ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 430

สรุปบท ตอนที่ 430: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 430 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 430 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 430 การพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของราชาปีศาจสมุทร
ตอนที่ 430 การพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของราชาปีศาจสมุทร
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวยื่นตัวไปคว้าเจียหลานขึ้นมา

หลังจากเงาร่างเล็กสีเขียวถูกดูดเข้าไปในฟองอากาศลึกลับแล้ว โซ่อาญาสิทธิ์ก็สูญสิ้นอานุภาพทันที พลังของมันลดลงจนไม่สามารถรัดพันราชาปีศาจสมุทรได้อีก

แต่ขณะนั้นเอง ‘หลิ่วหมิง’ ก็กลายเป็นเงาร่างสีม่วงพุ่งมาถึงตรงหน้า และคว้านิ้วทั้งห้าเข้ามาจนเกิดเสียงแหลมดัง

แม้การฝึกฝนของราชาปีศาจสมุทรจะเหนือกว่าหลิ่วหมิงมาก แต่ก็ต้องรู้สึกขนลุกชันจนไม่อาจสนใจเจียหลานได้ เขาได้แต่พุ่งถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงพอจะหลบการโจมตีนี้ได้ ในระหว่างนั้นมีเสียงมังกรคำรามดังออกมา แสงสีฟ้าเปล่งประกายไปทั่วร่าง จากนั้นราชาปีศาจสมุทรก็กลายเป็นมังกรที่มีเกล็ดสีฟ้าปกคลุมเต็มตัว และมีขนาดยาวสิบกว่าจั้ง

ที่ราชาปีศาจสมุทรทำเช่นนี้ ก็เพราะไม่มีทางเลี่ยงใดๆ อีกแล้ว

เดิมทีคิดว่าหากระดับแก่นแท้อย่างเขา มีพลังเวทย์อยู่ในขั้นสมบูรณ์ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะร้ายกาจแค่ไหน เขาก็ไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

ขณะนี้เขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส แต่ยังถูกพิษร้ายแรงด้วย จำเป็นต้องพลังเวทย์กว่าครึ่งหนึ่งระงับพิษในร่างไว้ และการต่อสู้กับหัวปีศาจยักษ์ในป่าหินในก่อนหน้านั้น ก็สูญเสียพลังเวทย์ไปส่วนหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่คืนร่างต่อสู้กับ ‘หลิ่วหมิง’

แต่จะว่าไปแล้ว ก็นับว่าราชาปีศาจสมุทรผู้นี้โชคร้ายเป็นอย่างมาก หากอาวุธเวทย์เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้อย่างเข็มหยินลึกลับ ไม่อยู่ในขั้นตอนสำคัญของการยกระดับ จนทำให้ไม่สามารถนำมารับมือกับศัตรูได้ ทั้งยังต้องบ่มเพาะอยู่ในร่างอยู่ตลอดเวลาล่ะก็ การต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทรในวันนั้น คงยังไม่รู้ผลแพ้ชนะอย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ด้วยพลังระดับแก่นแท้ของราชาปีศาจสมุทรบวกกับร่างมังกร ก็ทำให้กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งจนยากที่จะจินตนาการได้

‘หลิ่วหมิง’ โจมตีผ่านความว่างเปล่า เมื่อเผชิญหน้ากับมังกรสีฟ้าตรงหน้า เขากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย พอลวดลายสีม่วงบนตัวเปล่งประกายออกมา เขาก็กลายเป็นเงาสีม่วงประชิดเข้าไป ฝ่ามือทั้งคู่ที่ดูคล้ายกับกรงเล็บอันแหลมคมคว้าลงบนร่างมังกรสีฟ้า

บังเกิดเสียงดังติดต่อกัน!

มังกรสีฟ้ายกขาหน้าขึ้น จากนั้นกรงเล็บแวววาวทั้งสองก็ต้านทานไว้ตรงหน้า

“เต๊ง!” “เต๊ง!”

อากาศบริเวณรอบๆ ตัวทั้งสองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้กรงเล็บมังกรจะสามารถต้านทานการโจมตีร่างปีศาจของหลิ่วหมิงได้ แต่กลับถูกเล็บอันแหลมคมของฝ่ายตรงข้ามกรีดจนเกิดเป็นรอยเลือดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน!

ภายใต้การคำรามของมังกรสีฟ้า หางที่ปกคลุมด้วยเกล็ดก็ฟาดออกไปจนกลายเป็นเงา ขณะเดียวกัน มันก็อ้าปากปล่อยลำแสงสีฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยพุ่งมาทางร่างแปลงหลิ่วหมิงทันที

แต่ลวดลายสีม่วงบนตัว ‘หลิ่วหมิง’ หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ สั่นไหว และบิดตัวแบบแปลกๆ จนทำให้ลำแสงกระพริบผ่านอากาศไป

ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปด้านหน้า ทันใดนั้นกรงเล็บก็เปล่งประกาย หางมังกรที่สะบัดเข้ามากระเด็นออกไปสิบกว่าจั้ง ราวกับถูกโจมตีอย่างรุนแรง

หลังจาก ‘หลิ่วหมิง’ คลายนิ้วทั้งห้า เกล็ดมังกรสีฟ้าจางๆ จำนวนมาก รวมถึงชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ก็ตกลงบนพื้น

ขณะที่มังกรสีฟ้าเพิ่งจะตั้งตัวได้ ก็รู้สึกเจ็บปวดตรงหางเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา

ขณะที่เงาร่างสีม่วงกระพริบหายไป ‘หลิ่วหมิง’ ก็ปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย เขายกแขนทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และคว้ากรงเล็บเข้ามาด้วยเสียงอันดัง

มังกรสีฟ้าส่งเสียงร้องออกมาด้วยสีหน้าอึมครึม มันไม่สนใจกรงเล็บที่คว้าเข้ามาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสะบัดขาหน้าไปทางศีรษะหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ

กรงเล็บมังกรยังไม่ทันคว้ามาถึงศีรษะของฝ่ายตรงข้าม ก็มีเสียงดังขึ้นมา!

มังกรสีฟ้ารู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่าง จากนั้นเกล็ดจำนวนมากก็ถูกคว้าออกไป

ขณะเดียวกัน ‘หลิ่วหมิง’ ก็หัวเราะออกมาแปลกๆ จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม และมาปรากฏอยู่ห่างออกไปหลายจั้ง

ขณะนี้ กรงเล็บทั้งคู่ของมังกรถึงร่วงลงมา และคว้าได้แต่ความว่างเปล่า

……

ผ่านไปไม่นาน พลันมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ภายนอกยอดเขาสีดำ

ภายใต้เศษหินดินทรายที่กระเด็นไปทั่ว รูขนาดใหญ่หลายจั้งก็ปรากฏขึ้นบนยอดเขา และมังกรสีฟ้ากับชายหนุ่มชุดคลุมสีเทาที่มีลวดลายสีม่วงปกคลุมเต็มตัวก็พุ่งออกมา

ซึ่งก็คือราชาปีศาจสมุทรกับร่างแปลงหลิ่วหมิงนั่นเอง

ทั้งสองต่อสู้กันตั้งแต่อยู่ในยอดเขา จนมาถึงป่าหินในก่อนหน้านั้นอีกครั้ง

พริบตาเดียว ทั้งสองก็ไล่ล่ากันออกไปหลายร้อยจั้ง และมาปรากฏตัวในบริเวณแท่นบูชาในก่อนหน้านั้น

บนพื้นหินในขณะนี้ เปลวเพลิงผู่ถัวสีเงินยังคงลุกไหม้คุโชนอยู่ และมีคลื่นแสงหมุนวนอยู่บนม่านแสงสีขาวหนาๆ บนอากาศเช่นเดิม

พอแสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งกระพริบผ่านไป ร่างมังกรสีฟ้าก็ปรากฏตัวด้านล่างม่านแสง

ตอนที่อยู่ในถ้ำ ทั้งสองแลกมือกันเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นร่างมังกรก็ถูก ‘หลิ่วหมิง’ โจมตีจนมีบาดแผลเต็มตัว แม้แต่เกล็ดบนตัวก็ถูกกรงเล็บอันแหลมคมขูดออกไปไม่น้อย

พอราชาปีศาจสมุทรเห็นท่าทีไม่ดี ก็ได้แต่ล่าถอย และหลังจากพยายามพาเจียหลานไปหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เขาจึงตัดสินใจทะลายภูเขาหนีออกมา

ร่างแปลงหลิ่วหมิงก็ตามออกมาอย่างไม่ลังเล

ขณะนี้ราชาปีศาจสมุทรได้รับบาดแผลเต็มตัว หลังจากเข้าสู่ระดับแก่นแท้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนมุมถึงขั้นนี้

พอเขาสูดหายใจลึกๆ เข้าไปหนึ่งที เงาร่างด้านหลังก็ตามมาถึง จากนั้นแขนที่ถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีม่วงก็ยื่นออกมา และขยายใหญ่เท่าตัวก่อนแทงไปยังจุดตายของราชาปีศาจสมุทร

แขนของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันติดอยู่ในนั้นตั้งแต่แรก และค่อยดึงออกมาในภายหลัง!

ขณะที่ตกลงมานั้น ร่างของเขาก็หดลงไปหนึ่งเท่าตัว ลวดลายสีม่วงที่ปกคลุมอยู่บนตัวหายไปในพริบตา เล็บแหลมคมทั้งสิบก็หายไปพร้อมกัน จากนั้นร่างของเขาก็กลับมาเป็นปกติ

“โครม!”

ร่างหลิ่วหมิงตกลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นก็ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ อีก

……

ภายในถ้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสีดำ

ซินหยวนกำลังจ้องมองด้านบนแท่นบูชาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

เจียหลานที่นอนอยู่ข้างเขาในขณะนี้ ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ แต่นิ้วนางของนางกลับค่อยๆ ขยับอย่างไม่ตั้งใจ

แมงป่องกระดูกกับหัวบินที่ถูกหัวปีศาจยักษ์กดดันในก่อนหน้านั้น และต่อมาก็เกรงกลัวอานุภาพอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงจนไม่กล้ากระดิกตัว ก็กลับมาเป็นอิสระอีกครั้งหลังจากหลิ่วหมิงจากไป จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆ พุ่งไปบนอากาศเหนือแท่นบูชา

ผมยาวเต็มศีรษะของหัวบินพุ่งยิงออกไปทันที และจมเข้าไปในปาก จมูก และหูของหัวปีศาจยักษ์ จากนั้นก็ดึงผลึกสีม่วงขนาดเท่าเม็ดถั่วออกมาสิบกว่าก้อน และใส่เข้าไปในปากด้วยความดีใจ หลังจากขยับปากเคี้ยวด้วยเสียงอันดังแล้ว ก็กลืนมันลงไปทั้งหมด

จากนั้นก็กระโจนไปบนหัวปีศาจยักษ์ และอ้าปากดูดเลือดที่เหลืออยู่

ทางด้านแมงป่องกระดูก ก็ใช้ก้ามยักษ์ทั้งคู่ฉีกทึ้งหัวปีศาจยักษ์จนเผยให้เห็นกระดูกแวววาวที่อยู่ด้านใน และกัดลงไปอย่างไม่เกรงใจ!

พอกระดูกปีศาจยักษ์ที่ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถูกพิษสีม่วงของแมงป่องกระดูกกัดกร่อน มันก็อ่อนตัวขึ้นมา และถูกแมงป่องกระดูกกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว

แต่นอนว่าที่เป็นเช่นนี้ สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าไอปีศาจบนหัวปีศาจยักษ์ ถูกเงาฟองอากาศดูดไปจนหมดสิ้น มันจึงเหลือเพียงแค่เปลือกที่ว่างเปล่าเท่านั้น

หากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้ปีศาจทั้งสองจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่อาจทำลายหัวปีศาจยักษ์ได้

ซินหยวนจ้องมองการกระทำของหัวบินกับแมงป่องกระดูกด้วยความตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง

……

หลิ่วหมิงจ้องมองไอหมอกสีเทาที่แผ่คลุมอยู่กลางอากาศ และป้ายหินสีขาวดำที่สูงสองจั้งตรงหน้าแล้ว ก็ต้องเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ขณะนี้ เขาเข้ามาในห้องว่างเปล่าลึกลับอีกครั้ง

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา