“หากเจ้ารับการโจมตีข้าได้หนึ่งกระบี่โดยที่ไม่เป็นอะไร ค่อยมาพูดเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย!”
“เยี่ยมไปเลย! คู่ชีวิตที่ข้าถูกใจไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! ดี! ข้าจะยืนรอรับกระบี่ของเจ้าโดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย!” ราชาปีศาจสมุทรได้ยินก็ตบมือหัวเราะใหญ่
เย่เทียนเหมยทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นกระบี่ตรงบริเวณหน้าอก ก็เปล่งแสงสีขาวเงินออกมา และกลายเป็นแสงสีเงินพุ่งขึ้นฟ้า
นางหายเข้าไปในแสงสีเงิน
ครู่ต่อมา แสงสีเงินส่งเสียงดังกังวาน สายรุ้งสีเงินสิบกว่าจั้งก่อตัวขึ้นมา และกระโจนไปยังฝ่ายตรงข้ามราวกับมังกรเงินที่พุ่งออกจากทะเล
พอเห็นการโจมตีที่มีอานุภาพเช่นนี้ อุ้งมือหลิ่วหมิงก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวจ้องมองแสงกระบี่ที่พุ่งเข้ามา แต่ดวงตาทั้งคู่กลับเป็นประกาย เขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนจริงๆ ชุดคลุมสีขาวโบกสะบัดตามแรงลม
“ฟัน!”
หลังจากมีเสียงตะคอกเบาๆ สายรุ้งสีเงินก็มาถึงด้านหน้าชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว สามารถมองเห็นเงากระบี่ยักษ์อยู่ในนั้นรำไร และมันกำลังมุ่งหน้าฟันเข้ามา
แต่ยังไม่ทันได้ฟันลงมาจริงๆ กลิ่นไออันแหลมคมก็ม้วนตัวมาถึงก่อน แสงสีฟ้าจางๆ เปล่งประกายบนร่างชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว จากนั้นมันก็กดดันจนไอเย็นสะท้านกระจายหายไป
ขณะเดียวกัน เขาก็ยกแขนขึ้น หลังจากกางนิ้วทั้งห้าออก แสงทรงกรดสีฟ้าจางๆ ก็ กระเพื่อมออกไป
ดูจากสภาพการณ์แล้ว เขาคิดจะรับการโจมตีด้วยมือเปล่า!
“ฟิ้ว!” กระบี่ยักษ์ฟันลงมาอย่างรุนแรง คมกระบี่ปะทุลำแสงแสบตาออกมา แต่กลังจากพร่ามัวแล้ว ก็ไม่รู้ว่าฟันลงบนฝ่ามือของชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นก็ไม่อาจบุกรุดไปข้างหน้าได้เลยแม้แต่น้อย
พอมีเสียงดังกังวานออกมา สายรุ้งสีเงินก็ม้วนกลับมาทันที
แสงสีเงินเปล่งประกาย หญิงสาวใบหน้างดงามสวมชุดสีขาว ถือกระบี่ด้วยมือข้างหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง และจ้องมองชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวตรงหน้าด้วยแววตาเยือกเย็น
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวหดแขนกลับมา เขาแสดงสีหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ใช่ยิ้ม จากนั้นก็กล่าวออกมา
“เป็นอย่างไรบ้าง ข้าน้อยเข้าตาท่านเซียนหรือไม่ ตอนนี้ยอมตอบตกลงเป็นคู่รักฝึกฝนของข้าหรือยัง?”
เย่เทียนเหมยไม่ได้ตอบเขาในทันที หลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ชี้นิ้วไปที่หลิ่วหมิงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ให้ข้าตอบตกลงน่ะได้ แต่ต้องปล่อยเขาไปก่อน”
นางกล่าวยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็เผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็หายไปภายในพริบตา ตอนนี้สีหน้าของเขาอึมครึมจนถึงขีดสุด หลังจากมองหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้ว ก็กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมีสิทธิ์อะไรมาเสนอเงื่อนไขกับข้า ส่วนศิษย์หลานของเจ้า ก็ต้องรับฝ่ามือของข้าเหมือนคนอื่นๆ ถึงมีสิทธิ์มีชีวิตรอด!”
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าหวังว่าข้าจะเป็นคู่รักฝึกฝนของเจ้า! เจ้าลงมือเถอะ!” เย่เทียนเหมยยืนเงียบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากกระตุกกระบี่เงินในมือแล้ว ก็กล่าวออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
พอคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้คนต่างก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
คนจำนวนไม่น้อยมองไปทางหลิ่วหมิง
มาถึงเวลานี้ เกรงว่าใครก็มองออกว่าความสัมพันธ์ของนางกับหลิ่วหมิงคงไม่ธรรมดา
เจียหลานเบิกตากว้างด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ขณะนี้ แม้หลิ่วหมิงจะมีสีหน้าสงบเป็นปกติ แต่รู้สึกราวกับมีคลื่นโหมซัดสาดอยู่ในใจ ความรู้สึกแปลกๆ ทะลักไปยังหัวใจ ทันใดนั้น เขาก็พุ่งไปอยู่ด้านข้างเย่เทียนเหมยอย่างรวดเร็ว
เย่เทียนเหมยรู้สึกตกใจมาก นางคิดจะพูดอะไรกับหลิ่วหมิง แต่หลิ่วหมิวกลับโบกมือห้ามนางด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ค่อยๆ หันไปมองราชาปีศาจสมุทร และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ แต่ขอราชาปีศาจสมุทรจงมอบฝ่ามือให้กับข้า!”
พอคำพูดนี้ออกจากปาก สีหน้าผู้คนในนั้นก็ดูมีสีสันขึ้นมาทันที บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็เหยียดหยาม ส่วนมากแสดงสีหน้าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
ฝ่ามือของระดับแก่นแท้ที่แม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกยังต้านทานได้ยาก แม้จะบอกว่ามีพลังแค่เพียงหนึ่งส่วน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวอย่างหลิ่วหมิงจะสามารถรับได้ไหว
พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวเห็นหลิ่วหมิงเดินมาขอฝ่ามือโดยไม่คาดคิด เขาก็ไม่ได้รีบพูดอะไรออกมา แต่กลับหรี่ตาสังเกตชายหนุ่มระดับของเหลวขั้นกลางตรงหน้าหนึ่งรอบ แล้วทำเป็นมองเย่เทียนเหมยอย่างไม่ใส่ใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา