั้งสองกำแน่น ร่างของเขาก็หนักอึ้งขึ้นมา จากนั้นร่างของเขาก็หยุดชะงักลง พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น กระบี่สั้นสีทองก็ปรากฏออกมา และฟันออกไปด้านหลังอย่างรุนแรง
“ฉับ!”
พอแสงสีทองเปล่งประกายออกมา พลังไร้รูปก็ถูกฟันจนขาด
และพอไม่มีไหมเงินเหล่านี้ ร่างที่ถูกดึงเข้ามาก็หยุดชะงักลง พลังเวทย์กับแขนขาทั้งสี่กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
และในขณะเดียวกัน ดวงตาสีเงินนับร้อยดวงบนบาทายักษ์ที่ถูกเปลวเพลิงสีทองเผาไหม้ ก็สลายไปพร้อมกับไหมเงิน แต่ภายใต้การบีบรัดของโซ่อาญาสิทธิ์เจ็ดสี บาทายักษ์กลับดิ้นรนอย่างสุดชีวิต
ปากขนาดเท่าอ่างล้างหน้าตรงฝ่าเท้า ก็อ้าปากพ่นไอดำออกมามากขึ้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก
ที่แท้ฟองอากาศลึกลับ ก็มีความเกี่ยวข้องกับอวัยวะของปีศาจยักษ์ที่ถูกผนึกอยู่!
แต่ครู่ต่อมา ปากขนาดใหญ่ตรงฝ่าเท้า ก็ส่งเสียงร้องแปลกประหลาด พอมีเสียงดัง “ฟู่!” ลำแสงสีดำก็ถูกพ่นออกมา มันพุ่งเข้าไปในร่างของหลิ่วหมิงที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง และทะลักเข้าไปในฟองอากาศลึกลับตรงทะเลจิตวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่า มีแสงสว่างปรากฏตรงหน้า หูทั้งสองดัง “หวึ่ง!” ขึ้นมา จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็มืดลง
ปากขนาดใหญ่ยังคงพ่นลำแสงสีดำใส่ร่างหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด บาทายักษ์ก็หดตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว และเริ่มเหี่ยวแห้งเล็กน้อย
และในขณะเดียวกัน โซ่อาญาสิทธิ์เจ็ดสีเหล่านั้นกลับส่งเสียงดังหวึ่งๆ และปล่อยเปลวเพลิงสีทองออกมามากกว่าเดิม ราวกับว่าทั่วทั้งแท่นบูชา กลายเป็นทะเลเพลิงสีทองไปในพริบตา
……
พอหลิ่วหมิงลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา ก็สังเกตดูรอบๆ ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
ตอนนี้เขามาปรากฏตัวในห้องว่างเปล่าอันลึกลับอีกครั้ง
ห้องนี้แตกต่างจากครั้งก่อนไม่มากนัก
พอหลิ่วหมิงสังเกตดูรอบหนึ่งแล้ว ก็หาที่นั่งขัดสมาธิลงไปอย่างไม่ใส่ใจ และเริ่มคิดไตร่ตรองถึงเรื่องที่เพิ่งเผชิญมา
ที่เขาถูกดึงเข้ามาในห้องว่างเปล่านี้ จะต้องมีความสัมพันธ์กับลำแสงสีดำที่บาทายักษ์พ่นออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย! แม้พริบตาที่เขาสัมผัสโดนลำแสงนี้ จิตของเขาจะถูกดึงเข้ามาในห้องว่างเปล่า แต่พลังจิตของเขายังรับรู้ได้ถึงไอปีศาจอันน่ากลัวที่แฝงอยู่
หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ดูจากการถูกฟองอากาศลึกลับกลืนกินพลังเวทย์ในหลายครั้งก่อน กับเรื่องมือยักษ์ค้ำฟ้าที่หายไป คิดว่าเงื่อนไขที่เขาถูกดึงเข้ามาในห้องว่างเปล่า คงเป็นเพราะพลังที่ถูกดูดกลืน
และทุกครั้งที่ฟองอากาศลึกลับดูดกลืนพลัง ก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในห้องว่างเปล่านี้ ซึ่งมันอาจเกี่ยวข้องกับการดูดกลืนพลังที่แตกต่างกัน
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา