ผู้อาวุโสหยิบผ้าดิ้นสีเขียวออกมาผืนหนึ่ง พอโยนออกไปด้านหน้า มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวม้วนศพอสูรตั๊กแตนโลหิตทั้งหมดไว้ในนั้น
ขณะนี้ เทียนสีแดงก็ไหม้จนหมดแล้ว
ฟางเหยาเปลี่ยนเทียนอีกเล่มอย่างรวดเร็ว
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ พวกเขาค่อยๆ หลอกล่ออสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่รอบนอกเข้ามาทีละนิดๆ
ไม่นาน ฝูงอสูรที่มีมากถึงสามสี่ร้อยตัว ก็เหลือแค่เจ็ดสิบถึงแปดสิบตัว
“ฮึ่ม!”
การลงมือของพวกเขาในครั้งนี้ ทำให้ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตระดับของเหลวที่อยู่ด้านในสุดตื่นขึ้นมา
หลังจากที่มันส่งเสียงคำรามออกมา น้ำทะเลบริเวณที่ฝูงอสูรอยู่ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
เงาสีดำขนาดใหญ่ที่ยาวสิบกว่าจั้งพุ่งออกจากฝูงอสูร และพุ่งมาทางพวกหลิ่วหมิงด้วยแววตาดุร้าย
ด้านหลังของเงาดำคืออสูรตั๊กแตนโลหิตจำนวนมากที่มีการฝึกฝนระดับต่ำ
“แย่แล้ว! ราชาอสูรค้นพบพวกเราแล้ว” หญิงหยาดเยิ้มกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ไม่มีวิธีแล้ว คงต้องพยายามอย่างสุดชีวิต สหายทุกท่าน พวกเราควรหารือเรื่องแผนการให้เสร็จก่อน สหายหลิ่ว สหายซิน รบทวนท่านทั้งสองต้านทานอสูรตั้กแตนโลหิตเหล่านั้นไว้ ส่วนราชาอสูรนั้นมอบให้พวกข้าจัดการเถอะ!” พอฟางเหยาเห็นเช่นนี้ เขาก็ไม่กระตุ้นเทียนสีเลือดอีก แต่กลับพลิกฝ่ามือหยิบดาบไม้ไผ่สีเขียวออกมา และกล่าวกับคนอื่นๆ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ผู้อาวุโสชุดดำเห็นเช่นนี้ ก็สบตากับบัณฑิตชุดขาวและหญิงหยาดเยิ้มทีหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เก็บอาวุธจิตวิญญาณที่ใช้อยู่ และต่างก็หยิบดาบสีเขียวออกมาเล่มหนึ่ง
อาวุธจิตวิญญาณพิเศษชุดนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาใช้รับมือกับราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตโดยเฉพาะ และตั้งใจหาคนสร้างมันขึ้นมา
หลิ่วหมิงกับซินหยวนย่อมตอบรับในทันที
ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสามสี่คนก็แสดงวิชาอีกครั้ง เพื่อซ่อนตัวอยู่ในน้ำทะเลบริเวณใกล้ๆ
ผ่านไปสักพัก ภายใต้การนำของราชาอสูร พริบตาเดียวฝูงอสูรตั๊กแตนโลหิตเจ็ดแปดสิบตัวที่เหลือ ก็อยู่ห่างจากด้านนอกม่านแสงไม่ไกลมาก
ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงมองเห็นรูปร่างของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตอย่างชัดเจน
ร่างของมันมีขนาดใหญ่กว่าอสูรตั๊กแตนโลหิตทั่วไปเจ็ดแปดเท่า ขณะเดียวกัน เกล็ดสีดำบนตัวก็เปล่งประกายแวววาว หัวน่าเกลียดน่ากลัวของมันมีลูกตาสีแดงอยู่ลูกเดียว และยังมีแสงสีเขียวเปล่งประกาย
พอราชาอสูรตัวนี้มาถึงนอกม่านแสง มันก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปในทันที แต่กลับวนดูสองสามรอบ จากนั้นก็แผดเสียงร้องแหลมออกมา
อสูรตั๊กแตนโลหิตระดับต่ำที่อยู่ด้านหลังอ้าปากขึ้นพร้อมกัน ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงจำนวนมากต่างก็โจมตีใส่ม่านแสงอย่างแม่นยำ
ม่านแสงสีฟ้าส่งเสียงดังหวึ่งๆ จากนั้นก็แตกกระจายออกมาทันที
“ลงมือ!”
ขณะนั้นเอง ฟางเหยาก็ตะโกนออกมา เขากับผู้อาวุโส และคนอื่นๆ โยนดาบไม้ไผ่ในมือออกไปพร้อมกัน
ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวสี่ลำก่อนพุ่งเข้าใส่ราชาอสูร
ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตเห็นเช่นนี้ เกล็ดบนตัวก็อ้าออกและหุบลงทันที จากนั้นไอปีศาจสีม่วงเข้มก็เกาะตัวเป็นลูกธนูสีดำ และพุ่งยิงออกไปท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง
หลังจากลำแสงสีเขียวทั้งสี่โจมตีพร้อมกันแล้ว กลุ่มไอหมอกสีม่วงเข้มก็ระเบิดออกมาทันที
พอฟางเหยาและคนอีกสามคนเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็ร่ายคาถาออกมาพร้อมกัน และชี้นิ้วไปทางดาบสีเขียวกลางอากาศ ทันใดนั้น มันก็แผ่กลิ่นจันทน์หอมออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
พริบตาที่ราชาอสูรสัมผัสกับกลิ่นจันทน์หอม ร่างของมันก็ค่อยๆ สั่นสะท้าน ดวงตาทั้งคู่ดับมืดลง ท่าทีก็ดูระโหยโรยแรงมาก
และในโอกาสนี้ ฟางเหยาและคนอีกสามคนก็บังคับลำแสงสีเขียวทั้งสี่ที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ให้กลายเป็นดาบแสงสีเขียว และทำการโอบล้อมราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตไว้
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงกับซินหยวนก็กระโจนเข้าใส่ฝูงอสูรจำนวนมาก
หลิ่วหมิงใช้มือข้างหนึ่งกวัดแกว่งกระบี่เล็กสีเงิน จนกลายเป็นแสงสีเงินจำนวนมาก จากนั้นก็ม้วนตัวเข้าใส่ฝูงอสูร
ส่วนมืออีกข้างก็ทำท่ามือ พอเกิดเสียงดังกึกก้อง คมวายุเจ็ดแปดสายก็พุ่งยิงออกไปพร้อมกัน
อสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับพ่นแสงสีเลือดออกมาจำนวนมาก หลังจากเชื่อมต่อกันแล้ว มันก็กลายเป็นกำแพงแสงต้านทานเงากระบี่สีเงินกับคมวายุสีเขียวไว้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นมา และเปลี่ยนท่ามือทันที จุดแสงสีแดงก่อตัวขึ้นตรงหน้า จากนั้นลูกเปลวไฟสีแดงขนาดเท่ากำปั้นก็พุ่งยิงออกไป ทันทีที่ปะทะใส่กำแพงแสง มันก็ระเบิดตัวเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่
ซินหยวนกลับหัวเราะออกมา จากนั้นก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าใส่ฝูงอสูร กระบองเหล็กในมือกลายเป็นคลื่นเงากระบองสีดำม้วนตัวเข้าใส่อสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่บริเวณนั้น
“เต๊งๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา