ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 376

สรุปบท ตอนที่ 376: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปตอน ตอนที่ 376 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

ตอน ตอนที่ 376 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 376 ทำร้ายระดับแก่นแท้
ตอนที่ 376 ทำร้ายระดับแก่นแท้
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะนี้ พอมองจิตวิญญาณตัวอ่อนกระบี่จากที่ไกลๆ มันดูคล้ายกับกระบี่ยักษ์ของจริงไม่มีผิด!

“ยังไม่พอ……”

หลิ่วหมิงจ้องมองกระบี่ยักษ์กลางอากาศ ดวงตาเผยแววดุร้ายออกมา ทันใดนั้นก็ตบหน้าอกตนเองอย่างรวดเร็ว

“ตุ๊บ!” “ตุ๊บ!” “ตุ๊บ!”

พริบตาเดียว ก็พ่นโลหิตออกมาสามครั้งติดต่อกันราวกับน้ำพุ จากนั้นมันก็กลายเป็นหมอกโลหิตที่แผ่คลื่นจิตวิญญาณอันน่าตกใจออกมา และพุ่งเข้าไปในกระบี่ยักษ์

ท่ามกลางแสงสีทองที่เปล่งประกายบนผิวกระบี่ยักษ์ร้อยจั้ง มีแสงสีแดงแผ่ออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกไหม้เป็นเปลวไฟสีแดงอันร้อนแรงราวกับดวงอาทิตย์กลางเวหา และส่องแสงจนรู้สึกปวดตา

สิ่งที่เกิดขึ้นค้นเมื่อครู่ ใช้เวลาเท่ากับสายฟ้าแลบเท่านั้น พอผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเห็นฉากสั่นสะเทือนเช่นนี้ บวกกับรับรู้ได้ถึงคลื่นสั่นสะเทือนอันน่าหวาดกลัวที่แผ่ออกมา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปมาก

พริบตาที่กระบี่ยักษ์ปรากฏออกมา พวกเขาก็ขนลุกขนชัน และรู้สึกราวกับไร้เรี่ยวแรง

ลี่คุนกับผู้แข็งแกร่งระดับผลึกหลายคนที่มีระดับการฝึกฝนค่อนข้างอ่อน ต่างก็ถอยหลังไปหลายก้าว ในมือแต่ละคนถืออาวุธจิตวิญญาณไว้ด้วยใจที่เต้นระรัว

อู่เหยียนกับเจ้าหุบเขาซุนมองหน้ากันทีหนึ่ง พวกเขาต่างก็มองเห็นความหวาดผวาในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม

ด้วยอานุภาพอันน่าตกใจที่กระบี่ยักษ์แผ่ออกมา หากฟันใส่พวกเขา ย่อมไม่มีความมั่นใจว่าจะรับไว้ได้

เย่เทียนเหมยจ้องมองกระบี่ยักษ์กลางอากาศด้วยแววตาเยือกเย็น แต่สีหน้ากลับดูแปลกใจเล็กน้อย

พริบตาที่กระบี่ยักษ์ก่อตัวขึ้นมา สีหน้าผ่อนคลายของชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่อยู่ไม่ไกล ก็หายไปจนหมดสิ้น เขารู้สึกถึงอันตรายที่ทำให้อกสั่นขวัญหาย ดูเหมือนเขาจะคำรามออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิด พลังเวทย์ในร่างหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นไอที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ยักษ์สีทองประทุออกมา

พริบตาเดียว ปราณจิตวิญญาณรอบๆ รัศมีพันจั้ง ก็ค่อยๆ ทะลักเข้ามา จากนั้นกลายเป็นลำแสงสีฟ้าที่กว้างห้าจั้ง และพุ่งทะลุฟ้า

อากาศสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที ร่างของชายหนุ่มชุดขาวรวมเป็นร่างเดียวกับลำแสง อานุภาพที่แผ่ออกมาจากม่านแสงเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า

ขณะนี้ ฝ่ามือยักษ์ขยายใหญ่หลายร้อยจั้ง มันดูราวกับมือที่บังท้องฟ้าไว้ ภายใต้การกระตุ้นของราชาปีศาจสมุทร มันก็ร่วงลงมาราวกับภูเขาไท่ซาน และปกคลุมหลิ่วหมิงกับกระบี่ยักษ์สีทองไว้ข้างใต้

ขณะนี้อานุภาพของฝ่ามือยักษ์เพิ่มขึ้นจากที่อู่เหยียนและคนอื่นๆ เคยรับมือถึงสิบเท่า!

คิดไม่ถึงว่าราชาปีศาจสมุทร จะยกระดับพลังเวทย์จนถึงขีดสุดภายในพริบตา!

หลิ่วหมิงควบคุมร่างที่โงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ สายตาจ้องมองฝ่ามือยักษ์กลางอากาศที่กำลังร่วงลงมา กระบี่ยักษ์สีทองกลางอากาศส่งเสียงออกมา จากนั้นก็ฟันใส่ฝ่ามือยักษ์กลางอากาศ

ปราณจิตวิญญาณพวยพุ่งอย่างรุนแรง

บริเวณที่กระบี่ยักษ์คลื่นตัวผ่าน เกิดเสียงดังก้องฟ้าราวกับภูเขาหินระเบิดตัว และดังก้องออกไปในระยะหลายร้อยหลายพันลี้

ในขณะที่กระบี่ยักษ์ใกล้จะสัมผัสกับฝ่ามือยักษ์นั้น แสงสีฟ้านอกฝ่ามือยักษ์พลันเปล่งแสงแวววาวระยิบระยับ แสงทรงกลดสีฟ้าจำนวนมากปรากฏออกมาบนพื้นผิว แสงทรงกลดทับซ้อนกันหลายชั้น จากนั้นกลายเป็นม่านแสงสีฟ้าจางๆ ห่อหุ้มฝ่ามือยักษ์ไว้

“ตู๊ม!”

กระบี่ยักษ์ถูกม่านแสงสีฟ้าต้านทานไว้ ดูเหมือนมันไม่สามารถเข้าไปด้านในได้เลย และยังถูกกดให้ลงด้านล่างจนส่งเสียงดังหวึ่งๆ ออกมา

“ฮึ!”

น้ำเสียงแฝงแววเย้ยหยันดังมาจากปากชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว ร่างของเขาถูกแสงสีฟ้าปกคลุมไว้ ใบหน้าพร่าวมัวลง

ในความเห็นของเขา แม้กระบี่สีทองที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมาจะมีอานุภาพเหนือการคาดหมาย แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางเท่านั้น ขณะนี้ตนเองกระโจนเข้าไปด้วยพลังทั้งหมด หลิ่วหมิงก็คงไม่รอด

ในขณะที่คนอื่นๆ คิดว่าอานุภาพของกระบี่ที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมาจะถูกทำลายไปเช่นนี้นั้น กระบี่ยักษ์ที่ถูกต้านทานอยู่ด้านนอก ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที

ลวดลายบนพื้นผิวกระบี่เปล่งแสงสีทองในทันที จากนั้นก็บิดตัวราวกับมีชีวิต ลำแสงสีทองจำนวนมากสะท้อนแสงแวววับให้แก่กันและกัน จนก่อเกิดเป็นโครงค่ายกลไม่ทราบชื่อเป็นจำนวนมาก มีอักขระสีทองจำนวนมากหมุนวนอยู่ในนั้น พวกมันค่อยๆ ทะลักไปยังม่านแสงสีฟ้า จากนั้นระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟสีทอง และแผ่คลื่นสั่นสะเทือนอันน่าตกใจออกมา

พริบตาเดียว ทั่วท้องฟ้าก็ถูกทะเพลิงสีทองกับลำแสงที่ม่านแสงสีฟ้าปล่อยออกมาครอบคลุมไว้ เกิดเป็นฉากที่น้ำกับไฟเข้ากันได้อย่างประหลาดใจ

พอมองออกไปจะเห็นว่ามันสว่างไสวมาก แต่เสียงระเบิดที่ดังออกมาติดต่อกัน ทำให้ผู้คนรู้สึกใจสั่นสะท้าน

อากาศบริเวณนี้สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ม่านแสงสีฟ้าที่ห่อหุ้มฝ่ามือยักษ์ก็ค่อยๆ มืดลงท่ามกลางทะเพลิง

และแสงของกระบี่ยักษ์สีทองก็ดับไป และกลับมามีขนาดร้อยจั้ง แม้แสงจะดับไปแล้ว แต่มันยังให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นทองคำแท้

“ฉับ!”

กระบี่ยักษ์พุ่งใส่ฝ่ามือยักษ์ในม่านแสงอย่างรุนแรงราวกับภูเขา จนเกิดเป็นรอยร้าวขึ้นมาแถบหนึ่ง และพริบตาเดียวก็ขยายใหญ่หลายจั้ง และลุกลามไปรอบด้าน

ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก ดูเหมือนเขาจะท่ามืออย่างรวดเร็วเพื่อต้านทานมันไว้

ครู่ต่อมา กระบี่ยักษ์ส่งเสียงแหลมดัง จากนั้นก็ฟันม่านแสงสีฟ้ากับฝ่ามือยักษ์จนขาดออกมา และกลายเป็นแสงสีทองฟันไปทางราชาปีศาจสมุทร

“ตู๊ม!”

ฝ่ามือยักษ์ทั้งสองส่วนระเบิดออกมาเป็นคลื่นสั่นสะเทือนอันน่ากลัว แสงสีทองถูกสั่นสะเทือนจนค่อยๆ หยุดชะงักลง แต่พริบตาเดียว มันก็พร่ามัวไปฟันราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีฟ้า จนขาดออกเป็นสองส่วนท่ามกลางสายตาที่ดูหวาดผวาของผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้น

หลิ่วหมิงกระแอมไอเบาๆ สองที และหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวกับราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ตรงหน้า

“เป็นเช่นนี้แล้ว ถือว่าข้าน้อยรับฝ่ามือของท่านได้หรือยัง?”

แม้ราชาปีศาจสมุทรฟังคำพูดของหลิ่วหมิงแล้ว จะยังยืนเอามือไขว้หลังอยู่ที่เดิม แต่แววตาสังหารกลับปรากฏบนใบหน้าโดยฉับพลัน และก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น

“ข้าเคยพูดว่านอกจากเผ่าเจ้าสมุทรแล้ว คนอื่นๆ เพียงแค่รับฝ่ามือข้าได้ ข้าก็จะไว้ชีวิต และมีสิทธิ์สวามิภักดิ์ข้า แต่จะรับเป็นคนของข้าหรือไม่นั้นมันคนละเรื่องกัน ทุกอย่างต้องดูที่อารมณ์ของข้า!”

เสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นของราชาปีศาจสมุทรดังก้องอยู่ข้างหูของทุกคน ทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นสะท้านในใจ

“ถ้าเช่นนั้น ท่านคิดจะจัดการศิษย์หลานของข้าอย่างไร!” เย่เทียนเหมยขมวดคิ้วแล้วถามอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ทะเลลึกที่อยู่ภายใต้ปกครองของข้า มีสายแร่ที่กำลังทำการขุดเจาะอยู่ ตอนนี้ขาดทาสเหมืองแร่ระดับของเหลวที่มีพลังเวทย์หนาแน่น เห็นแก่ที่เจ้าสามารถรับฝ่ามือข้าได้โดยที่ยังไม่ตาย ก็ส่งเจ้าไปอุทิศตนรับใช้ข้าที่นั่นก็แล้วกัน! เอาล่ะ! เรื่องนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้ากลับไปวังปีศาจสมุทรกับข้าเถอะ!” พอราชาปีศาจสมุทรเห็นเย่เทียนเหมยถามเช่นนี้ เขาก็ตอบอย่างไม่ลังเล

จากนั้นก็หมุนตัวเหาะเข้าไปในม่านแสงสีฟ้าโดยไม่สนใจว่าหลิ่วหมิงจะตอบตกลงหรือไม่

คนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากันทีหนึ่ง และทำได้แค่ตามเข้าไปในแสงสีฟ้า

ผ่านไปซักพัก นอกจากหลิ่วหมิงแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็เหลือเพียงแค่เย่เทียนเหมย ลี่คุน และเจียหลานเท่านั้น

เจียหลานมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน และค่อยๆ ก้าวไปด้านหน้า และอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา

แต่ลี่คุนกลับคว้าตัวนางไว้ในฉับพลัน และพานางหายเข้าไปในแสงสีฟ้า

ตั้งแต่หลิ่วหมิงปรากฏตัว ณ สถานที่แห่งนี้ ลี่คุนย่อมจำเขาได้ในทันที คนที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘มนุษย์ผู้น้อย’ ในปีนั้น

แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจไปหาเรื่องหลิ่วหมิงเลยแม้แต่น้อย

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาถูกราชาปีศาจสมุทรจับเป็นพวก จนไม่สามารถปกป้องตนเองได้ การประมือระหว่างหลิ่วหมิงกับราชาปีศาจสมุทรในเมื่อครู่ ที่ปล่อยกระบี่อันน่าตกใจออกมานั้น ก็ทำให้จิตใจของเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ถ้าตอนนั้นเขาบีบหลิ่วหมิงจนเข้าตาจนล่ะก็ ไม่อยากจะคิดจริงๆ เลยว่า หากฝ่ายตรงข้ามแสดงพลังเช่นนี้ออกมา ตนเองควรจะรับมืออย่างไร เกรงว่าต่อให้ตนเองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

ส่วนไข่เทพอสูรบนตัวหลิ่วหมิงนั้น เขายังคงนึกถึงมันอยู่ไม่ขาด แต่คงต้องรอหาวิธีชิงเอามาภายหลัง

……………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา