ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 476

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 476 อสูรเกราะมังกร
ตอนที่ 476 อสูรเกราะมังกร
โดย
Ink Stone_Fantasy
ถ้ำของแมงมุมขาหิมะถูกอสรพิษยักษ์สองตัวนี้คว้าเอาไปก่อน และกลายเป็นรังของมันไปแล้ว

พริบตาที่อสรพิษยักษ์ปรากฏตัวออกมา หลิ่วหมิงได้ปล่อยพลังจิตกวาดดูแล้ว และค้นพบว่ามันทั้งสองต่างก็มีพลังอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลาย เขาจึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ขณะนี้ อสรพิษยักษ์หนึ่งในนั้นได้ส่ายหัวทีหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะค้นพบตำแหน่งซ่อนตัวของหลิ่วหมิงแล้ว จากนั้นไอหมอกดำรอบตัวก็เกาะตัวเป็นลูกธนูหมอกจำนวนมาก และพุ่งยิงออกไป

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หลบหลีกอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจวิ่งหนีทันที

เพราะในถ้ำไม่มีไข่แมงมุมที่เขาต้องการแล้ว และการรับมือกับปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลายสองตัวพร้อมกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต่อให้จะเอาชนะได้ ก็ต้องสูญเสียพลังเวทมาก ไม่แน่อาจจะทำลายพลังต้นกำเนิดไปด้วยก็ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เขาจำเป็นต้องใช้แต้มคุณูปการอย่างเร่งด่วน ย่อมไม่ยอมทำเรื่องสิ้นเปลืองพลังอย่างแน่นอน

“ตู๊ม!” หลังจากอสรพิษยักษ์ตนหนึ่งพุ่งเข้ามา มันก็พุ่งเข้าไปในธงค่ายกลที่หลิ่วหมิงวางไว้พอดี ทำให้ม่านแสงสีฟ้าสั่นสะเทือนอยู่ไม่หยุด และเกิดรอยร้าวในพริบตา จากนั้นก็แตกกระจายออกมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ลังเลอะไรอีก เขาขยี้ยันต์สีเหลืองผืนหนึ่งจนแตกกระจาย ทันใดนั้น อักขระสีเหลืองสิบกว่าตัวก็โผล่ออกมา และค่อยๆ จมหายเข้าไปในร่าง

เขาถูกแสงสีเหลืองห่อหุ้มไว้ และหายวับไปในพื้นดินบริเวณใกล้ๆ

ดูเหมือนอสรพิษยักษ์สองตัวจะโมโหจนไม่ยอมปล่อยหลิ่วหมิงไปง่ายๆ ไอดำรอบตัวพวกมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นก็บิดตัวมุดลงไปใต้ดิน

แต่โชคดีที่ว่า แม้อสรพิษยักษ์จะมีวิชาดำดิน แต่ความเร็วเทียบไม่ได้กับหลิ่วหมิงที่มียันต์คอยช่วย หลังจากหนีไปได้ไกลสิบกว่าลี้ ก็ไม่ได้กลิ่นไอของอสรพิษยักษ์ที่ตามมาอีก

หลิ่วหมิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่ประมาท หลังจากหนีออกไปอีกสิบกว่าลี้ และมั่นใจว่าอสรพิษไม่ตามมาแล้ว เขาถึงขึ้นมาบนพื้น จากนั้นก็หาถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่งเพื่อทานโอสถ และทำการพักผ่อน

การหนีอย่างบ้าคลั่งในครั้งนี้ ทำให้เขาสูญเสียพลังเวทไปจำนวนหนึ่ง ต้องฟื้นฟูให้มีสภาพสมบูรณ์ถึงจะได้ มิเช่นนั้น หากเจอปีศาจอสูรที่แข็งแกร่งอีก อาจเกิดปัญหาใหญ่ได้

……

สามวันต่อมา ในที่สุดหลิ่วหมิงก็หาไข่แมงมุมขาหิมะจากถ้ำแห่งหนึ่งมาได้สี่ห้าใบ ในขณะนั้น เขาเตรียมออกจากเทือกเขาตะวันมืด เพื่อกลับไปเสริมกำลังที่ตลาด

แต่ทว่าระหว่างทางที่ผ่านยอดเขาเล็กๆ ที่ดูไม่เตะตาลูกหนึ่ง ก็มีเงาดำพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ตรงหน้า และกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิงจากด้านหลัง

พอหลิ่งหมิงรับรู้ได้ว่ามีกลิ่นไออันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เขาก็กระโดดไปด้านหน้าสิบกว่าจั้ง ขณะเดียวกัน ในมือก็ถือกระบี่เล็กสีเงินไว้

เดิมทีคิดว่ามีคนแอบโจมตีด้านหลังเพื่อชิงของล้ำค่า แต่พอเขาหันกลับไปดูกลับค้นพบว่าเป็นปีศาจอสูรแปลกประหลาดที่มีเกราะแข็งแกร่งห่อหุ้มเต็มตัว

อสูรตนนี้มีขนาดจั้งกว่าๆ มีรูปร่างคล้ายตัวนิ่ม ดวงตาสีเขียวขนาดเล็กทั้งคู่เป็นประกายแวววาว ผิวหนังสีเทาที่เผยให้เห็นร่องหนาๆ มีลวดลายสีม่วงเปล่งประกายอยู่รำไร ดูจากกลิ่นไออันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมา พอจะรับรู้ได้คร่าวๆ ว่ามันมีพลังอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลาย

พอหลิ่วหมิงเขม้นตาดู ก็รู้ที่มาของปีศาจอสูรตนนี้ มันคืออสูรเกราะมังกรที่พบเจอได้น้อยมาก

แต่อสูรเกราะมังกรตรงหน้า แตกต่างจากอสูรเกราะมังกรทั่วไปที่หลิ่วหมิงอ่านเจอในคัมภีร์เล็กน้อย บนหัวของมันมีเขาแหลมสีเงินคู่หนึ่งที่ยาวชุ่นกว่าๆ และดูเหมือนว่ามันได้กลายพันธุ์ไปแล้ว แม้ว่าจะมีพลังอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลาย แต่เกรงว่าพลังคงจะเหนือกว่าปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลายโดยทั่วไปมาก

หลังจากที่การโจมตีแรกไม่สำเร็จ มันก็ไม่หลับหูหลับตาโจมตีอีกครั้ง แต่กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาเล็กๆ ทั้งคู่จ้องมองหลิ่วหมิงไม่กระพริบ ดูเหมือนจะระวังทุกท่าทีของเขา

เดิมทีหลิ่วหมิงคิดจะหลบหนีไปให้ไกลๆ แต่หลายวันนี้ต้องถูกปีศาจอสูรที่ร้ายกาจไล่ล่าอยู่บ่อยครั้ง ยันต์เทพเคลื่อนไหวที่ซื้อมา ก็ถูกใช้หมดไปนานแล้ว

อีกอย่าง เขาค้นพบว่าอสูรตัวนี้มาเพียงตัวเดียว และไม่มีกองกำลังสนับสนุน เขาจึงเกิดความคิดอย่างอื่นขึ้นมา

อสูรเกราะมังกรเป็นปีศาจอสูรที่หาได้ยากมาก เกราะบนตัวใช้ทำเสื้อเกราะจิตวิญญาณระดับสูง แก่นปีศาจของมันยิ่งมีมูลค่าไม่น้อย เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการปรุงโอสถระดับสูง

ส่วนอสูรเกราะมังกรที่กลายพันธุ์แล้ว ย่อมมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ และตัดสินใจในทันที

ทันใดนั้น ไอดำก็พวยพุ่งออกจากร่างของเขา กระบี่เล็กในมือถูกโบกสะบัดในทันที เงากระบี่จำนวนมากปรากฏออกมา และพุ่งยิงไปยังอสูรเกราะมังกร

พออสูรเกราะมังกรเห็นหลิ่วหมิงทำการโจมตี มันกลับไม่คิดหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย มันเพียงแค่อ้าปากพ่นไอหมอกสีเทาออกมาปกคลุมร่างไว้ และเกราะแข็งแกร่งบนตัวก็ตั้งตรง และขดตัวจนเป็นลูกกลมๆ เพื่อรับมือกับแสงสีเงินที่พุ่งเข้ามา

พอเงากระบี่จำนวนมากปะทะกับอสูรตนนี้ ก็เกิดเสียงดัง “เต๊งๆ!” และกระเด็นออกไปรอบด้าน

เมื่อแสงสีเงินสลายไปจนหมดสิ้น อสูรเกราะมังกรก็คลายตัวออกมาอีกครั้ง แต่ร่างของมันไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย

ตอนแรกหลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึงมาก แต่ก็รีบกระตุ้นเคล็ดกระบี่โดยไม่ต้องคิด กระบี่เล็กในมือสั่นสะท้าน จากนั้นเงากระบี่ยักษ์สีเงินที่ยาวเจ็ดแปดจั้ง ก็ปรากฏออกมา

“ไป!”

หลังจากชี้ไปกลางอากาศ เงากระบี่ยักษ์ก็แผดเสียงพุ่งใส่อสูรเกราะมังกร

อสูรเกราะมังกรสั่นหัวและหดตัวอีกครั้ง เท้าทั้งคู่แตะลงพื้น และกระโจนเข้าใส่เงากระบี่

พอหลิ่วหมิงสะบัดมือ เงากระบี่ยักษ์กลางอากาศก็ยกตัวขึ้น และฟันลงไปอย่างโหดเหี้ยม

เสียงดังตูมตามแสบแก้วหูดังออกมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา