สรุปตอน ตอนที่ 479 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 479 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
และพอหลิ่วหมิงเผชิญหน้ากับแสงสีม่วงที่พวยพุ่งเข้ามา สีหน้าของเขาก็ดูหนักอึ้งลง พอยกมือข้างหนึ่งขึ้น ลูกเปลวไฟหลายลูกก็ถูกพุ่งยิงออกไป ภายใต้การสะบัดแขนเสื้อ จุดแสงสีทองก็เปล่งประกายออกมา และกลายเป็นทรายทองคำหมุนวนเต็มฟ้า
หลังจากลูกเปลวไฟปะทะกับแสงสีม่วง ก็มีเสียงระเบิดดังออกมากลางอากาศ คลื่นความร้อนม้วนตัวออกไปทั่วทิศ
แสงสีม่วงหยุดนิ่งทันที
ทารกเทียนฉานเห็นเช่นนี้ ก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และร่ายคาถาออกมา
น้ำเต้ายักษ์ส่งเสียงดังโครมคราม และพ่นไอหมอกสีดำกับสีเขียวออกไปด้านหน้า
หลิ่วหมิงเพียงแค่ชี้มือไปกลางอากาศด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก หมอกทรายสีทองกลางอากาศก็แผ่กระจายออกไป ภายใต้การเปล่งประกายของเม็ดทรายแต่ละเม็ด ก่อเกิดเป็นกำแพงทรายขนาดยักษ์ที่สูงสิบกว่าจั้ง
ภายใต้การพวยพุ่งโจมตีของไอหมอกสีเขียวกับสีดำทั้งสองกลุ่ม คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถทำลายกำแพงทรายได้เลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกัน ภายใต้การกระตุ้นของหลิ่วหมิง กำแพงทรายก็ถูกผลักไปหาทารกเทียนฉาน
ทารกเฉียนฉานเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจมาก พอกระตุ้นเคล็ดวิชา น้ำเต้ายักษ์ก็ขยายใหญ่หนึ่งเท่ากว่าๆ ท่ามกลางแสงสีเขียวที่เปล่งประกาย ขณะเดียวกันหมอกดำที่หนาแน่นกว่าก่อนหน้าก็ทะลักออกมา ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นรู้สึกอยากจะอาเจียน
ไอหมอกดำหนาแน่นราวกับเป็นของเหลว ทั้งยังแผ่คลุมไปทั่วฟ้าและปฐพี พอสัมผัสกับม่านทรายสีทอง มันก็ส่งเสียงกัดกร่อนดังออกมา “ฟู่ๆ!” แม้ไม่อาจทำให้กำแพงทรายสีทองเปิดออกมาได้ แต่ก็ทำให้กำแพงทรายไม่อาจเข้าใกล้ได้ชั่วขณะหนึ่ง
พอเห็นว่าวิชาพิษของตนเองไม่อาจทำลายกำแพงทรายตรงหน้าได้ ทารกเทียนฉานก็เผยแววตาดุร้ายออกมา ตอนนี้เขารู้ตัวว่าได้เผชิญกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้ว
ทันใดนั้น เขายังคงกระตุ้นน้ำเต้าอย่างบ้าคลั่ง เพื่อปล่อยไอหมอกสีต่างๆ ใส่ทรายทองคำ ขณะเดียวกันก็แผดเสียงร้องยาวออกมา!
เดิมทีตัวประหลาดขนเขียวอาศัยกายเนื้อที่แข็งแกร่ง ก็เข้าใกล้เยี่ยนหมิงและหญิงสาวแล้ว แต่มันกลับคำรามออกมาราวกับขานรับอะไรบางอย่าง จากนั้นร่างของมันก็พร่ามัวในฉับพลัน และถอยพุ่งกลับไป มันเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็อ้อมผ่านกำแพงทรายสีทอง และกลายเป็นเงาร่างจางๆ กระโจนเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รีบใช้พรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลังทันที ด้านหนึ่งกระตุ้นม่านทรายทองคำต้านทานหมอกดำ อีกด้านหนึ่งก็นำมุกพลังวารีทั้งสองออกมา และรวมเป็นหนึ่งเดียวก่อนที่จะโยนเข้าใส่เงาร่างที่พุ่งเข้ามา
“ตู๊ม!”
มุกพลังวารีที่รวมตัวกันแล้วทุบใส่เงาร่างพอดี ไอหมอกดำพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็มีเงาภูเขาลูกเล็กๆ ปรากฏขึ้นในมุกพลังวารี และกดลงไปทันที
แม้ว่าปีศาจกรงเล็บหยกจะมีพลังป้องกันอันน่าตกใจ และเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่พอเผชิญหน้ากับอาวุธจิตวิญญาณที่มีน้ำหนักมากมายเช่นนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ป้องกันไม่ทัน ทำให้มันร่วงลงไปพร้อมกับเสียงร้องอันเวทนา หลังจากเกิดเสียงดังขึ้น ร่างของมันก็ตกลงพื้นบริเวณนั้นอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นหลุมขนาดหลายจั้ง
เงาภูเขาที่มุกพลังวารีสร้างขึ้นมา ก็กระพริบไปกดทับอยู่บนหลุมยักษ์ จนตัวประหลาดขนเขียวไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
ภายใต้การเปิดใช้ชั้นจำกัดทั้งหมดของมุกพลังวารีที่รวมตัวกันแล้ว ทำให้พลังของเงาภูเขาลูกเล็กๆ ที่สร้างขึ้นมามีน้ำหนักแสนกว่าชั่ง ส่วนปีศาจจิตวิญญาณตนนี้ก็มีพลังน่าตกใจ แต่หากจะทำลายมุกพลังวารีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ทารกเทียนฉานเห็นเช่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที หลังจากพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ยันต์สีดำราวกับหมึกก็โผล่ออกมา
แต่ยังไม่ทันที่คนแคระจะโยนยันต์ออกไป หลิ่วหมิงก็ปล่อยพลังกว่าครึ่งหนึ่งออกมาในพริบตา
ม่านทรายกลางอากาศเปล่งแสงสีทองออกมาทันที อักขระสีทองจำนวนมากทะลักออกมา ม่านทรายขยายใหญ่หนึ่งเท่ากว่าๆ จากนั้นก็โจมตีแสงและไอหมอกตรงหน้าจนสลายไป และม้วนตัวกลายเป็นม่านทรายสีทองปกคลุมท้องฟ้าในพื้นที่หลายหมู่ไว้
ทารกเทียนฉานรู้สึกตกใจมาก เขารีบโยนยันต์ในมือออกไปทันที ทันใดนั้นอักขระสีดำจำนวนมากก็ทะลักออกมา และหมุนวนรอบตัวไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างก็ปล่อยพลังใส่น้ำเต้า
“ตู๊ม!”
น้ำเต้ายักษ์ระเบิดตัวกลายเป็นไอหมอกสีสีม่วง ดำ เขียว จากนั้นก็ทะลักลงไปปกคลุมร่างของคนแคระไว้
และในขณะเดียวกัน ม่านทรายสีทองกลางอากาศก็ร่วงมาปกคลุมร่างทารกเทียนฉาน และก่อตัวเป็นลูกกลมๆ สีทองขนาดใหญ่ที่ดูหนาแน่นเป็นอย่างมาก จากนั้นก็ค่อยๆ บีบอัดเข้าไป
ทารกเทียนฉานรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลบีบเข้ามาจากทั่วสารทิศ ทันใดนั้นไอหมอกสามสีกับอักขระสีดำก็ส่งเสียงดังออกมา
คนแคระมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาก เขาพยายามทำท่ามือปล่อยพลังเวทใส่อักขระสีดำกับไอหมอกอย่างบ้าคลั่ง เพื่อต้านทานพลังมหาศาลนี้
แต่ขณะนั้นเอง ทรายทองคำก็กลายเป็นลูกทรายกลมๆ ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้ง และหมุนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กำแพงทรายที่อยู่ด้านในก็ค่อยๆ ปล่อยหนามแหลมสีทองออกมา
ไอหมอกสามสีกับอักขระสีดำที่ถูกบีบอัดจนเกือบจะต้านทานไม่ไหว ถูกหนามแหลมสีทองปั่นจนละเอียดเป็นผุยผง และไม่อาจต้านทานการบีบอัดของลูกทรายทองคำได้อีก
เป็นเพราะว่าเขาใช้พรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลัง ถึงสามารถกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณจำนวนมากชิ้นพร้อมกันได้ หากเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางคนอื่นๆ ต่อให้จะมีพลังจิตแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถแบ่งจิตได้ ก็สามารถควบคุมอาวุธจิตวิญญาณได้มากสุดแค่สองชิ้นเท่านั้น
“พี่หลิ่วสามารถสังหารทารกเทียนฉานได้ พลังระดับนี้คงอยู่ในร้อยอันดับแรกของศิษย์สายนอกได้แล้วล่ะมัง” ขณะนี้เสวี่ยอวิ๋นไม่ปิดบังความสงสัยของตนเองอีกต่อไป ดวงตาดำขลับทั้งคู่จ้องมองหลิ่วหมิงแล้วกล่าวออกมา
“ทารกเทียนฉานเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้?” หลิ่วหมิงได้ยินก็ไม่พูดอะไร แต่กลับถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
“จะว่าไปแล้วทารกเทียนฉานก็เป็นผู้ที่มีเบื้องหลังอันยิ่งใหญ่ เขาถือกำเนิดในลัทธิเสวียนหมู่ซึ่งเป็นลัทธิที่ชั่วร้าย ลงมือโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ก่อนเคยสังหารศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์หลายคน ดังนั้นเขาจึงเป็นคนหนึ่งที่มีชื่ออยู่ในบัญชีความเป็นความตายของสาขาในนิกายเรา คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาเสียชีวิตในมือของศิษย์น้อง” เยี่ยนหมิงได้ยินก็จ้องมองศพของทารกเทียนฉาน และถอนหายใจยาวๆ ก่อนกล่าวออกมา
“หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ทารกเทียนฉานผู้นี้อยู่ในลำดับที่หนึ่งร้อยกว่าของบัญชีความเป็นความตาย นับว่าอยู่ในอันดับที่ไม่ต่ำเกินไป แต่เป็นเพราะว่าวิชาของลัทธินี้พิเศษมาก เชี่ยวชาญการซ่อนตัว และเขายังเจ้าเล่ห์มากด้วย แม้ศิษย์พี่สายนอกจำนวนหนึ่ง คิดจะล่าสังหารเขาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีคนลงมือเลย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะถูกศิษย์พี่หลิ่วสังหารไปแล้ว” เสวี่ยอวิ๋นกล่าวออกมา
ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้ทารกเทียนฉานถึงตั้งใจมาเทือกเขาตะวันมืดโดยเฉพาะ และยังแย่งปีศาจกรงเล็บหยกไปก่อน ทั้งยังใช้เคล็ดวิชาสยบมันไว้ได้ พอเจอเยี่ยนหมิงและพวก เขาก็ซ่อนร่องรอยของตนเองไว้ และควบคุมปีศาจกรงเล็บหยกลอบโจมตีคนเหล่านี้
หากครั้งนี้ไม่พบเจอหลิ่วหมิง พวกเขาสองคนคงจะไร้ซึ่งลมหายใจอยู่ในเทือกเขาตะวันมืดเหมือนอีกสามคนแล้ว
“ใช่สิพี่หลิ่ว! เพียงแค่นำหัวคนผู้นี้กลับไป ก็สามารถแลกแต้มคุณูปการที่หอความเป็นความตายได้ไม่น้อย เพราะเจ้าสารเลวนี่ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงในบัญชีความเป็นความตาย” เยี่ยนหมิงกล่าวออกมา ขณะเดียวกันก็เผยแววตาอิจฉาออกมา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ขอบคุณพี่เยี่ยนที่บอก” หลิ่วหมิงพยักหน้า
เกี่ยวกับบัญชีความเป็นความตาย ในข้อบัญญัติของศิษย์สายนอกก็ได้กล่าวไว้ โดยเฉพาะรายชื่อสำคัญที่ล่าสังหารศิษย์สายนอก รายชื่อในนั้นล้วนเคยสังหารศิษย์ระดับของเหลวนิกายยอดบริสุทธิ์มานับพันคน
คนเหล่านี้ล้วนเจ้าเล่ห์สับปลับ และตัวเด่นๆ ในสิบอันดับแรกต่างก็มีพลังน่าตกใจ ต่อให้ศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์ที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรก ก็ไม่สามารถเอาชนะแบบหนึ่งต่อหนึ่งได้
ในเมื่อคนผู้นี้มีชื่ออยู่ในบัญชีความเป็นความตาย หลิ่วหมิงย่อมร่อนลงไปเก็บน้ำเต้าที่หล่นไปพร้อมศีรษะ และอาวุธเวทย่อส่วนที่มีลักษณะคล้ายถุงเก็บของอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็ปล่อยลูกเปลวไฟเผาศพไร้ศีรษะจนกลายเป็นขี้เถ้า
เมื่อเขากล่าวอำลากับคนทั้งสองแล้ว ก็เหาะออกไปนอกเทือกเขา
เยี่ยนหมิงกับเสวี่ยอวิ๋นยังคงนิ่งอยู่กับที่ หลังจากเห็นหลิ่วหมิงไปไกลแล้ว ก็จัดการศพไปรอบหนึ่ง จากนั้นก็ไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
…………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา