นอกจากมีเตียงหินอยู่ในถ้ำสองสามเตียงกับถุงที่กองอยู่ด้านข้างสองสามถุงแล้ว ก็ไม่มีอะไรจัดวางอีก
สิ่งที่หลิ่วหมิงเห็นตั้งแต่แรกคือใบหน้าผอมแห้งที่มีคิ้วเข้ม และดวงตาขนาดใหญ่ที่มีแววความท้อแท้แฝงอยู่
เขาก็คือชายหนุ่มร่างผอมกระหร่องก่องที่หลิ่วหมิงเจอตอนเข้ามาในถ้ำเหมืองแร่ใต้ดินใหม่ๆ
ขณะนี้เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงที่ตั้งอยู่ตรงกลาง กระบองเหล็กยาวสองจั้งกว่าๆ วางพิงอยู่บนผนังด้านหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหมิงเห็นกระบองอยู่ห่างจากมือชายหนุ่ม สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตะลึงงันเล็กน้อย และสังเกตดูฝ่ายตรงข้ามอีกสองสามที
เขาค้นพบว่าเสื้อผ้าสีเทาบนตัวของชายหนุ่มขาดรุ่งริ่ง และยังมีคราบเลือดปรากกฏอยู่รำไร ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของอสูรโฉดหรือของตัวเขาเอง
แต่ดูจากสภาพของชายหนุ่มในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส
ด้วยพลังระดับชายหนุ่มยังได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ คิดว่าก่อนหน้านั้นคงผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด
ภาพอสูรโฉดร่างหมาป่าสีดำที่มีขนาดใหญ่กว่าอสูรโฉดที่ล้อมรอบ ปรากฏขึ้นในสมองของหลิ่วหมิงทันที
และด้านข้างของชายหนุ่มก็มีชายสามสี่คนนั่งขัดสมาธิอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ชายหนุ่มใช้โอสถถอนพิษดึงเข้ามาเป็นพวกนั่นเอง แม้จะมีการฝึกฝนแค่ระดับของเหลวขั้นต้น แต่กลับมีกายเนื้อแข็งแกร่งเหมือนอีกสามคนที่เหลือ พอเขาเห็นหลิ่วหมิงเข้ามา ก็แค่มองดูด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็นั่งสมาธิต่อ
ชายหนุ่มร่างผอมก็สังเกตดูแมงป่องกระดูกบนไหล่หลิ่วหมิงสองสามที และหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
“สหายหลิ่วสามารถมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย ดูท่าในตอนแรกข้าคงดูเบาเจ้ามากไปหน่อย”
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่รู้ตัวเร็ว วิ่งหนีได้เร็ว และดวงค่อนข้างดีก็เท่านั้น ไม่ทราบว่าตอนนี้ สหายยอมบอกชื่อแซ่ได้หรือยัง?” หลิ่วหมิงหัวเราะและกล่าวออกมา
“ข้าชื่อซินหยวน หลังจากมาตกทุกข์อยู่ที่นี่เมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ก็ถูกพี่น้องสองสามท่านยกให้เป็นหัวหน้าชั่วคราว แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คิดว่าคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากแล้ว” ชายหนุ่มร่างผอมที่ชื่อ ‘ซินหยวน’ หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา แต่ดูเหมือนว่าการหัวเราะนี้ จะกระทบต่ออาการบาดเจ็บจนต้องไอออกมา
“ที่แท้ก็คือสหายซิน สถานที่แห่งนี้ถูกอสูรโฉดล้อมไว้หมดแล้ว เมื่อรวมกับฝูงอสูรโฉดที่ตามข้ามาแล้ว มันมีจำนวนน่าตกใจมาก คงไม่อาจบุกออกไปได้ แต่เมื่อครู่ข้าเพิ่งเห็นว่าอสูรโฉดที่อยู่ที่นี่ มีอสูรโฉดร่างหมาป่ายักษ์สีดำเป็นจ่าฝูง หรือว่าอาการบาดเจ็บของท่านจะเกี่ยวข้องกับอสูรตนนี้?” หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยก่อนถามออกไป
“ไม่ผิด! ข้าถูกอสูรตนนี้โจมตีจนได้รับบาดเจ็บ มันมีพลังระดับของเหลวขั้นปลาย ทั้งยังสามารถหดขยายรูปร่างได้ ก่อนหน้านั้นมันแฝงตัวอยู่ในกลุ่มอสูรโฉดทั่วไป ข้าไม่ทันระวังจึงถูกมันลอบทำร้าย ดีที่พี่น้องคนอื่นๆ ช่วยไว้ได้ทัน และโชคดีที่เข้ามาที่นี่ได้ จึงได้อาศัยสภาพพื้นที่ในการยืนหยัดต่อไป แต่คิดไม่ถึงว่าสหายหลิ่วจะหนีมาที่นี่ด้วย ดูท่าคงจะมีวาสนากับพวกเราไม่น้อย” ซินหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“วาสนาเช่นนี้ไม่มีจะยังดีกว่า!” หลิ่วหมิงยิ้มอย่างขมขื่น
“เฮ่อๆ! นอกเสียจากว่าสหายจะบุกออกไป มิเช่นนั้นคงต้องอยู่ในนี้สักระยะหนึ่ง ตอนนี้สถานการณ์คับขันมาก ข้าจะไม่พูดอะไรให้มากความแล้ว ตอนนี้สหายหลิ่วกับพวกเราต่างก็มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากอยากมีชีวิตรอดล่ะก็ เกรงว่าจะต้องออกแรงเล็กน้อย”
“พี่ซินจะให้ข้าทำอะไรบ้าง?” หลิ่วหมิงกล่าวราวกับคาดเดาอะไรบางอย่างได้
“ง่ายมาก! ในเมื่อสหายหลิ่วบุกเข้ามาที่นี้ได้ แสดงว่าจะต้องมีพลังไม่ธรรมดา และภัยร้ายในครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น หากยึดตามความเคยชินที่ผ่านมา ยังเหลือเวลาอีกสองวันกว่า ในระหว่างเวลานี้จำเป็นต้องให้สหายและพี่น้องของข้าผลัดกันป้องกันการโจมตีของอสูรโฉด! สหายคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซินหยวนมีสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย
หลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ ก็รีบรับปากโดยไม่ต้องคิด
ขณะนี้ อสูรโฉดที่อยู่นอกถ้ำมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นยังมีระดับของเหลวขั้นปลายด้วย และแต่ละเส้นทางก็ถูกพวกมันปิดกั้นไว้จนแม้แต่น้ำก็ไม่สามารถไหลผ่านไปได้
นอกจากเขาจะปักหลักอยู่ที่นี่กับชายหนุ่มจนกว่าภัยร้ายจะผ่านพ้นไปแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
แม้ชายหนุ่มที่ชื่อ ‘ซินหยวน’ ดูเหมือนจะเสียพลังไปกว่าครึ่งหนึ่ง แต่สหายของเขาแต่ละคนก็ดูเหมือนจะมีกายเนื้อที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่ดูแลไม่ให้ทางเข้าถูกโจมตีจนพังทลาย และผลัดเปลี่ยนกันมาฟื้นฟูพลังล่ะก็ คงยืดเวลาไปได้นานมากขึ้น
“ดีมาก สหายหลิ่วเป็นคนปราดเปรื่องยิ่งนัก ไม่ต้องพูดจาอะไรไร้สาระอีกแล้ว แต่ว่าเจ้าหนีมาตลอดทางคงเสียพลังไปไม่น้อย ตอนนี้นั่งลงพักสักหน่อย รอพวกเขาผลัดกันครบหนึ่งรอบแล้ว ค่อยถึงตาของสหายหลิ่ว” ซินหยวนเห็นหลิ่วหมิงเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก ขณะเดียวกันก็กล่าวออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ชักช้าอีกต่อไป เขาเก็บแมงป่องกระดูกเข้าไปในถุงหนังเพื่อให้มันได้พักผ่อน จากนั้นก็หาที่ว่างแล้วนั่งขัดสมาธิลงไป
“เจิ้งหย่ง หัวตัน พวกเจ้าทั้งสองไปเปลี่ยนสักหน่อยเถอะ!” ซินหยวนหันไปกล่าวกับชายสองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ห่างจากเขาไปไม่ไกล หนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นต้น
ทั้งสองตอบรับและลุกขึ้นมา หลังจากชักอาวุธที่ทำมาจากกระดูกออกมาจากเอวแล้ว ก็เดินไปที่ปากถ้ำ
ครู่ต่อมา ชายฉกรรจ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าปากถ้ำก็เดินเข้ามาด้านใน แต่ค้อนกระดูกที่พวกเขาถืออยู่นั้นชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ บนตัวเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าตรงแขนและหัวเข่าขาดรุ่งริ่ง จนมองเห็นบาดแผลเล็กๆ อยู่รำไร
แขนข้างหนึ่งของคนที่อยู่ข้างหลัง ก็ดูคล้ายกับถูกอะไรบางอย่างเจาะจนเกิดเป็นรูขนาดเท่านิ้วโป้ง โลหิตสีแดงเข้มไหลออกมาไม่ขาดสาย และส่งกลิ่นคาวออกมา
“อสูรโฉดร่างคางคกเหล่านั้นรับมือได้ยากมาก มันไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว แต่มุมการโจมตีของลิ้นก็แปลกประหลาดยิ่งนัก” ชายฉกรรจ์ที่แขนได้รับบาดเจ็บมีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย หลังจากพูดจบแล้วก็ล้มลงพื้นไป
พอชายฉกรรจ์ที่เดินนำหน้าได้ยินเสียงล้มลงพื้น ก็รีบหันมาดูด้วยความตกใจ หลังจากพาเขาไปนอนบนเตียงหิน และทานโอสถถอนพิษไปหนึ่งเม็ด ทุกคนถึงได้รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา