ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 431

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 431 หลัวโหว
ตอนที่ 431 หลัวโหว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉากการต่อสู้กับหลานสี่และราชาปีศาจสมุทรในก่อนหน้านั้น เขายังจดจำได้อย่างชัดเจน และยังทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อยู่มาก

ด้านหนึ่งเขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวพลังที่คาดไม่ถึงของกายเนื้อในก่อนหน้านั้น อีกด้านหนึ่งกลับเริ่มรู้สึกหวาดกลัวต่อการกลายร่างเป็นปีศาจแล้วไม่อาจควบคุมตนเองได้

เมื่อเขาดึงความคิดกลับมาจากฉากในก่อนหน้า และคิดจะทำอะไรบางอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็ต้องเคร่งขรึมขึ้นมา

ห่างจากเขาไปไม่ถึงหนึ่งจั้ง ชายหนุ่มอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ปีกำลังจ้องมองเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

ชายหนุ่มสวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าเหมือนกับหลิ่วหมิงในหลายปีก่อนไม่มีผิด ดวงตาข้างหนึ่งเปล่งประกายสีทอง ส่วนอีกข้างเปล่งประกายสีเงิน ทำให้รู้สึกถึงความเย็นชาเป็นอย่างมาก

ที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจยิ่งกว่าก็คือ พอเขาปล่อยจิตส่วนหนึ่งกวาดดูบริเวณที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ กลับค้นพบแต่ความว่างเปล่า ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย

“ไม่ทราบผู้อาวุโสมีนามว่าอย่างไร เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่?” เพราะหลิ่วหมิงไม่ใช่คนธรรมดา แม้จะรู้สึกตกใจมาก แต่ก็เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และพยามฝืนยิ้มแล้วถามออกไป ขณะเดียวกันก็ร่นถอยออกไปสองก้าวอย่างเงียบๆ

“ข้าคือใคร? ข้าก็ไม่ทราบ นับตั้งแต่วันที่ข้าถือกำเนิดมา ก็เห็นเจ้าสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงร่างกาฝากอยู่ตลอดเวลา ในนั้นมีมนุษย์ ปีศาจ มาร อสูร และก็มีภูตผีธรรมดาด้วย ที่ยืนหยัดได้นานที่สุดก็คือหลายพันปี ส่วนระยะเวลาสั้นที่สุดนั้น ร่างกาฝากจะถูกดูดพลังเวทย์และโลหิตจนหมดสิ้น แต่ร่างกาฝากที่เจ้าสิ่งนี้ยอมให้มองเห็นข้าได้ในเบื้องต้นนั้น นับรวมเจ้าแล้วก็มีไม่เกินเจ็ดแปดคน เจ้าเรียกข้าว่า ‘หลัวโหว’ ก็ได้” ชายหนุ่มจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยตาที่เป็นประกาย และค่อยๆ กล่าวออกมา น้ำเสียงของเขาดูราวกับอยู่ในสถานที่ห่างไกล แต่บางทีก็ดูราวกับอยู่ตรงหน้า

“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสหลัวโหว แม้ข้าน้อยจะไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร แต่คนที่คอยเตือนข้าเมื่อตอนอยู่โลกภายนอก คงเป็นผู้อาวุโสเป็นแน่แท้ หากไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสยื่นมือเข้าช่วย ข้าน้อยคงต้องเสียชีวิตในปากของหัวปีศาจยักษ์แล้ว” พอหลิ่วหมิงได้ยินชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้ ก็แสดงท่าทีเข้าใจออกมา และกล่าวอย่างนอบน้อม

“เฮ่อๆ! ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ช่วยกระตุ้นพลังปีศาจแท้จริงที่แฝงอยู่ออกมาเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้ กลับทำให้เจ้ากลายร่างเป็นปีศาจเร็วขึ้น ในระหว่างนี้ หากเจ้าปล่อยให้ร่างกลายเป็นปีศาจเองล่ะก็ ต้องใช้เวลาห้าถึงหกปี นอกจากนี้หากเจ้ากำราบการสะท้อนกลับของพลังปีศาจแท้ไม่ได้ และกลายร่างเป็นปีศาจที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ ล่ะก็ เจ้าสิ่งนี้ก็จะไปหาร่างกาฝากใหม่ที่เหมาะสม” หลัวโหวฟังคำพูดของหลิ่วหมิงแล้ว ก็เบะปากยิ้มออกมาจนเผยให้เห็นฟันขาวเต็มปาก

“พลังปีศาจแท้! ร่างกาฝาก! ปีศาจ!” แม้จะนับว่าหลิ่วหมิงเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างไกล แต่พอได้ยินคำพูดอันน่าตกใจเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

“ไม่ต้องร้อนใจไป! ในเมื่อข้ายอมมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า ย่อมตอบข้อสงสัยของเจ้าได้จำนวนหนึ่ง เช่นนี้เถอะ! เพื่อตอบแทนที่ครั้งนี้เจ้าหาไอปีศาจแท้มาได้มากเช่นนี้ ข้าจะตอบคำถามของเจ้าสามข้อ และจะให้ผลประโยชน์กับเจ้าหนึ่งอย่าง เฮ่อๆ! ครั้งสุดท้ายที่ข้าสามารถติดต่อกับร่างกาฝากได้ ก็เป็นเวลาเมื่อหลายพันปีมาแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ในเมื่อผู้อาวุโสกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว ข้าน้อยอยากทราบว่าเจ้าสิ่งนี้คือสิ่งใดกัน? มีที่มาอย่างไรกันแน่?” พอหลิ่วหมิงฟังชายหนุ่มกล่าวจบ แม้จะรู้สึกตกใจมาก แต่หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันกล่าวออกมา

“เจ้าช่างฉลาดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะถามคำถามเช่นนี้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ข้าก็ไม่รู้ที่มาของเจ้าสิ่งนี้ ได้เพียงแต่ทำการคาดเดาเอาเองเท่านั้น มันคงเป็นอาวุธเวทบางอย่างที่ผู้มีพลังสร้างมันขึ้นมา” หลัวโหวกล่าวชมเชยไปหนึ่งประโยค แต่กลับให้คำตอบที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตาค้างขึ้นมา

“คำตอบของผู้อาวุโส มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ” หลิ่วหมิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวออกมา

“ฮึ! ง่ายตรงไหน เจ้าถามสิ่งใด ข้าก็ตอบสิ่งนั้น แต่เรื่องที่ข้าไม่รู้ เจ้าถามไปก็ไร้ประโยชน์ เอาล่ะ! ถามคำถามข้อที่สองได้แล้ว” ชายหนุ่มชุดดำทำเสียงฮึดฮัดแล้วตอบด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยอยากรู้ว่าผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของเจ้าสิ่งนี้คืออะไร?” หลิ่วหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แตะเท้าข้างหนึ่งลงพื้นเบาๆ ก่อนถามต่อ

“ตราประทับ”

หลัวโหวตอบออกมาอย่างราบเรียบ

สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงพูดไม่ออกในทันที ขณะที่กำลังจะสอบถามอย่างละเอียด กลับค้นพบว่าชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้ว ประจักษ์ชัดว่าเขาไม่ยอมตอบคำถามที่เกี่ยวข้องอีก

คำถามสองข้อในก่อนหน้านั้น คำถามหนึ่งดูเหมือนจะไม่ได้รับคำตอบ ส่วนอีกคำถามแม้จะตอบก็ดูเหมือนไม่ได้ถาม ซึ่งยังคงทำให้เขารู้สึกมืดไปแปดด้าน

ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหมิงจึงระมัดระวังคำถามในข้อที่สามมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากเขาคิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ถึงเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้าน้อยอยากทราบว่าร่างปีศาจที่ผู้อาวุโสกล่าวถึงในก่อนหน้าคือสิ่งใดกันแน่? นอกจากนี้ร่างของข้าน้อยมีพลังปีศาจแท้ที่กล่าวถึงตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา