“อะไรกัน! ปีศาจเฒ่านั่นยังตามไม่เลิกราอีกหรือ?” ขณะที่หลิ่วหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมานั้น พลันได้ยินน้ำเสียงราบเรียบดังมาจากด้านหลัง
ตอนแรกหลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึง แต่ต่อมาก็หันหน้าไปด้วยความดีใจ
“อาจารย์อาเย่ ท่านฟื้นแล้ว!”
ไม่รู้ว่าเย่เทียนเหมยที่นอนอยู่บนหลังแมงป่องกระดูกลุกขึ้นมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ใบหน้าจะซีดขาวเล็กน้อย แต่แววตายังคงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“อืม! เจ้าทำได้ไม่เลว ตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ปีศาจเฒ่ายังไม่ยอมรามือเช่นนี้ ดูท่าคงต้องใช้ท่าไม้ตายเขาถึงจะตายใจ” เย่เทียนเหมยมองไปด้านหลัง และค่อยๆ กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
หลิ่วหมิงได้ยินก็แสดงสีหน้าออกมาราวกับคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ศิษย์หลานหลิ่ว เจ้าสั่งให้แมงป่องกระดูกขึ้นจากพื้นชั่วคราวเพื่อหาวิธีการถ่วงเวลาก่อน ที่เหลือมอบให้ข้าจัดการเอง” เย่เทียนเหมยกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกงงงวย แต่ก็พยักหน้าตอบรับ พอเขาทำท่ามือด้วยมือเดียว แมงป่องกระดูกก็พุ่งขึ้นจากใต้ดิน
ขณะนี้ เย่เทียนเหมยกลับพลิกฝ่ามือหยิบกล่องหยกสีเขียวที่ยาวชุ่นกว่าๆ ออกมา บนนั้นมียันต์สีเงินติดอยู่ผืนหนึ่ง
พอนางสะบัดแขนเสื้อ ยันต์ก็หลุดร่วงลงไป และฝากล่องก็เปิดออกมาในมันพริบ
“ฟู่!” เงาสีเขียวพุ่งออกจากกล่องหยก
เย่เทียนเหมยคว้ามันมาไว้ในมืออย่างเงียบๆ
มันคืออสรพิษเล็กแปลกประหลาดที่มีสีเขียวราวกับหยก และมีขนาดยาวฉื่อกว่าๆ ดวงตาทั้งคู่เป็นสีทอง บนหัวมีเขาสีแดงอยู่สองอัน ปากเป็นรูปสี่เหลี่ยม และยังมีหนวดสีแดงเส้นหนึ่งกวัดแกว่งไปมา
นอกจากไม่มีเท้าทั้งสี่บริเวณท้องแล้ว อย่างอื่นก็ดูคล้ายกับมังกรที่ลดขนาดลงหลายเท่า
เย่เทียนเหมยทำท่ามือด้วยนิ้วสองนิ้ว และชี้ไปยังตำแหน่งหัวใจของมัน หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็กัดฟันกดหัวของมันลงบนข้อมือ
อสรพิษเล็กแปลกประหลาดอ้าปากจนเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม จากนั้นก็กัดลงบนข้อมืออย่างไม่ปราณี และปล่อยของเหลวมีพิษเข้าไปในนั้น
หลิ่วหมิงเห็นฉากเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เพียงชั่วพริบตาเดียว เกล็ดและเขาแปลกประหลาดบนหัวของอสรพิษเล็ก ก็ลอกคราบออกมาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่แมงป่องกระดูกพุ่งขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็วนั้น อสรพิษเล็กก็กลายเป็นงูเขียวธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง
เย่เทียนเหมยโยนอสรพิษเล็กในมือออกไป และยืนบนหลังของแมงป่องกระดูกทันที หน้าของนางมีสีเขียวคล้ำ แต่กลิ่นไอบนตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผ่านไปซักพัก สีหน้าของนางก็กลับมาเป็นปกติ ดวงตามีประกายแวววาว ดูเหมือนว่าพลังเวทย์จะฟื้นคืนมาหมดแล้ว
พอเย่เทียนเหมยแตะปลายเท้าลง แมงป่องกระดูกก็รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง และหยุดการเคลื่อนไหวลง แต่ขณะเดียวกันก็หันมามองนางด้วยความเดือดดาล และส่งเสียงร้องออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างขมขื่น และรีบสื่อสารจิตกับแมงป่องกระดูกเพื่อปลอบใจมันเล็กน้อย
เย่เทียนเหมยทำราวกับมองไม่เห็นท่าทีของแมงป่องกระดูก นางได้แต่มองไปด้านหลังด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ขณะนี้ แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกจากพื้นที่อยู่ไม่ไกล แท่งสามเหลี่ยมสีฟ้าพุ่งออกจากพื้น จากนั้นผู้อาวุโสคิ้วดำก็ปรากฎออกมา หลังจากหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบแล้ว ก็ลอยอยู่บนอากาศ แต่สายตามองไปที่แมงป่องกระดูกด้วยความตกใจ
เย่เทียนเหมยเห็นเช่นนี้ ก็เพียงแค่หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น พอนางอ้าปาก แสงสีขาวเงินก็ถูกพ่นออกมา และหมุนวนหนึ่งรอบก่อนที่จะลอยอยู่ตรงหน้านาง
เงากระบี่เล็กสีเงินที่ยาวไม่กี่ชุ่นถูกแสงปกคลุมอยู่ มันก็ค่อยๆ สั่นสะเทือนขึ้นมา และดูปราดเปรียวยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา