ทุกครั้งที่สั่นสะเทือน มันจะขยายใหญ่และกลายเป็นจันทร์เสี้ยวสีเทาที่ยาวฉื่อกว่าๆ
พริบตานั้น จันทร์เสี้ยวหลายสิบดวงก็กระพือฮือโหมไปหาชิงฉีด้วยอานุภาพอันน่าตกใจเป็นอย่างมาก
ชิงฉีเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน นางยกแขนขึ้นมาทันที ยันต์จำนวนมากพุ่งออกจากแขนเสื้อ และพุ่งยิงไปด้านหน้าขณะเดียวกันนางก็ตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ออกมา
หลังจากมีเสียงดังตูมตามอยู่ช่วงหนึ่ง ยันต์ตรงหน้าก็พากันระเบิดออกมาเป็นแสงสีแดงแสบตา และต้านทานจันทร์เสี้ยวไว้
อสูรโฉดร่างหมียักษ์เห็นเช่นนี้ ก็กระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้นทันที แขนทั้งสองขยับตัวจนจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และพัดกระพือฮือโหมใส่ชิงจี
“ฟู่ๆ!”
จันทร์เสี้ยวสองสามดวงเจาะทะลุร่างของชิงฉีอย่างรวดเร็ว แต่ครู่ต่อมาร่างของนางก็กลายเป็นจุดแวววาว และสลายไป
พอนางปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ขยี้ยันต์ในมืออย่างไม่ลังเล
เมื่อแสงสีเหลืองเปล่งประกายออกมา ร่างของนางก็พุ่งเข้าไปในทางด้านหน้าแล้ว
ชิงฉีหันไปมองสหายสองคนทีหนึ่ง และถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็หนีหายไป
เมื่ออสูรโฉดร่างหมียักษ์ค้นพบว่าฝ่ายตรงข้ามหลบหนีไปแล้ว มันจึงทุบอกตนเองอย่างบ้าคลั่ง และแผดเสียงคำรามด้วยความโมโห จากนั้นก็พุ่งไปทางที่ชิงฉีหนีไป ขณะเดียวกัน อสูรโฉดหลายตนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตามติดมันไปด้วย
เมื่อหลิ่วหมิงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา กระบี่สีดำในมือสะบัดออกไปอย่างรุนแรงสองสามที ปราณกระบี่สีดำคุกคามจนอสูรโฉดร่างพยัคฆ์ตรงหน้าถอยออกไปหลายก้าว จากนั้นเขาก็กระโดดไปด้านหลังอสูรโฉดร่างพยัคฆ์อีกตนที่กำลังกระโจนใส่แมงป่องกระดูกอยู่ แขนข้างหนึ่งยื่นออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว และจับขาข้างหนึ่งของมันไว้แน่น
เขาออกแรงที่นิ้วทั้งห้าด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก พลังสั่นสะเทือนแปลกประหลาดพุ่งออกจากปลายนิ้ว จากนั้นก็มีเสียงดัง “พลั่ก!” เท้าหลังของอสูรโฉดร่างพยัคฆ์ตนนี้ถูกเขาบิดจนหัก
อสูรโฉดตนนี้บิดตัวแล้วล้มลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด แมงป่องกระดูกอาศัยโอกาสนี้ไปปรากฏตัวอยู่เหนืออสูรโฉด ก้ามยักษ์ทั้งสองโจมตีลงด้านล่างอย่างรุนแรง และรวดเร็ว
อสูรโฉดกระแทกลงพื้นจนพื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ มันส่งเสียงคำรามออกมา แต่ไม่สามารถขยับตัวปีนขึ้นมาได้
พอหลิ่วหมิงลงถึงพื้น เขาก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวทันที ไอดำพวยพุ่งออกจากร่าง เงามังกรแผดเสียงร้องอยู่ท่ามกลางไอดำ ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย เกล็ดสีแดงปรากฏบนผิวหนังเป็นชั้นๆ
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงกระตุ้นไอดำให้ม้วนตัวแมงป่องกระดูกไว้ และพุ่งไปยังทางเดินที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเขาปล่อยกำปั้นใส่อสูรสองสามตนที่ยืนขวางทางแล้ว ก็ควักลูกตาอสูรโฉดระดับของเหลวขั้นกลางออกมา จากนั้นอสูรโฉดตนอื่นๆ ก็ถอยออกไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่สายตาที่มองหลิ่วหมิงกลับดูโหดเหี้ยมมากกว่าเดิม
แต่หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้หนีเข้าไปในทางสายหนึ่ง หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และภายในอุโมงค์ กลับมีอสูรโฉดพุ่งออกจากเส้นทางอื่นๆ เป็นจำนวนมาก มีเสียงคำรามและเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้น แต่ไม่นานก็เหลือเพียงเสียงคำรามเท่านั้น
……
ครึ่งวันต่อมา
หลิ่วหมิงกำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตอยู่บนเส้นทางสายหนึ่ง
จากแผนที่สายแร่ที่อยู่ในสมองของเขา ดูเหมือนตรงหน้าจะไม่มีเส้นทางไปยังเขตแลกเปลี่ยน และก่อนหน้านั้นเขาหนีอย่างทุลักทุเล อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาอยู่ห่างจากเขตแลกเปลี่ยนมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ภายใต้การห้อมล้อมของอสูรโฉด นอกจากจะวิ่งหนีไปยังทางเดินที่ดูว่างเปล่า และพยายามหนีให้พ้นจากการตามล่าของอสูรโฉดที่อยู่ด้านหลังแล้ว เขาก็ไม่มีแผนในการเอาชีวิตรอดที่ดีกว่านี้เลย
จากข้อมูลที่ได้รับมาในก่อนหน้านั้น หลังจากภัยร้ายเกิดขึ้นแล้ว มันจะเกิดขึ้นต่อเนื่องราวๆ สามวัน หลังจากพ้นสามวันไปแล้ว อสูรโฉดก็จะถอยกลับเหวไร้ก้นจนหมด และภายในระยะเวลาหลายเดือนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นแม้แต่เงาของอสูรโฉดมาปรากฏในถ้ำเหมืองแร่เลย
เพียงแค่เขาไม่ถูกอสูรโฉดโจมตีภายในสองสามวันนี้ ต่อให้ไม่สามารถหนีไปยังปากทางเข้าได้ทัน แต่ก็ยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้เช่นกัน
และตอนนี้ภัยร้ายเพิ่งเกิดขึ้นได้แค่ครึ่งวัน อสูรโฉดที่ตายในเงื้อมมือของเขา ก็มีไม่น้อยกว่าสิบตนแล้ว หากในสถานการณ์ปกติล่ะก็ นับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวก้อนใหญ่เลยทีเดียว แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลับได้แต่หนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น ไหนเลยจะมีกะจิตกะใจไปสนใจศพอสูรเหล่านี้
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ ไม่นานก็พุ่งออกไปสิบกว่าจั้ง
และอสูรโฉดร่างคางคกสิบกว่าตนที่อยู่ห่างจากเขาสี่ห้าจั้ง ต่างก็กระโดดตามมาด้วยความเร็วที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิ่วหมิงเลย
หลิ่วหมิงปล่อยกำปั้นโจมตีกลับไปเป็นครั้งคราว จนทำให้อสูรโฉดเหล่านี้กระเด็นออกไปไกลๆ แต่พวกมันก็พลิกตัวขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็เข้าไปในฝูงของมัน และไล่ตามอย่างไม่ลดละ
และยังมีเสียงคำรามดังมาจากด้านหลังอสูรขนาดเล็กสิบกว่าตน ประจักษ์ชัดว่ายังมีอสูรโฉดจำนวนมากไล่ตามมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา