หญิงชุดขาวที่ถูกแสงสีเงินปกคลุมอยู่ กำลังหิ้วหญิงสวยหยาดเยิ้มทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว
แต่ครู่ต่อมา ก็ดูเหมือนกับว่าหญิงชุดขาวจะค้นพบอะไรบางอย่าง นางจึงมีสีหน้าเยือกเย็นขึ้นมาทันที และตบมือข้างหนึ่งลงบนตัวหญิงสวยหยาดเยิ้ม
“เพล้ง!”
แสงสีทองบนแผ่นค่ายกลหายไป รูปภาพทั้งหมดก็หายไปจนหมดสิ้น
“ไอ้สารเลว ข้าจะฉีกเจ้าทั้งเป็นให้ได้” พอเห็นฉากบนแผ่นค่ายกล หมาซู่ก็คำรามออกมา และทำการเปลี่ยนท่ามืออีกครั้ง
แสงสีทองเปล่งประกายบนแผ่นค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ก่อตัวเป็นเส้นสีทองชี้ไปทางทิศตะวันตก
พอหมาซู่เห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้หยุดการกระทำเลยแม้แต่น้อย ร่างของเขาค่อยๆ พร่ามัวลง หลังจากแผดเสียงดังยาวออกมา ก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีทองพุ่งออกไปจากถ้ำ
ในขณะเดียวกัน หมาซู่ที่อยู่ท่ามกลางแสงสีทอง ยังใช้นิ้วมือเขียนอักขระลงบนแผ่นค่ายกล ซึ่งเขากำลังส่งข่าวให้กับใครบางคนอยู่
สามวันต่อมา
ณ เขาลูกเล็กที่อยู่ห่างจากเมืองกู่หนานไปพันลี้ บนเขามีต้นสนแข็งแรงขึ้นอยู่กระจัดกระจาย ใต้ต้นสนมีต้นหญ้าสูงเท่าเอวพลิ้วไหวตามลม
สถานที่แห่งนี้ ทำให้รู้สึกถึงความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
แต่ท่ามกลางความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ยังมีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมา โลหิตสีแดงเข้มหยดลงจากสนอยู่ไม่หยุด จนทำให้พื้นบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อมองขึ้นไปบนต้นสน จะพบว่ามีศีรษะหญิงใบหน้างดงามแขวนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง
รอยแผลตรงลำคอราบเรียบ ราวกับว่าถูกคมมีดอันคมกริบฟันขาดออกมา กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งทื่อ ดวงตาที่ไร้ชีวิตเบิกโพลง ประจักษ์ชัดว่าก่อนตาย นางได้เผชิญกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อลมพัดเข้ามาอีกระลอก จะเห็นว่ามีคนใช้อาวุธแหลมคม สลักอักขระหลายตัวไว้บนต้นสน
“ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
และด้านล่างของอักขระเหล่านี้ ยังมีอักขระตัวเล็กๆ สลักอยู่ “เย่”
ไม่นาน เมืองกู่หนานที่ยังนับว่าสงบอยู่ ก็มีข่าวอันน่าตกใจแพร่ออกมา ในที่สุดก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วเมือง
ข่าวนี้เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกฝนหญิง ‘เย่เทียนเหมย’ ที่มาจากแผ่นดินอวิ๋นชวน นางไม่เพียงแต่บุกรุกถ้ำของหมาซู่ที่เป็นรองเจ้าหุบเขาผลึก และสังหารข้ารับใช้ตายไปราวๆ ห้าสิบคนเท่านั้น แต่ยังสังหารฮูหยินหรูอวี้คู่รักของหมาซู่อย่างไม่ปรานี จากนั้นก็นำศีรษะไปแขวนไว้บนเขาลูกเล็กที่ห่างจากเมืองกู่หนานไปพันลี้
พอข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนในเมืองกู่หนานต่างก็พากันฮือฮาขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ทำการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
อย่างที่รู้ว่าฮูหยินหรูอวี้ไม่เพียงแต่งามล่มบ้านล่มเมือง แต่ยังเชี่ยวชาญการร้องเพลงและเต้นรำ ช่างมีเสน่ห์ยั่วยวนยิ่งนัก
หมาซู่ลำบากฝึกฝนมานานหลายปี และเข้าสู่ระดับผลึกขั้นปลายด้วยร่างพลังหยาง เขาไม่เคยเข้าใกล้หญิงสาวเลยเป็นเวลาหลายร้อยปี ตั้งแต่มาเป็นรองเจ้าหุบเขาผลึก ก็ได้รู้จักกับหรูอวี้ที่ตอนนั้นยังเป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณ ตั้งแต่นั้นมาก็ลุ่มหลงนางผู้นี้อย่างถึงที่สุด
เขาผูกพันเป็นคู่รักฝึกฝนกับนางโดยไม่สนใจการฝึกฝนระดับผลึกของตนเอง และยังเสาะหาสถานที่ที่มีปราณจิตวิญญาณอย่างพอเพียง เพื่อสร้างถ้ำอันโอ่อ่ารโหฐานให้นาง ทั้งยังมอบข้ารับใช้ให้หลายสิบคน เขาหลงนางเป็นอย่างมาก เชื่องฟังนางทุกอย่าง
แต่หรูอวี้ผู้นี้มีคุณสมบัติธรรมดา ซึ่งมีเพียงแค่หกชีพจรจิตวิญญาณเท่านั้น เข้าสู่ระดับของเหลวขั้นต้นได้ ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหมาซู่ผู้นี้ใช้วิธีการอะไร ถึงช่วยนางเข้าสู่ระดับของเหลวขั้นปลายได้อย่างราบรื่น ทำให้อายุของนางเพิ่มทวีขึ้นมามาก เพื่อที่จะได้อยู่คู่กันอย่างยืนยาว
ตอนนี้ มีคนมาสังหารฮูหยินหรูอวี้ เขาย่อมรู้สึกราวกับว่า เอากระบี่มาทิ่มแทงหัวใจของเขาอย่างโหดเหี้ยม
คนทั่วไปต่างก็รู้ว่ารองเจ้าหุบเขาผู้นี้ มีระดับการฝึกฝนที่ไม่อาจคาดเดาได้ ว่ากันว่าต่อให้ประลองกับผู้แข็งแกร่งระดับผลึกขั้นปลาย เขาก็ไม่ตกเป็นเบี้ยล่าง ตำแหน่งในหุบเขา ก็เป็นรองแค่เจ้าหุบเขาเท่านั้น นับว่าเขามีอำนาจและอิทธิพลบนเกาะตะพาบน้ำมาก พอกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ หรือผู้ฝึกฝนระดับสูงในนิกายได้ยินชื่อ ‘หมาซู่!” ก็จะรู้สึกหนักใจไปตามๆ กัน
แต่ตอนนี้คู่รักฝึกฝนของหมาซู่ ถูกผู้ฝึกฝนหญิงไร้นามที่มาจากภายนอกสังหารอย่างเหิมเกริม ย่อมทำให้คนจำนวนไม่น้อย รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แต่ทางด้านหุบเขาผลึก ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนไม่รู้ว่า จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดี
และบรรดาผู้ฝึกฝนในเมืองกู่หนาน ต่างก็พากันคาดเดาสถานะของเย่เทียนเหมย
ไม่นาน ผู้มีความรู้กว้างไกลที่บุกเหนือเหนือล่องใต้ ก็ได้ขุดสถานะผู้ฝึกฝนกระบี่ และผู้อาวุโสระดับผลึกในพันธมิตรอวิ๋นชวนของนางออกมา สิ่งนี้ทำให้คนจำนวนหนึ่งรู้สึกประหลาดใจมาก
ขณะที่ข่าวนี้แพร่ออกไปไม่นาน ก็มีข่าวที่น่าสั่นสะเทือนยิ่งกว่าแพร่กระจายในเมืองกู่หนาน ว่ากันว่าผู้ฝึกฝนระดับของเหลวที่มาจากภายนอก หายตัวโดยไม่ทราบสาเหตุนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับฮูหยินหรูอวี้ผู้นี้ ว่ากันว่านางดูดเอาพลังหยางกับโลหิตบริสุทธิ์ของผู้ฝึกฝนชาย เพื่อนำมาใช้ในการฝึกพลังด้วยวิธีที่ไม่ถูกธรรมนองคลองธรรม ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทะลวงคอขวดได้
ข่าวลือนี้ย่อมทำให้ผู้ฝึกฝนอิสระจำนวนไม่น้อย และกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ ที่เกี่ยวข้องรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา พวกเขาต่างให้ทางหุบเขาอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มอิทธิพลในเมืองกู่หนานล้วนถูกโยงเข้าสู่เรื่องวุ่นวายนี้ด้วย
แต่ไม่นาน ทางด้านหุบเขาผลึกก็รีบส่งผู้ฝึกฝนมาเมืองกู่หนาน เพื่อปฏิเสธเรื่องนี้
แม้ใครๆ ต่างก็รู้ว่า ไม่มีลมก็ไม่มีคลื่น แต่ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดจากหุบเขาผลึกเพียงฝ่ายเดียว หากไม่เป็นเช่นนั้น ใยผู้ฝึกฝนหญิงระดับผลึกผู้นี้ ถึงมาสังหารคนไกลถึงพันๆ ลี้?
แต่ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินกลุ่มอิทธิพลใหญ่อย่างหุบเขาผลึก เรื่องนี้จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากหุบเขาผลึกเป็นศัตรูกับพันธมิตรอวิ๋นชวนขึ้นมาจริงๆ จนกระทั่งเกิดการต่อสู้กัน เขาหมื่นสมบัติกับวังเพลิงดำย่อมยินดีเข้ามาแทรกแซงในภายหลังอย่างแน่นอน
พอคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ ก็ค่อยๆ มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าต่างก็ปวดหัวกับเรื่องนี้เช่นกัน
เจ้าหุบเขาซุนก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา ผ่านไปซักพัก ถึงได้กล่าวต่อ
“แม้ผู้อาวุโสหลิวจะกล่าวได้มีเหตุผล แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ หุบเขาผลึกเราไม่ควรหน่วงเหนี่ยวต่อไปอีก มิเช่นนั้น คนนอกอาจหัวเราะเยาะได้”
“ท่านเจ้าหุบเขา เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยาก ผู้ที่เย่เทียนเหมยสังหาร คือคู่รักฝึกฝนของรองเจ้าหุบเขาหมาซู่ เรื่องนี้พวกเราสามารถหลับตาข้างหนึ่ง เปิดตาข้างหนึ่งได้ เพราะเทียบกับผลประโยชน์ของหุบเขาผลึกแล้ว การเสียชีวิตของหญิงระดับผลึกคนหนึ่ง ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากมุมมองบางด้านแล้ว หญิงนางนี้ไม่ใช่คนของหุบเขาเราจริงๆ ตอนนี้หมาซู่พาผู้อาวุโสเหมียวกับลูกน้องคนอื่นๆ ไปตามล่าเย่เทียนเหมยแล้ว ควรจะนับว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของรองเจ้าหุบเขาหมาซู่เท่านั้น ทางด้านหุบเขาผลึกเราทำเป็นไม่สนใจเรื่องนี้ได้ และไม่ต้องไปห้ามการกระทำของรองเจ้าหุบเขา แต่ก็ไม่ต้องส่งคนไปช่วยรองเจ้าหุบเขาตามล่าเย่เทียนเหมย หากภายหน้าถูกพันธมิตรอวิ๋นชวนซักถาม พวกเราก็พูดได้ว่า นี่เป็นเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเท่านั้น หุบเขาผลึกเราไม่ได้แทรกแซงเรื่องของทั้งสองเลย เชื่อว่าเวลานั้น ต่อให้พันธมิตรอวิ๋นชวนจะรู้สึกโมโห แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้” ขณะนี้ผู้อาวุโสเคราแพะที่มีจุดสีดำบนใบหน้ากล่าวด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์
ฟังคำพูดนี้จบ คนอื่นๆ ต่างก็กล่าวเห็นด้วย
“ความคิดนี้ไม่เลว รองเจ้าหุบเขาหวังสมกับเป็นมันสมองของหุบเขาผลึกเรา ช่างเป็นวิธีการที่ปลอดภัยทั้งสองฝ่าย เหลือทางหนีทีไล่ให้กับหุบเขาผลึกเราไม่น้อย” ผู้อาวุโสผมขาวเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“เจ้าหุบเขาซุนชมเกินไปแล้ว ใช่สิ! ข่าวของฮูหยินหรูอวี้ที่แพร่ออกไป ข้ากับผู้อาวุโสเหมิงหนิงไม่ได้หยุดการแพร่กระจายในทันที หวังว่าท่านเจ้าหุบเขาคงไม่ตำหนิ ที่ข้ากับผู้อาวุโสเหมิงทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะให้โลกภายนอกรู้ว่า ความจริงแล้วการหายตัวของผู้ฝึกฝนระดับของเหลว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหุบเขาผลึกเลย” ขณะนี้รองเจ้าหุบเขาหวังก็กล่าวต่อ
“ในเมื่อรองเจ้าหุบเขาหวังกับผู้อาวุโสเหมิงหนิงคิดเพื่อหุบเขาของเรา เจ้าหุบเขาอย่างข้าจะตำหนิพวกท่านได้อย่างไร” เจ้าหุบเขายิ้มแล้วกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
ขณะนี้ สีหน้าของเหมิงหนิงกลับดูสงบเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่
จากนั้น บรรดาผู้ฝึกฝนระดับสูงของหุบเขาผลึก ก็แสดงความคิดเห็นกันอีกรอบ จากนั้นถึงค่อยๆ แยกย้ายกันไป
……
บนยอดเขายักษ์ที่อยู่ห่างจากเมืองกู่หนานไปพันลี้ เย่เทียนเหมยที่สวมชุดสีขาวทั้งชุดกำลังยืนโต้ลมอยู่ มือเรียวเล็กราวกับหยกถือกระบี่ยาวสีเงินไว้แน่น ภายใต้แสงแดดที่ส่องลงมา กระบี่และร่างของนางเปล่งประกายสว่างไสวเป็นอย่างมาก
แววตาของนางมีประกายเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นไออันน่าตกใจที่มาจากร่างของนาง หรือเป็นเพราะลมเย็นที่พัดมา ทำให้ชุดสีขาวบนตัวปลิวสะบัดตามลม
บนยอดเขาอีกลูกที่อยู่ตรงฝั่งข้าม มีผู้อาวุโสสองคนที่มีพลังอันน่าตกใจยืนเอามือไขว้หลังอยู่ อากาศบริเวณนั้น ยังมีผู้ฝึกฝนระดับของเหลวเจ็ดแปดคน ยืนอยู่กระจัดกระจาย ทั้งหมดต่างก็จ้องมองมาที่เย่เทียนเหมย ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
……………………………………

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา