ขณะที่ใจหลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านนั้น พลันมีเสียงแผดร้องดังขึ้นมา เสียงนี้ไม่รู้ว่าดังมาจากที่ใด และยังดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วอุโมงค์ขนาดใหญ่
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที
พออสูรโฉดร่างหมาป่าสีดำตนนั้นได้ยิน ก็หยุดชะงักในฉับพลัน จากนั้นก็แหงนคอส่งเสียงคำรามดังแผ่วโผย และหันตัววิ่งไปยังเส้นทางสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ฝูงอสูรโฉดที่โจมตีบริเวณปากถ้ำอยู่ก็ค่อยๆ หยุดการโจมตีลง จากนั้นก็วิ่งไปยังทิศทางเดียวกันด้วยท่าทางที่ดุดัน
อสูรโฉดจำนวนมากที่รายล้อมอยู่ในอุโมงค์หายไปในพริบตา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เก็บกระบองเหล็กด้วยความตกใจ
ชายฉกรรจ์อีกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แหงนหน้าหัวเราะขึ้นมา เขารีบวางเจิ้งหย่งที่ประคองอยู่ให้ยืนพิงกำแพงเช่นเดิม และพุ่งเข้าไปรายงานซินหยวนและคนอื่นๆ ด้วยความดีใจ
เจิ้งหย่งควบคุมอาการดีใจบนใบหน้าไม่ได้เช่นกัน ขณะที่ยืนพิงผนังนั้นเขาก็หัวเราะออกมา ขณะเดียวกันก็ไออยู่ไม่หยุดเนื่องจากได้รับบาดเจ็บภายใน
ครู่ต่อมา ก็มีเสียงร้องด้วยความดีใจดังออกมาจากในถ้ำ
สำหรับพวกเขาแล้ว การที่ฝูงอสูรโฉดถอยไปโดยฉับพลัน ย่อมทำให้พวกเขารอดพ้นจากความตายไปได้
แต่ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หลิ่วหมิงกับซินหยวน และคนอื่นๆ ก็ไปจากอุโมงค์แห่งนี้ในทันที ดูจากทิศทางที่ไปแล้วปลายทางของพวกเขาก็คือเขตแลกเปลี่ยนนั่นเอง
พวกเขาไม่อาจรับรองได้ว่าอสูรโฉดเหล่านี้ถอยไปแล้วจริงๆ หรือแค่ถอยไปชั่วคราว ด้วยเหตุนี้จึงรีบไปที่ปากทางเข้าถ้ำเหมืองแร่โดยเร็วที่สุด
พอถึงเวลานั้นหากอสูรโฉดโผล่ขึ้นมาอีกครั้งล่ะก็ พวกเขาก็จะปลอดภัยแล้ว
ระหว่างทาง หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ไม่พบอสูรโฉดแม้แต่ตนเดียว ราวกับว่าภัยร้ายเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็หายไป
พวกเขารีบเร่งฝีเท้าไปด้านหน้าด้วยความดีใจ ชายสองคนที่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ก็ถูกพวกพ้องแบกไว้บนหลัง ซึ่งไม่ได้ทำให้เสียเวลาในการเดินทางเลย
ในระหว่างทาง พวกเขายังพบกับทาสเหมืองแร่กลุ่มอื่นๆ ที่มีความคิดเช่นเดียวกัน และต่างก็บาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่ จากนั้นก็รวมกลุ่มเดินทางไปด้วยกัน
หนึ่งในนั้น หลิ่วหมิงค้นพบเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็คือหญิงสาวเผ่ามนุษย์ที่ชื่อว่าชิงฉีนั่นเอง
ดูเหมือนางจะมาคนเดียว ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นนางใช้เคล็ดวิชาอะไร ถึงหลุดจากการไล่ล่าของอสูรโฉดร่างหมียักษ์มาอย่างปลอดภัย
ดูเหมือนนางจะค้นพบหลิ่วหมิงด้วยเช่นกัน และนางก็ฝืนยิ้มให้ด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็เดินหน้าต่อ
ครึ่งวันต่อมา
เมื่อหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ กลับมาถึงอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่ตั้งของเขตแลกเปลี่ยนนั้น สถานการณ์ตรงหน้ากลับทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมาก
เขตแลกเปลี่ยนในขณะนี้ ดูเละเทะเป็นอย่างมาก!
อุโมงค์ที่กว้างสองสามร้อยจั้ง เหลือพื้นที่ว่างไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งได้ทรุดลงไปแล้ว บนพื้นก็เป็นหลุมเป็นบ่อ ศพจำนวนมากวางอยู่ตรงมุมบางแห่ง และส่วนมากจะเป็นเศษซากของอสูรโฉดประเภทต่างๆ มีทาสเหมืองแร่สองสามคนกำลังทำความสะอาดพื้นที่ที่เหลืออยู่
เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ ผ่านการต่อสู้ดุเดือดกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ซากอุโมงค์ส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ มีทาสเหมืองแร่กลุ่มหนึ่งรวมตัวอยู่ที่นั่น และกำลังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีประมาณร้อยถึงสองร้อยคน
พอพวกหลิ่วหมิงสอบถามดูถึงรู้ว่า ก่อนหน้านั้นไม่นานมีอสูรโฉดระดับผลึกขั้นต้นตนหนึ่งพาฝูงอสูรโฉดมาปรากฏตัวบริเวณเขตแลกเปลี่ยนแห่งนี้ และทำการซุ่มโจมตีผู้คนที่อยู่ด้านใน
คนที่อยู่ในเขตแลกเปลี่ยนมาเป็นเวลานาน และบางคนที่หนีมาอยู่บริเวณนี้ พอรวมตัวกันแล้วก็มีทาสเหมืองแร่จำนวนไม่น้อย ในนั้นยังมีคนของสองกลุ่มอิทธิพลใหญ่ด้วย พอพวกเขาค้นพบสถานการณ์เช่นนี้ ก็ละทิ้งความขุ่นแค้นที่เคยมี และเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว
ภายใต้ความร่วมมือของทาสเหมืองแร่ระดับของเหลวขั้นปลายหลายคน พวกเขาอาศัยสภาพพื้นที่แคบๆ ของปากอุโมงค์ผลัดเปลี่ยนกันป้องกันการโจมตีของอสูรโฉด
อสูรโฉดตนอื่นยังพอรับมือได้ แต่อสูรโฉดระดับผลึกขั้นต้นเพียงหนึ่งเดียวนั้น มันยากที่จะต้านได้
การต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดคือการต่อสู้กับอสูรโฉดตนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา