พอเขาเห็นอักขระที่เย่เทียนเหมยสลักไว้ ก็โกรธจนไม่อาจระงับไว้ได้ เขาแหงนหน้าแผดเสียงออกมา และปล่อยลูกเปลวไฟเผาศีรษะของนางจนกลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นก็ทะยานขึ้นฟ้าตามหาเย่เทียนเหมยต่อ
ในระหว่างทาง หมาซู่ยังเรียกผู้อาวุโสที่เขาสนิท และลูกน้องอีกหลายคนตามล่าเย่เทียนเหมย เขาสาบานว่าจะต้องเอาศีรษะนางมาเซ่นคู่รักของตนให้ได้
ขณะนี้ หมาซู่กับผู้อาวุโสหนวดสั้นจ้องมองหญิงชุดขาวที่ยืนอยู่บนยอดเขาฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าดุร้าย
“เจ้าสารเลว! บังอาจมาก เจ้าไม่เพียงแต่บุกถ้ำสังหารข้ารับใช้ของข้าจนหมดสิ้น แต่ยังสังหารคู่รักฝึกฝนของข้าด้วย วันนี้ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็อย่าหวังไปจากที่นี่เลย” แววสังหารคุโชนอยู่ดวงตาของหมาซู่ เขาค่อยๆ กล่าวออกมา
“หมาซู่ คู่รักของเจ้าทำเรื่องอะไรไว้บ้าง คงไม่ต้องให้ข้าเตือนเจ้าหรอกนะ? ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต เจ้ายังต้องการคำอธิบายใดอีก!” เย่เทียนเหมยกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อเผชิญกับผู้เข็งแกร่งระดับผลึกทั้งสอง นางก็ไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“แม้วันนี้เจ้าจะพูดจาไพเราะน่าฟังแค่ไหน ก็อย่าหวังจะไปจากที่นี่ได้” ในเมื่อหมาซู่ตามมาถึงที่ ย่อมไม่ฟังเหตุผลอะไรอีกต่อไป เขากล่าวด้วยแววตาดุร้าย
“ถ้าอย่างนั้น ต้องดูก่อนว่าสหายทั้งสองมีความสามารถหรือไม่”
พอกล่าวจบ ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็แผ่ออกจากร่างเย่เทียนเหมย กระบี่ยาวในมือสั่นไหว ร่างของนางพร่ามัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งไปยังยอดเขาที่อยู่ตรงข้าม
หมาซู่เห็นเช่นนี้ ก็พลิกฝ่ามือขึ้นมา แผ่นสีทองกลมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏออกมา พอกระตุ้นพลังเวทย์ พลังเวทย์ในร่างก็ไหลทะลักออกมา
แผ่นกลมๆ ขยายใหญ่ตามแรงลม พริบตาเดียวก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวสิบกว่าจั้ง แสงสีทองอร่ามเปล่งประกายตรงหน้าเขา
หมาซู่เป็นรองเจ้าหุบเขาผลึก ย่อมรู้ถึงความคมกริบของวิชากระบี่ ขณะที่เย่เทียนเหมยแสดงวิชากระบี่ออกมานั้น เขาก็หยิบอาวุธป้องกันออกมาทันที
ผู้อาวุโสหนวดสั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา มือข้างหนึ่งโยนลูกกลมๆ สีดำออกไป จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็เริ่มร่ายคาถาออกมา
“ฟู่!” อักขระหลากสีปรากฏเหนือลูกกลมๆ สีดำ มันพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างตะขาบยักษ์มาบังอยู่ตรงหน้าเขา
ตะขาบตัวนี้ยาวยี่สิบกว่าจั้ง มีสีแดงทั้งตัว แสงสีแดงเปล่งประกายอยู่ในดวงตาทั้งคู่ บนตัวมีหมอกโลหิตลอยวนเวียนอยู่ แลดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ขณะนี้ ภายใต้เสียงแผดร้องที่แหลมดัง แสงกระบี่สีเงินก็ปรากฏตรงหน้าแผ่นกลมๆ ของหมาซู่ ขณะที่ใกล้จะฟันโดนแผ่นกลมๆ นั้น แสงสีเงินก็ระเบิดออกมาทันที ต่อมาก็กลายเป็นเงากระบี่เกือบร้อยเงาพุ่งไปรอบทิศทาง
ท่ามกลางเสียงแหลมและเศร้ากำสรด ประกายโลหิตพุ่งขึ้นฟ้า ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวสองคนที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ทันได้ป้องกัน จึงถูกเงากระบี่ฟันใส่จนเสียชีวิตคาที่
ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวที่เหลือเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกหวาดดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาพากันหยิบยันต์จิตวิญญาณออกมา เพื่อเพิ่มม่านแสงหลายๆ ชั้น ต้านทานการโจมตีนี้
ลำแสงสีต่างๆ เปล่งประกาย พอแสงกระบี่เปล่งประกายไปทั่วทิศ ก็มีเสียงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง “เพล้ง!” “เพล้ง!” ม่านแสงที่ห่อหุ้มร่างผู้ฝึกฝนระดับของเหลวสี่คนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ จากนั้นร่างของพวกเขาก็ถูกปั่นจนเละท่ามกลางเสียงร้องอย่างเวทนา
พริบตาเดียว ก็เหลือเพียงผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายสองคน พวกเขายังคงถืออาวุธจิตวิญญาณในมือต้านทานไว้อย่างยากลำบาก แต่สีหน้าดูสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
มีเสียงฮึดฮัดดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นร่างของเย่เทียนเหมยก็ปรากฏออกมา พอสะบัดข้อมือ แสงกระบี่ขนาดใหญ่ก็กระพริบผ่านไป
ม่านแสงที่ปกคลุมผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายทั้งสองสั่นสะเทือน จากนั้นก็ระเบิดออกมาพร้อมกับอาวุธจิตวิญญาณที่กระตุ้นอยู่ ทั้งสองถูกแสงเย็นสะท้านฟันออกเป็นสองท่อน โดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมา
น่าสงสารอาจารย์จิตวิญญาณของหุบผลึกเหล่านี้ ยังไม่ทันได้เห็นร่างของเย่เทียนเหมยชัดเจน ก็ถูกสังหารอย่างรวดเร็วแล้ว
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก รวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“รนหาที่ตาย!”
พอหมาซู่เห็นว่าตนเองประมาทเกินไป ถึงทำให้เย่เทียนเหมยสังหารลูกน้องเขาไปมากถึงเพียงนี้ เขาก็รู้สึกทั้งตกใจและโมโห
เขาคำรามออกมา และทำท่ามือก่อนใช้มือขวาแตะลงบนแผ่นกลมๆ
“อู้!” “อู้!” แผ่นกลมๆ พุ่งไปยังเย่เทียนเหมยทันที
อีกด้านหนึ่ง พอลมที่มีกลิ่นคาวพัดเข้ามา ร่างตะขาบยักษ์ก็พร่ามัวมาปรากฏตรงหน้าเย่เทียนเหมยทันที มันขยับเท้าอันแหลมคมทิ่มไปทางเย่เทียนเหมยอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงดัง “ซู่ๆ!” ขณะเดียวกันก็พ่นหมอกพิษสีเขียวออกมา
เนื่องจากการกระทำของมันรวดเร็วมาก จึงมองเห็นเพียงแค่เงาสีแดงปรากฏขาดๆ หายๆ ตรงหน้าเย่เทียนเหมยเท่านั้น
พอเย่เทียนเหมยตะคอกออกมา เงากระบี่สีเงินก็ปรากฏตรงหน้า มันปะทะกับเงาสีแดงอยู่ไม่หยุด และส่งเสียงดังโครมคราม
ขณะนี้ แผ่นกลมๆ ก็พุ่งเข้ามาถึง ขณะที่ใกล้จะปะทะใส่เงากระบี่นั้น กลับมีเงาร่างสีขาวเปล่งประกาย จากนั้นร่างของเย่เทียนเหมยก็หายไป
ท่ามกลางการหมุนวนอย่างบ้าระห่ำ แผ่นกลมๆ ก็กรีดผ่านที่ที่เย่เทียนเหมยเคยยืนอยู่ มันทิ้งร่องรอยสีทองยาวๆ ไว้เส้นหนึ่ง หลังจากแผดเสียงแปลกๆ ออกมา ก็กลายเป็นแสงสีทองพุ่งกลับไปหาหมาซู่
ครู่ต่อมา อากาศก็สั่นสะเทือน เย่เทียนเหมยปรากฏตัวเหนือร่างตะขาบยักษ์
นางทำท่ามือด้วยมือเดียว พอชี้ไปที่กระบี่ยาวสีเงิน แสงกระบี่ขนาดใหญ่ก็ม้วนตัวออกมาทันที มันเปล่งแสงสีเงินจ้าละลานตา จากนั้นก็ฟันตะขาบยักษ์ด้วยพลังมหาศาลอย่างไม่ลังเล
พอมีเสียงดัง “ฉับ!” แสงโลหิตก็กระเด็นออกจากร่างปีศาจยักษ์ มันถูกเงากระบี่ขนาดใหญ่ฟันจนขาดเป็นสองท่อน
พอผู้อาวุโสของหุบเขาผลึกผู้นั้น เห็นหุ่นตะขาบของตนเองถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน ก็รู้สึกโกรธมาก เขาหันไปสบตากับหมาซู่ที่อยู่ด้านข้างแล้ว ก็โยนลูกกลมๆ สีดำออกไปอีกครั้ง หลังจากทำท่ามือ ลูกกลมๆ ก็กลายเป็นคางคกยักษ์ที่สูงหลายจั้ง
หลังจากคางคกตกถึงพื้น ขาหลังก็คุกเข่าลง ขาหน้ายกขึ้นมา ท้องของมันพองยุบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น มันอ้าปากขนาดใหญ่ พ่นไอหมอกสีเขียวเข้มออกมา พอพายุบ้าระห่ำก่อตัวขึ้น มันก็ปกคลุมเย่เทียนเหมยไว้ในพริบตา
หมาซู่เห็นเช่นนี้ก็เข้าใจในทันที แววตาเขาดูโหดเหี้ยมขึ้นมา เขากัดปลายลิ้น และพ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่แผ่นกลมๆ
แสงสีทองเปล่งประกายขึ้น จากนั้นก็พร่ามัวและหายไปกลางอากาศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา