แต่ทว่าหลังจากตามไปได้เจ็ดแปดลี้ อสูรเกราะมังกรก็หนีเข้าไปในเทือกเขาแปลกประหลาดที่มีไอพิษหนาแน่น
ขณะนี้หลิ่วหมิงสูญเสียพลังเวทไปมาก โอสถและยันต์ก็ใช้ไปเกือบหมดแล้ว หลังจากลังเลอยู่นอกไอพิษตั้งนาน เขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา และไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปด้านใน สุดท้ายจึงหมุนตัวเหาะกลับไปทางตลาดตะวันมืดด้วยความหงุดหงิด
หลายวันต่อมา หลังจากหลิ่วหมิงกลับถึงตลาดตะวันมืดแล้ว ก็รีบซื้อโอสถฟื้นฟูพลังเวทกับยันต์จำนวนมาก ซึ่งมากกว่าก่อนหน้านั้นเท่าตัว และก็ซื้อธงค่ายกลง่ายๆ สองสามชุดเผื่อจะได้ใช้
เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาถึงหาโรงเตี๊ยมเพื่อทำการพักผ่อน
ประจักษ์ชัดว่าการเข้าเขาครั้งที่สอง ไม่ได้ราบรื่นเหมือนกับครั้งแรก แม้หลิ่วหมิงจะระมัดระวังรอบคอบทุกจังหวะก้าว ปรับตัวไปตามสถานการณ์ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ทว่าสูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย เลยใช้เวลาในการฟื้นคืนค่อนข้างนาน
และหลังจากผ่านการล่ามาสองครั้ง ถุงหนังบนเอวของเขา ก็มีไข่แมงมุมเกือบยี่สิบใบ หากครั้งหน้าเก็บเกี่ยวมาได้อีกสิบกว่าใบล่ะก็ คงเพียงพอที่จะใช้แลกแต้มคุณูปการไปฝึกฝนในถ้ำห้าธาตุเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองดูแล้ว ก็วางค่ายกลง่ายๆ ไว้ในห้อง จากนั้นก็ทานโอสถไปจำนวนหนึ่ง ทั้งยังนำหินจิตวิญญาณออกมาสองก้อน และค่อยๆ เริ่มฟื้นฟูพลังต้นกำเนิด
สองวันต่อมา หลิ่วหมิงลืมตาขึ้นมาในฉับพลัน ตอนนี้เขารู้สึกว่าพลังเวทและความกระปรี้กระเปร่าได้ฟื้นคืนมาพอประมาณแล้ว จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อหยิบแผนที่เทือกเขาตะวันมืดมาศึกษาอย่างละเอียด
ระหว่างทางที่กลับจากเทือกเขาตะวันมืดในครั้งนั้น เขาได้ผ่านถ้ำของแมงมุมขาหิมะสองแห่ง แต่ติดขัดที่ขณะนั้นมีพลังเวทไม่เพียงพอ อีกทั้งโอสถและยันต์ก็ถูกใช้ไปจนหมดสิ้น จึงได้แต่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่
การเข้าเขาในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายแรกของหลิ่วหมิงก็คือ ไปกวาดล้างสถานที่สองแห่งนี้
หลังจากเขาคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด และคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็เก็บแผนที่เข้าไป และไปจากที่พักทันที
หลังจากออกไปจากโรงเตี๊ยมแล้ว เขาก็เข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาตะวันมืดเป็นครั้งที่สาม
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่าๆ เมื่อหลิ่วหมิงเข้าเทือกเขาตะวันมืดไปได้ไม่กี่ลี้นั้น เขาก็ต้องหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ และหมุนตัวมองไปยังที่ไกลๆ
ผ่านไปสักครู่ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง เงาร่างชายสี่หญิงหนึ่งปรากฏออกมา และขี่เมฆหลากสีพุ่งมาทางหลิ่วหมิง
“ข้าน้อยเยี่ยนหมิง ไม่ทราบว่าควรเรียกขานสหายผู้นี้ว่าอย่างไร?” หลังจากที่ชายหญิงกลุ่มนี้มาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิง พวกเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวลง ชายหนุ่มคนหน้าสุดที่สวมชุดศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์ประสานมือคารวะหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่เยี่ยน ข้าน้อยหลิ่วหมิง” หลิ่วหมิงชายตามอง และสังเกตดูศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นทีหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ กล่าวออกมา
ศิษย์สายนอกอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลัง หนึ่งในนั้นเป็นหญิงงดงามอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี ผิวละเอียดเกลี้ยงเกลา พอเห็นหลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่าน นางกลับยิ้มให้เพียงเล็กน้อย
ส่วนอีกสามคนต่างก็เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ หนึ่งในนั้นเป็นชายรูปงาม สวมเครื่องประดับครอบมวยผมที่มีลักษณะภูมิฐาน ดูคล้ายบัณฑิต อีกคนใบหน้าคมสัน แววตาดูป่าเถื่อนมาก ส่วนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท้ายสุดมีรูปร่างค่อนข้างเล็ก สีหน้าเรียบเฉย
พวกเขาทั้งห้ามีแค่เยี่ยนหมิงกับชายใบหน้าคมสันที่มีการฝึกฝนอยู่ระดับของเหลวขั้นกลางเท่านั้น ที่เหลือต่างก็อยู่ที่ระดับของเหลวขั้นต้น
“ที่แท้ก็เป็นพี่หลิ่ว! พวกข้าทั้งห้าคนวางแผนจะเข้าเทือกเขาตะวันมืด เพื่อล่าปีศาจปีศาจกรงเล็บหยกที่อยู่ระดับของเหลวขั้นปลาย ได้ยินมาว่าศิษย์น้องเข้าเทือกเขาตะวันมืดคนเดียวหลายครั้ง และกลับมาอย่างปลอดภัย คิดว่าจะต้องมีพลังไม่ธรรมดา พอจะให้พวกข้าร่วมเดินทางด้วยได้หรือไม่ จะได้ดูแลซึ่งกันและกัน หากพี่หลิ่วสามารถร่วมสังหารปีศาจตนนี้กับพวกข้าได้ พวกข้าจะต้องแบ่งแต้มคุณูปการของภารกิจนี้ให้อย่างแน่นอน” พอเยี่ยนหมิงเห็นสีหน้าไม่ยินดียินร้ายของหลิ่วหมิง เขาจึงบอกจุดประสงค์ออกมาตามตรง
“ปีศาจกรงเล็บหยก? ปีศาจจิตวิญญาณชนิดนี้ลึกลับซับซ้อนมาก มีที่อยู่ไม่แน่นอน เกรงว่าคงไม่สามารถรับมือได้โดยง่าย” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวออกมาราวกับคิดอะไรอยู่
ภารกิจนี้เป็นหนึ่งในภารกิจที่อยู่บนป้ายประกาศใน ก่อนหน้านั้นหลิ่วหมิงก็เคยเห็นผ่านๆ ตา มันได้รางวัลตอบแทนไม่น้อย แต่ก็มีโอกาสสำเร็จยากเช่นกัน
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่หาที่อยู่ของปีศาจจิตวิญญาณนี้ให้เจอ ก็เป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลามากแล้ว
และปีศาจกรงเล็บหยกที่กล่าวถึง แท้จริงแล้วจะเติบโตในภูเขาใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างเทือกเขาตะวันมืด หลังจากวานรที่ฝึกฝนจนถึงระดับของเหลวได้ตายไปแล้ว ศพของมันก็ฟื้นคืนชีพเป็นปีศาจจิตวิญญาณแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง พลังของมันเหนือกว่าปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลายมาก อีกทั้งยังมีความเร็วอย่างน่าประหลาดใจ และยังเชี่ยวชาญการซุ่มโจมตี มันจึงรับมือได้ยากมาก
“ปีศาจจิตวิญญาณชนิดนี้หายากจริงๆ แต่หลายวันนี้ พวกข้าได้ใช้พลังจิตค้นหาเจอตัวหนึ่ง และได้ศึกษาแผนการล่าไว้แล้ว เพียงแค่ศิษย์น้องยอมเข้าร่วม ภารกิจนี้จะต้องมีโอกาสสำเร็จเก้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน” เยี่ยนหมิงอธิบายโดยไม่ต้องคิด
“ข้าน้อยเข้าเทือกเขาตะวันมืดในครั้งนี้ ยังมีภารกิจอื่นที่ต้องทำ และไม่คิดที่จะร่วมกลุ่มกับใคร พี่เยี่ยนไปหาคนอื่นเถอะ!” หลิ่วหมิงเพียงแค่คิดไตร่ตรองเล็กน้อย จากนั้นก็ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงรับภารกิจบนป้ายประกาศในมา แต่ขณะนี้ตนเองมีเวลาจำกัด ทั้งยังพบเจอรังสองแห่งที่ดูคล้ายกับมีแมงมุมขาหิมะอยู่ เพียงแค่ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น ครึ่งเดือนให้หลังก็กลับไปรายงานผลที่นิกายยอดบริสุทธิ์ได้แล้ว เขาจึงไม่อยากสร้างปัญหาซับซ้อนอีก
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ หากพี่หลิ่วเข้าร่วมด้วยล่ะก็ พวกเราก็มีความมั่นใจในความสำเร็จมากขึ้น แต่ในเมื่อพี่หลิ่วไม่อยากเข้าร่วม ข้าย่อมไม่บังคับแต่อย่างใด ถ้าอย่างนั้นก็จากกันตรงนี้เถอะ!” พอเยี่ยนหมิงได้ยิน ก็มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ทันใดนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา