ในระหว่างที่หลิ่วหมิงเข้าร่วมงานประมูลในหุบเขาเหล็กอัคคี ท่ามกลางเทือกเขาที่ห่างจากเมืองกู่หนานหลายสิบลี้
ในถ้ำเร้นลับบางแห่งที่สร้างมาจากหินยักษ์แวววาว ถ้ำแห่งนี้อยู่ภายใต้ยอดเขาสีขาวที่สูงเสียดฟ้า หินเรืองแสงจำนวนมากฝังอยู่ตามผนังถ้ำ มันส่องแสงจนในนั้นดูสว่างเหมือนตอนกลางวัน
แต่ทว่าในขณะนี้ ภายในถ้ำที่สร้างอย่างโอ่อ่ารโหฐาน กลับมีเสียงร้องตื่นตระหนก และแหลมเศร้ากำสรดดังออกมา
หญิงชุดสีขาวทั้งตัวกำลังคีบกระบี่ยาวสีเงินอยู่เล่มหนึ่ง นางกำลังเดินไปมาอยู่ในถ้ำอย่างช้าๆ และมีแสงกระบี่สีเงินพุ่งออกมาเป็นเส้นๆ มันทำการสังหารข้ารับใช้ต่างเผ่าที่กระโจนเข้ามาด้วยความตระหนกตกใจ
หญิงนางนี้มีผิวขาวราวหิมะ ใบหน้างดงามดูเยือกเย็น แสงแวววาวเปล่งประกายอยู่ในลูกตา ขณะนี้มีเพียงแค่ไอสังหารที่เข้มข้น ทุกท่วงท่าการทำท่ามือ จะมีบุปผาโลหิตเปล่งประกายภายใต้กระบี่ยาวสีเงิน
หินเรืองแสงสะท้อนลงบนสายธารโลหิต จนทำให้ผนังถ้ำก็กลายเป็นสีแดงขึ้นมา
“ท่านเซียนไว้ชีวิตด้วย ไม่ทราบว่าพวกเราไปล่วงเกินอะไรท่าน ขอท่านโปรดให้อภัยด้วย” พอหญิงข้ารับใช้ต่างเผ่าสามคนเห็นว่าไม่มีทางหนีได้แล้ว ก็คุกเข่ากราบเย่เทียนเหมย
เย่เทียนเหมยเพิ่งเข้ามาเหยียบภายในถ้ำได้ไม่นาน แต่ข้ารับใช้ต่างเผ่าที่ตายภายใต้แสงกระบี่ของนาง กลับมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน
เมื่อเผชิญหน้ากับการร้องขอชีวิตของศิษย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสาม แววตาสังหารของนางก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย นางเพียงแค่สะบัดข้อมือด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ฟู่!”
แสงกระบี่เย็นสะท้านม้วนตัวออกมาท่ามกลางลำแสงสีเงิน มันดูราวกับว่ากระพริบผ่านร่างของทั้งสามไปในพริบตา
พอมีเสียง “ฟู่!” “ฟู่!” “ฟู่!” ดังขึ้น ร่างของทั้งสามก็ถูกปั้นจนกลายเป็นหมอกโลหิต พวกเขาถูกเย่เทียนเหมยสังหารอย่างไม่ปรานี จนไม่มีแม้แต่โอกาสจะร้องออกมาเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายเย่เทียนเหมยก็ค่อยๆ ละสายตาไปยังส่วนลึกของถ้ำ และทำท่ามือขึ้นมา กระบี่ยาวกลายเป็นสายรุ้งสีเงินหนึ่งเส้น มันพุ่งไปยังข้ารับใช้ต่างเผ่าที่ยืนตกตะลึงจนตัวสั่น
พริบตาที่แสงสีเงินกระพริบผ่านไป ศรโลหิตห้าลูกก็พุ่งออกมา
มันพุ่งติดต่อกันด้วยเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” รูเลือดขนาดเท่าลูกกำปั้นปรากฏบนหน้าอกของข้ารับใช้ต่างเผ่าห้าคน
ต่อมา เย่เทียนเหมยก็กระตุ้นท่ามืออีกที กระบี่ยาวโผล่ออกมาอีกครั้ง ภายใต้แสงสีเงินอันละลานตา ก็มีศีรษะหล่นลงพื้นสี่หัว และกลิ้งไปตามพื้นโดยที่ยังมีสีหน้าหวาดผวาค้างอยู่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เย่เทียนเหมยก็ยังทำท่ามืออยู่ไม่หยุด กระบี่ยาวกลายเป็นแสงสีเงินฟาดฟันอยู่ในถ้ำตลอดเวลา ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง มันกวาดล้างข้ารับใช้ต่างเผ่าที่เหลือจนราบคาบ
ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชา เย่เทียนเหมยก็สังหารจนถึงส่วนลึกของถ้ำ ขณะนี้สิ่งที่อยู่ในสายตาของนางคือ ประตูหินยักษ์ที่สูงราวๆ สองจั้ง
ภายใต้แสงสีขาวที่หมุนวนอยู่บนบานประตู แสงทรงกลดสีเหลืองก็ค่อยๆ แผ่ขยายออกมา แสงทรงกลดนี้ดูเหมือนจะเป็นชั้นบางๆ แต่คลื่นพลังที่ส่งออกมาจากในนั้น ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ยากจะทะลวงได้ ประจักษ์ชัดว่านี่เป็นม่านแสงป้องกันที่มีพลังน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
สายตาที่เป็นประกายของเย่เทียนเหมยจ้องมองประตูยักษ์แค่ทีเดียว จากนั้นก็โยนกระบี่ยาวในมือออกไป ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนท่ามืออย่างรวดเร็ว
ลำแสงสีเงินปกคลุมร่างนางในทันที หลังจากแสงสีเงินสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ร่างบอบบางของนางก็พร่ามัวขึ้นมา จากนั้นก็หายตัวไป เหลือทิ้งไว้เพียงกระบี่ยาวสีเงินที่สั่นไหวอยู่กลางอากาศ
นี่ก็คือวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่ง ที่ผู้ฝึกกระบี่ระดับผลึกอย่างเย่เทียนเหมยแสดงออกมา
“ฟู่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา