สรุปตอน ตอนที่ 426 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 426 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ศีรษะยักษ์ที่อยู่ตรงข้ามเห็นเช่นนี้ กลับไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งยังหัวเราะแปลกๆ ออกมา ศีรษะของมันค่อยๆ หมุนวน พออ้าปากไหมดำก็ทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำ และแผ่ปกคลุมไปทั่วอากาศ
“ตู๊ม!” เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
คลื่นอัคคีสีเงินที่สูงหลายจั้งพุ่งขึ้นจากด้านล่างของตาข่ายสีดำ พอมันม้วนตัวออกไปไหมดำเหล่านี้ก็ถูกทำลายในพริบตา
และท่ามกลางคลื่นอัคคี ราชาปีศาจสมุทรที่สวมชุดคลุมสีขาว กำลังประคองตะเกียงเพลิงสีเงินที่มีรูปร่างคล้ายดอกบัวอยู่ หลังจากยิ้มแปลกๆ ให้กับศีรษะยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลแล้ว ก็โยนตะเกียงเพลิงออกไป ทำให้เกิดเงาร่างสีเงินติดต่อกันบนอากาศ ส่วนตนเองก็ตีลังการ่นถอยออกไป และจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาแปลกประหลาด
ศีรษะขนาดใหญ่อ้าปากดูดเปลวเพลิงสีเงินเข้าไป จากนั้นก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา
“แสงเทพชั่วร้ายนี้ ข้าไม่รู้ฝึกฝนมานานแค่ไหนแล้ว เมื่อใดก็ตามที่อาวุธจิตวิญญาณหรืออาวุธเวทถูกแปดเปื้อน มันจะสูญเสียซึ่งจิตวิญญาณของตนเอง เจ้ายังมีอาวุธเวทอะไรก็รีบแสดงออกมาให้หมด”
“ไม่! ผู้อาวุโสกุ่ยหลี เจ้าสิ่งนั้นเป็นเปลวเพลิงผู่ถัวของพุทธะ กลืนเข้าไปไม่ได้เป็นอันขาด!”
พอด้านล่างเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ หลานสี่ก็กวาดสายตามองมาในที่สุด และมองเห็นฉากที่ศีรษะยักษ์กลืนตะเกียงเพลิงสีเงินเข้าไปพอดี เขาจึงหลุดปากออกมาด้วยความตกใจ
“เปลวเพลิงผู่ถัว!”
ศีรษะยักษ์ได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที แต่ยังไม่ทันได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ก็มีเสียงภาษาสันสกฤตดังออกมาจากร่าง
พอเสียงนี้ดังเข้าไปในหูของคนที่อยู่ตรงนั้น มันก็ก่อกวนอยู่ในสมองของพวกเขา
ดูเหมือนว่าเสียงภาษาสันสกฤตนี้ จะส่งผลกระทบอย่างน่าเหลือเชื่อ!
ขณะเดียวกัน มีอักขระสันสกฤตสีเงินจางๆ ปรากฏบนพื้นผิวของศีรษะยักษ์ มันหมุนเวียนผสมผสานกัน จนก่อตัวเป็นบัวเงินแต่ละดอกที่มีขนาดเท่าปากถ้วย และพากันเบ่งบานออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินเชื่อมต่อกัน สุดท้ายก็กลายเป็นทะเลเพลิงอันโชติช่วง
เปลวเพลิงสีเงินถูกพ่นออกมาไม่หยุด พริบตาเดียวศีรษะยักษ์ก็จมอยู่ในนั้น
ร่างของมันละลายอย่างรวดเร็ว
หลานสี่ที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหมุนตัวพุ่งออกไปไกลๆ ท่ามกลางแสงสีเงินที่เปล่งประกาย
แต่หลังจากราชาปีศาจสมุทรทำเสียงฮึดฮัดออกมาแล้ว เขาก็โบกแขนเสื้อในทันที ดาบสั้นแวววาววาดตัวผ่านอากาศ จากนั้นหอกยาวสีฟ้าเจ็ดแปดอันก็ปรากฏออกมา มันยกตัวขึ้นมาต่อกันจนกลายเป็นเส้นยาวๆ หนึ่งเส้น และพุ่งไปทางหลานสี่
หลังจากมีเสียงแตกหักดังออกมา ก็มีเสียง “ฟิ้ว!” ดังตามมา!
ม่านแสงบนตัวหลานสี่ถูกหอกน้ำแข็งที่รวมตัวเป็นเส้นยาวๆ โจมตีจนแตกกระจาย และยังแฉลบผ่านไหล่ของเขาไป ทำให้ร่างครึ่งหนึ่งของเขากลายเป็นรูปแกะสลักน้ำแข็ง
แม้หลานสี่จะรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังกัดฟันขยี้จี้หยกในแขนเสื้อจนแหลกละเอียด ทันใดนั้นแสงห้าสีก็ม้วนตัวออกมามันห่อหุ้มร่างของเขาไว้ และพาเขาพุ่งทะยานออกไป
แต่ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังมากลางอากาศ!
แสงสีขาวพุ่งเข้ามาถึง และพุ่งทะลุแสงห้าสีกับปราณแกร่งที่คุ้มร่างของหลานสี่ไป มันจมเข้าไปในศีรษะอีกด้านแล้วเจาะทะลุออกมาอีกด้านพร้อมกับโลหิตที่พุ่งกระฉูดออกมา
แสงสีขาวหมุนตัวติ้วๆ จากนั้นก็แตกกระจาย
หลานสี่ร้องอย่างน่าเวทนาก่อนที่จะตกลงมาบนพื้นอย่างรุนแรง และไม่สามารถกระดิกตัวได้อีก
ขณะนี้ หลิ่วหมิงที่อยู่ไกลๆ ถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ และเก็บอาวุธจิตวิญญาณที่ยาวหลายชุ่นเข้าไป
คิดไม่ถึงว่าหลานสี่จะถูกแท่งวายุกระดูกของหลิ่วหมิงโจมตีจนเสียชีวิต
ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่หลังจากทำเสียงฮึดฮัดแล้ว เขาก็สะบัดแขนเสื้อในทันที ทันใดนั้นหอกน้ำแข็งก็พุ่งเข้ามาราวกับฝนดาวตก
“ฟู่!”
กลุ่มควันสีเขียวลอยออกจากจมูกของหลานสี่ พริบตาเดียวก็ถูกหอกน้ำแข็งโจมตีจนสลายไป
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หลังจากกวาดสายตามองดูพลังที่เปลวเพลิงสีเงินปล่อยออกมาแล้ว ก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้!
“เปลวเพลิงผู่ถัวนี้เป็นของวิเศษอันใดกัน เพียงแค่ปรากฏตัวก็สามารถทำลายตัวประหลาดที่ดูร้ายกาจนี้ได้อย่างง่ายดาย”
“คิดไม่ถึงว่า…..บนโลกนี้จะยังมีสิ่งของพุทธะแปลกประหลาดอย่างเปลวเพลิงผู่ถัวอยู่ด้วย ข้ายังคิดว่ามันเป็นแค่สิ่งที่ศาสนิกชนจินตนาการขึ้นมาจากในคัมภีร์เท่านั้น” ซินหยวนที่อยู่บริเวณนั้นก็ลดคันธนูลงมา และกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เพียงแต่ครั้งนี้ ใบหน้าทั้งหมดล้วนก่อตัวมาจากไอดำ มันเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพอใจ และเห็นได้ชัดว่ามันดูพร่ามัวเล็กน้อย!
การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจเช่นนี้ ย่อมเหนือความคาดหมายของหลิ่วหมิงกับซินหยวนเป็นอย่างมาก!
แต่ทั้งสองก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดา และนับว่ามีท่าทีตอบสนองรวดเร็วเป็นอย่างมาก ขณะที่ราชาปีศาจสมุทรหนีไปโดยไม่ร่ำลานั้น ทั้งสองก็หันตัวหลบหนีด้วยเช่นกัน
ไอดำพวยพุ่งอยู่บนร่างหลิ่วหมิง และม้วนตัวหุ่นเกราะทองคำเข้ามา จากนั้นก็กลายเป็นไอดำพุ่งหนีไป!
ซินหยวนโบกธนูในมือโดยไม่ต้องคิด จากนั้นมันก็กลับมาเป็นกระบองยักษ์อีกครั้ง หลังจากคำรามเสียงออกมาแล้ว เขาก็เขวี้ยงมันออกไปยังทิศทางบางแห่ง
“ฟู่!”
กระบองยักษ์สีดำพุ่งออกไปจนเกิดเป็นเงาสีดำ และขยายใหญ่ตามแรงลมอย่างรวดเร็ว
ร่างซินหยวนพร่ามัวหายไป ครู่ต่อมาก็มาปรากฏอยู่บนกระบองยักษ์ที่พุ่งออกไปไกลสิบกว่าจั้ง และพุ่งออกไปราวกับลูกธนู
“ไป!”
ครั้งนี้ใบหน้ายักษ์สีดำไม่พูดพร่ำอะไรอีก มันเพียงแค่ส่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นโซ่อาญาสิทธิ์สองเส้นที่เหมือนกับก่อนหน้านั้น ก็พุ่งออกจากปาก และพร่ามัวหายไปในอากาศ
พอซินหยวนได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหู ร่างของเขาก็ถูกโซ่อาญาสิทธิ์รัดพันไว้อย่างแน่นหนา พลังเวทย์ในร่างหยุดชะงักลง จากนั้นร่างของเขาก็ตกลงมาพร้อมกับกระบองยักษ์
และพอหลิ่วหมิงรับรู้ได้ถึงคลื่นที่สั่นสะเทือนอยู่ด้านหลัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที นักรบเกราะทองคำที่เดิมทีหลบหนีมาพร้อมกับเขา ก็ขยายร่างในฉับพลัน หลังจากขยับแขนข้างหนึ่งจนดูพร่ามัวแล้ว ก็กระโจนออกไปด้านหลัง ขณะเดียวกันก็ปล่อยกำปั้นสีทองออกไปหลายครั้ง จนเกิดเป็นพายุบ้าระห่ำสีทองเจิดจ้าต้านทานอยู่ตรงหลังหลิ่วหมิง
“ฟู่!”
โซ่อาญาสิทธิ์สีดำที่พุ่งเข้ามาด้านหลัง กระพริบผ่านพายุสีทองราวกับมองไม่เห็น และเจาะทะลุศีรษะของนักรบเกราะทองคำไป จากนั้นก็พร่ามัวมาปรากฏอยู่บนตัวหลิ่วหมิงอย่างน่าประหลาดใจ ขณะเดียวกันก็เริ่มรัดพันตัวของเขา
…………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา