หลิ่วหมิงขยับตัวไปคืนเคียงข้างชายฉกรรจ์
“ขอบคุณมาก!” ชายฉกรรจ์กล่าวออกมา จากนั้นก็ทานโอสถถอนพิษลงไปหนึ่งเม็ด และใช้ยันต์ปิดบาดแผลไว้ ขณะเดียวกันก็จ้องมองอสูรโฉดร่างคางคกโดยไม่ขยับเขยื้อน
“สหายจัดการอสูรโฉดตนอื่นที่อยู่บริเวณรอบๆ เถอะ ส่วนตนนี้มอบให้ข้าก็แล้วกัน” หลิ่วหมิงหรี่ตามองอสูรร่างคางคกแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา
สำหรับคำแนะนำของหลิ่วหมิง ชายฉกรรจ์ที่ชื่อ ‘เจิ้งหย่ง’ ไม่ได้มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด หลังจากพยักหน้าแล้วก็โบกกระบี่กระดูกใส่อสูรโฉดระดับต่ำตนหนึ่ง
หลิ่วหมิงยังยืนอยู่ที่เดิม และถือดาบกระดูกจ้องมองอสูรโฉดที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาเยือกเย็น
อสูรโฉดร่างคางคกส่งเสียงร้องแปลกประหลาด จากนั้นก็ออกแรงที่เท้าหลังทั้งสอง และพุ่งขึ้นด้านบนอีกครั้ง ถุงพิษบนหลังจำนวนมากระเบิดออกมาทันที หมอกดำเข้มข้นพุ่งยิงออกมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมอากาศด้านหน้าไว้
พอหลิ่วหมิงเห็นหมอกดำม้วนตัวเข้ามา เขาก็ยกแขนอย่างไม่ลังเล ลูกเปลวไฟขนาดเท่ากำปั้นกลายเป็นแสงสีแดง และจมหายไปในหมอกดำ จากนั้นเขาก็ตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ออกมา
“ตู๊ม!”
หมอกพิษสีดำพวยพุ่งราวกับถูกพายุบ้าระห่ำม้วนตัวใส่ พริบตาเดียวก็แตกกระจายออกไป
แต่ทว่าครู่ต่อมา หลิ่วหมิงกลับค้นพบว่าอากาศตรงหน้าว่างเปล่า อสูรโฉดร่างคางคกได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ขณะเดียวกัน พลันมีคลื่นก่อตัวบริเวณที่อยู่ห่างจากเขาไปหลายจั้ง อสูรโฉดร่างคางคกตนนั้นปรากฏออกมาราวกับปีศาจ มันอ้าปากยื่นลิ้นยาวออกมา และเล็งไปที่ระหว่างคิ้วของหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่มีแสงสีแดงเปล่งประกายออกมาระหว่างคิ้ว จากนั้นเกล็ดสีแดงขนาดเท่าเม็ดถั่วก็โผล่ออกมาบริเวณหน้าผาก
“เต๊ง!”
พอลิ้นยาวของอสูรโฉดร่างคางคกปะทะกับเกล็ดสีแดง มันก็ดีดตัวกลับไปทันที
อสูรโฉดร่างคางคกรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
แขนหลิ่วหมิงขยายใหญ่ขึ้นมาเท่าตัว ฝ่ามือที่ถูกเกล็ดสีแดงปกคลุมคว้าลิ้นยาวเอาไว้
หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่าลิ้นในมือเย็นและลื่นเป็นอย่างมาก แววตาของเขาฉายแววดุร้ายออกมา พอกระตุกนิ้วทั้งห้า พลังสั่นสะเทือนไร้รูปบางอย่างก็ถูกส่งออกไปตามลิ้นของอสูรโฉด และทะลักขึ้นไปบนหัวของมัน
อสูรโฉดเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขณะที่ลิ้นยาวไม่สามารถหดกลับไปได้ มันก็กัดลิ้นตนเองจนขาดออกจากกัน ขณะเดียวกันถุงพิษบนหลังก็ค่อยๆ ระเบิดออกมา หมอกพิษสีดำปกคลุมเต็มฟ้า และม้วนเข้าหาหลิ่วหมิง
สีหน้าหลิ่วหมิงเคร่งขรึมขึ้นมา เท้าข้างหนึ่งแตะลงพื้น ทันใดนั้นร่างของเขาก็พุ่งยิงไปด้านหลังทันที ขณะเดียวกันลูกเปลวไฟจำนวนมากก็ถูกปล่อยออกมา
หลังจากมีเสียงระเบิดดังอยู่ระยะหนึ่ง หมอกพิษสีดำก็สลายไปกว่าครึ่งหนึ่ง
และขณะที่หลิ่วหมิงตั้งหลักได้และมองออกไปนั้น กลับค้นพบว่าอสูรโฉดร่างคางคกยักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือโอกาสนี้พุ่งออกไปจากปากถ้ำ และหนีลอยนวลไปไกลสิบกว่าจั้งแล้ว
ในขณะนั้นเอง อสูรโฉดร่างหมาป่าอีกสองตนก็พุ่งเข้ามาตรงปากถ้ำ และกระโจนใส่หลิ่วหมิงอย่างโหดเหี้ยม
……
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลิ่วหมิงกับพวกพ้องของซินหยวนก็ผลัดเปลี่ยนกันมาปกป้องปากถ้ำ เพื่อไม่ให้อสูรโฉดที่อยู่ด้านนอกบุกเข้ามาได้
และพอผ่านการต่อสู้อย่างหนักมาช่วงหนึ่ง นอกจากหลิ่วหมิงแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ได้รับบาดแผลไม่น้อย แต่ยังโชคดีที่ไม่ถึงกับเสียชีวิต แต่ภายใต้การต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ละคนย่อมรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงเป็นอย่างมาก
แต่ในช่วงระหว่างเวลานี้ หลิ่วหมิงไม่ได้ใช้พลังเวทย์สักเท่าไหร่ เพียงแค่ใช้พลังจากกายเนื้อที่แข็งแกร่งปกป้องการโจมตีอย่างดุเดือดของอสูรโฉดเท่านั้น
……
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เสียงรบราฆ่าฟันภายนอกถ้ำก็ยังดังอยู่ในหูอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำ ดวงตาทั้งคู่หลับสนิท และทำการฟื้นฟูพลังอยู่
หลังผ่านการรบราฆ่าฟันไปหลายรอบ คนอื่นๆ ต่างก็ทนไม่ไหวกันแล้ว และหากไม่มีถ้ำดังกล่าวที่อาศัยสภาพพื้นที่ภายในถ้ำสลับกันวางค่ายกลล่ะก็ เกรงว่าคงไม่สามารถต้านทานฝูงอสูรโฉดที่อยู่ได้นอกได้
ขณะนี้ซินหยวนกับพวกพ้องที่อยู่ในถ้ำ นอกจากจะมีคนหนึ่งที่ถูกอสูรโฉดร่างคางคกโจมตีแล้ว คนที่เหลืออีกหกคนก็มีแค่สองคนที่สามารถต่อสู้ได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บมาเล็กน้อย ขณะนี้กำลังทำการปกป้องปากถ้ำอยู่
แต่ซินหยวนที่อยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง ตั้งแต่ทานโอสถของหลิ่วหมิงแล้ว สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นมามาก แต่หากจะให้ลงมือล่ะก็ เกรงว่ายังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้
สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกเสียดายมาก
มาถึงเวลานี้แล้ว หากมีผู้แข็งแกร่งอีกคนมาช่วยล่ะก็ คงมีโอสถเอาชีวิตรอดได้มากกว่านี้
ตั้งแต่ภัยร้ายเกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งวันกว่าเท่านั้น แต่อสูรโฉดที่รวมตัวกันนอกถ้ำ กลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันมีแต่เพิ่มแต่ไม่มีลดเลย
แม้เขาจะอาศัยกายเนื้อที่แข็งแกร่งของตนเอง ทั้งยังไม่รู้สึกว่าเปลืองแรงมาก แต่หากยืดเวลานานเข้า ยังไม่รู้เลยว่าจะยืนหยัดได้ถึงเมื่อไหร่ เพราะยังมีอสูรโฉดร่างหมาป่ายักษ์ระดับของเหลวขั้นปลายอยู่ตนหนึ่ง ที่ยังจ้องมองด้วยตาเป็นมันอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา