ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 335

สรุปบท ตอนที่ 335: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 335 – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 335 ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 335 การเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ 335 การเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เย่เทียนเหมยขมวดคิ้วจ้องหยดโลหิตสีดำอย่างไม่กระพริบตา

ขณะที่เข้ามาในห้องนั้น นางได้ปล่อยจิตปกคลุมภายในรัศมีหลายจั้ง แต่ทว่าแม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกอย่างนาง ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ เกี่ยวกับหยดโลหิตสีดำเหล่านี้เลย

ครั้งนี้ หากเย่เทียนเหมยไม่ได้พบที่อยู่ชั่วคราวของคนทั้งสองจากเบาะแสในก่อนหน้า และกระตุ้นเคล็ดวิชาโดยไม่เสียดายพลัง เพื่อให้อาวุธเวทย์ที่เก็บโลหิตของผู้ดำเนินการทั้งสองหาร่องรอยหยดโลหิตสีดำเหล่านี้พบล่ะก็ คงหาเส้นสนกลในของเรื่องนี้ไม่เจอ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นอกจากโลหิตสีดำเหล่านี้แล้ว ทั้งสองก็ไม่พบเบาะแสใดๆ อีก

ดูเหมือนตอนนี้ จะมีคนตั้งใจแสดงวิธีการแปลกประหลาดบางอย่าง ลบร่องรอยของผู้ดำเนินการทั้งสองออกไปจากห้องนี้

โลหิตดำเหล่านี้ คงเป็นความสะเพร่าของฝ่ายตรงข้าม

“ดูท่าผู้ดำเนินการของพันธมิตรทั้งสองคนคงประสบกับเคราะห์ร้ายแล้วล่ะ” หลิ่วหมิงจ้องมองโลหิตดำเหล่านี้ และถอนหายใจออกมา

“เรื่องนี้ยุ่งยากยิ่งนัก” เย่เทียนเหมยเงียบไปพักหนึ่ง และค่อยๆ กล่าวออกมา พอนางโบกมือไปกลางอากาศ แสงสีเงินก็เปล่งประกาย จากนั้นเตาหลอมเล็กๆ ก็หายเข้าไปในแขนเสื้อของนาง

“ครั้งนี้อาจารย์อาเย่ใช้เคล็ดวิชาหาที่นี่จนเจอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่องรอยจะลางเลือนไปมาก ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านมีแผนอย่างไร?” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย

“ในเมื่อพวกเราหาสถานที่แห่งนี้พบ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ต้องถอยแล้ว” เย่เทียนเหมยเลิกคิ้วขึ้น และกล่าวอย่างหนักแน่น

“ถ้าอย่างนั้น อาจารย์อาต้องการให้ผู้น้อยช่วยสิ่งใดหรือไม่?” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้านอบน้อมและจริงใจ

“ในเมื่อศิษย์หลานกล่าวเช่นนี้ สองวันนี้เจ้าไปสืบข่าวที่เมืองกู่หนาน ทางที่ดีที่สุดสืบดูให้รู้ว่าช่วงนี้มีอะไรผิดปกติในเมืองหรือไม่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าจะพิจารณาเอง” เย่เทียนเหมยกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

“ทราบ! ข้าจะทำตามที่อาจารย์อาสั่ง!” หลิ่วหมิงตอบอย่างไม่ลังเล

“เรื่องที่พัวพันกับเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อาจจะเกี่ยวพันถึงผู้ฝึกฝนระดับผลึก” เย่เทียนเหมยคิดไปมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา

“ระดับผลึก! หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับสามกลุ่มอิทธิพลใหญ่บนเกาะแห่งนี้” หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

หากมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกพัวพันด้วย ผู้มีส่วนร่วมเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงหาเรื่องใส่ตัวอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะบอกว่าพลังของตนเอง พอจะเทียบกับระดับของเหลวขั้นปลายได้ ทั้งยังมีแมงป่องกระดูก และหัวปีศาจคอยช่วย แต่หากเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนระดับผลึก คงไม่สามารถเอาชนะได้ ชีวิตเขาคงน่าเป็นห่วงยิ่งนัก

พอเย่เทียนเหมยเห็นหลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่เงียบๆ นางก็กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม

“ผู้ดำเนินการทั้งสอง ก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวเหมือนกัน มีโอกาสเป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วนว่า ผู้ที่จับตัวพวกเขาไปจากโรงเตี๊ยมหรือสังหารพวกเขา มีแต่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่ทำได้ แต่เรื่องนี้เป็นแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น ส่วนจะเป็นเช่นนี้หรือไม่นั้น ข้าไม่อาจทราบได้ แต่ตอนอยู่ในเมืองเจ้าต้องระวังตัวให้ดี”

“ขอบคุณอาจารย์ที่กำชับ ข้าน้อยจะระวังให้มาก!” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยใจที่เย็นสะท้าน

……

เช้าวันที่สอง หลิ่วหมิงเดินออกจากโรงเตี๊ยมคลื่นสีครามด้วยสีหน้าสงบ จากนั้นก็เดินไปตามถนนในเมืองกู่หนาน และตรวจสอบดูร้านค้าแต่ละร้าน

สำหรับผู้ที่เดินทางคนเดียวบนเกาะตะพาบน้ำเป็นครั้งแรก ทั้งยังไม่รู้เส้นสนกลในเลยแม้แต่น้อย ย่อมได้แต่พยายามเดินไปยังสถานที่ที่มีคนเยอะที่สุด

แม้ว่าเมืองกู่หนานไม่อาจเทียบได้กับเสวียนจิงที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นต้าเสวียนในปีนั้น แต่ร้านค้าก็มีมากจนน่าตกใจ

เขาใช้เวลาหมดไปกว่าครึ่งวัน ถึงเดินวนร้านค้าไปได้ส่วนหนึ่ง

แม้ว่าจะเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย และหาผลึกหินกับวัสดุที่ขาดแคลนได้มาบ้าง แต่ข่าวการหายตัวไปของผู้ฝึกฝน กลับไม่ได้มาเลยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงไม่ได้มีใจท้อถอยแต่อย่างใด แต่กลับยังคงรักษาอาการสงบไว้ได้

……

เวลาอีกครึ่งวันที่เหลือ หลิ่วหมิงยังคงเดินเตร็ดเตร่ไปตามที่ต่างๆ ในเมือง และข่าวกรองที่ได้จากกลุ่มอิทธิพลลับที่ขายข่าวโดยเฉพาะ ทำให้เขาพอเข้าใจเมืองกู่หนานอย่างคร่าวๆ แล้ว

ประการแรกคือในระยะเวลาใกล้ๆ นี้ มีผู้ฝึกฝนหายไปจริงๆ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่ ทั้งยังเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนอิสระไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ที่ต่อสู้กันในร้านค้า หรือลานประมูลต่างๆ เพียงเพราะคำพูดไม่ถูกใจ จึงถูกผู้พิทักษ์ที่ลาดตะเวนของหุบเขาผลึกทำโทษ โทษอย่างเบาก็คือถูกขับไล่ออกไป อย่างหนักก็คือทำลายระดับการฝึกฝนแล้วส่งตัวไปยังคุกจิตวิญญาณ

การหายตัวที่พูดถึงก็คือ ผู้ที่อยู่ในคุกจิตวิญญาณมักจะถูกส่งไปยังเหมืองแร่หุบเขาผลึกและลดตัวเป็นทาสเหมืองแร่ทำงานอย่างหนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันทั้งเมืองกู่หนาน และโดยปกติจะไม่พูดออกมา แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบาย

ประการที่สอง มีข่าวออกมาว่า เผ่าเจ้าสมุทรบางเผ่าส่งศิษย์ดำเนินการมาเกาะตะพาบน้ำสามคน และถูกผู้ฝึกฝนที่ไม่ทราบชื่อสังหารในเมืองท่าเรือเล็กๆ ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางที่เป็นหนึ่งในนั้น เสียชีวิตโดยมีสภาพศพไม่สมบูรณ์ ผู้ฝึกฝนระดับสูงของเผ่าโมโหเป็นอย่างมาก และได้ส่งผู้อาวุโสในเผ่ามาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว

ขณะที่หลิ่งหมิงฟังเรื่องราวเหล่านี้ สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยน เพียงแต่ในใจเขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็เท่านั้น

……

“ท่านปู่! ผ่านไปหลายวันแล้วยังไม่มีข่าวคราวของพวกเขาเลย ในโรงเตี๊ยมไม่มีเบาะแสใดๆ เหลืออยู่จริงๆ หรือ?” หญิงสาวชุดเหลืองกล่าวกับผู้อาวุโสในฉับพลัน

“หลิงเอ๋อร์ สถานที่แห่งนี้ปะปนกันสะเปะสะปะ กลุ่มอิทธิพลน้อยใหญ่ก็มีอยู่มาก ก่อนเรื่องราวจะกระจ่าง เจ้าอย่าได้ใจร้อนจนเกินไป พวกเขาเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลว และก็ไม่ได้มาซื้อทรัพยากรที่เมืองกู่หนานเป็นครั้งแรก” ผู้อาวุโสขมวดคิ้วและกวาดตามองไปรอบด้าน หลังจากเห็นว่าไม่มีคนสนใจการสนทนาของพวกเขาทั้งสอง จึงกล่าวเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง

“ถ้าอย่างนั้น เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาไม่ได้เข้าพักโรงเตี๊ยมแห่งนั้น?” ดูเหมือนหญิงสาวชุดเหลืองจะยังคงถามต่อ แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงเบาลงไปมาก

“อันนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก่อนที่พวกเขามาทำการค้าที่เมืองกู่หนาน ต่างก็พักอยู่ที่โรงเตี๊ยม ‘เจิ้นหยวน’ และยังคุ้นเคยกับเจ้าของโรงเตี๊ยม ไป๋ฮ่าวมีลักษณะนิสัยพิเศษ เป็นคนสุขุมเยือกเย็น ในสถานการณ์ปกติ ย่อมไม่เข้าพักโรงเตี๊ยมที่ไม่รู้จักโดยง่าย” ผู้อาวุโสเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถึงตอบกลับมาเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาหายตัวไปตอนไหนกันแน่ เป็นไปได้ไหมว่าถูกคนทำร้ายเพราะหินจิตวิญญาณที่พกติดตัวมาเหล่านั้น?” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเร่งรีบ

“เมื่อก่อน พอพวกเขามาเมืองกู่หนานแล้ว จะต้องส่งข่าวกลับไปที่นิกายทุกเดือนว่ายังปลอดภัยอยู่ เพียงแต่เก้าเดือนก่อน นิกายต้องการทรัพยากรอย่างเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก จึงได้ส่งพวกเขามาซื้อที่เมืองกู่หนาน แต่พวกเขากลับไม่เคยส่งข่าวกลับไปเลย ด้วยเหตุนี้ทางนิกายถึงได้ให้ข้ามาสืบดูก่อนว่า สาเหตุมาจากหินจิตวิญญาณจริงๆ หรือไม่ แต่เรื่องนี้กลับพูดยาก เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรบนเกาะแห่งนี้ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ ยิ่งสืบหายากขึ้นไปอีก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดูจากสถานการณ์พวกเรายังคงไม่รู้เส้นสนกลใน ควรจะต้องกลับไปวางแผนระยะยาวที่นิกายก่อน!” พอผู้อาวุโสกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมา

“พูดเช่นนี้หมายความว่า ต้องกลับไปที่นิกายก่อนถึงจะคิดหาวิธีการอื่นได้หรือ” หญิงสาวชุดเหลืองพูดพึมพำด้วยสีหน้าหมดหวัง

เมื่อทั้งสองสนทนากันเสร็จ ก็กินข้าวอย่างรีบร้อนและจากไปทันที

หายตัวในเมืองกู่หนานเมื่อเก้าเดือนก่อน และยังซื้อทรัพยากรที่หุบเขาผลึกด้วย! นี่ไม่เท่ากับว่าเวลาที่หายตัวไป ห่างจากผู้ดำเนินการทั้งสองของพันธมิตรไม่มากนัก

พลังจิตของหลิ่วหมิงแข็งแกร่งมาก เขาแค่ปล่อยมันออกไปเล็กน้อย ก็ได้ยินฉากสนทนาทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน

และข่าวที่ได้รับมา กลับทำให้เขาใจเต้นขึ้นมา!

เมื่อวานสืบหาทั้งวัน กลับเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ยินข่าวนี้โดยบังเอิญ

สิ่งนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมา!

หลิ่วหมิงวางจอกสุราลงทันที จากนั้นก็เดินลงไปทางบันไดไปด้วยสีหน้าปกติ

……………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา