เมื่อเทียบแต้มคุณูปการเหล่านี้กับหนี้ที่เขาติดค้างนิกายแล้ว แม้จะถือว่าเป็นแต้มอันน้อยนิด แต่อย่างน้อยก็สามารถใช้ถ้ำจิตวิญญาณธาตุไม้ เพื่อหลอมตัวอ่อนกระบี่เขาพระสุเมรุได้แล้ว
หลังออกจากหอลี้ลับ หลิ่วหมิงก็เหาะไปยังยอดเขาที่มีไอหมอกดำจางๆ ลอยวนอยู่ ยอดเขาแห่งนี้แลดูอึมครึมเล็กน้อย
พื้นราบเรียบที่ซ่อนอยู่กลางไหล่เขา มีหอขนาดใหญ่ตั้งอยู่ นอกหอไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ เลย สีก็ดูคล้ายคลึงกับสีของยอดเขา ด้วยเหตุนี้หากไม่มองดูอย่างละเอียด ก็จะไม่เห็นมันโดยง่าย
สถานที่แห่งนี้ก็คือหอความเป็นความตายที่มีชื่อเสียงของเขาหมื่นวิญญาณนั่นเอง
หลังจากหลิ่วหมิงสังเกตดูเล็กน้อยแล้ว ก็ร่อนลงบนพื้นราบเรียบ และก้าวเข้าไปด้านในทันที
หอแห่งนี้ด้านนอกดูธรรมดามาก แต่ด้านในกลับเป็นโลกมหัศจรรย์อีกแห่งหนึ่ง แม้จะกว้างขวางไม่เท่าหอลี้ลับ แต่กลับตกแต่งคล้ายเคียงกันเล็กน้อย ผู้คนในนั้นก็มีอยู่น้อยมาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันโล่งไปหน่อย
ด้านหลังของแท่นหินสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ตรงกลาง มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดของผู้อาวุโสดำเนินการยืนอยู่ เขากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างเบาๆ กับศิษย์สายนอกสองคน บนแท่นหินมีศีรษะอัปลักษณ์ที่เปียกโชคไปด้วยเลือดวางอยู่สองใบ
พอทั้งสามได้ยินเสียงหลิ่วหมิงเดินเข้ามา ก็หันมามองทันที
ผู้ดำเนินการวัยกลางคนมีโครงหน้าสี่เหลี่ยม สีหน้าไม่ใส่ใจใยดี หลังจากมองหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้ว ก็ละสายตากลับไป แต่ศิษย์สายนอกสองคนนั้น คนหนึ่งดูเหมือนจะมีอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา สะพายกระบี่ยักษ์สีดำอยู่บนหลัง ส่วนอีกคนกลับเป็นชายฉกรรจ์ผิวดำวาว มือทั้งสองว่างเปล่า แต่มีถุงหนังตุงๆ อยู่บนเอวหลายใบ ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น
ทั้งสองสังเกตดูหลิ่วหมิงด้วยความอยากรู้ เพราะตามหลักแล้ว คนที่สามารถมาหอความเป็นความตายได้ ย่อมไม่ใช่ผู้ไร้นามแต่อย่างใด แต่ดูจากรูปร่างของหลิ่วหมิงแล้ว พวกเขากลับเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก
“เจ้ามาดูป้ายประกาศหรือมารับรางวัล?” ผู้ดำเนินการวัยกลางคนมองหลิ่วหมิงทีหนึ่ง และถามอย่างราบเรียบ
“ขณะที่ศิษย์ออกไปด้านนอกในหลายวันมานี้ โชคดีสังหารมนุษย์ปีศาจที่มีชื่ออยู่ในบัญชีความเป็นความตายได้ จึงนำมาแลกรางวัล” น้ำเสียงหลิ่วหมิงดูนอบน้อมมาก
ชายวัยกลางคนผู้นี้ รูปร่างหน้าตาก็ดูธรรมดา แต่กลิ่นไอบนตัวกลับทำให้รู้ว่าเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึก
“อืม! ไปรอทางนั้นก่อน” ชายวัยกลางคนตอบรับทีหนึ่ง จากนั้นก็แหงนหน้ามองศิษย์สายนอกสองคนนั้น
“เมื่อครู่ได้ตรวจสอบกับรูปภาพบนบัญชีความเป็นความตายแล้ว ศีรษะทั้งสองที่พวกเจ้านำมานี้ คือนักพรตแทงจันทราที่จัดอยู่ในอันดับที่เก้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ด และมนุษย์ปีศาจชุดแดงที่อยู่อันดับที่หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบ นำป้ายประจำตัวมาให้ข้าเถอะ!” ชายวัยกลางคนเก็บศีรษะบนแท่นหินแล้วกล่าวออกมา
ทั้งสองได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก จากนั้นก็รีบยื่นป้ายประจำตัวออกไป
ชายวัยกลางคนหยิบพู่กันหยกออกมาอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากมอบแต้มคุณูปการให้ทั้งสองคนละพันกว่าแต้มแล้ว ก็มองไปทางหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงรีบเดินเข้าไปหาทันที เขาหยิบถุงหนังออกมาใบหนึ่ง และวางลงบนแท่นหิน พอเปิดปากถุงออก ศีรษะก็กลิ้งออกมา
“เอ๊ะ? ดูเหมือนคนผู้นี้จะเป็นทารกเทียนฉานของลัทธิเสวียนหมู่นี่ เหมือนจะอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยกว่า เจ้าสังหารคนผู้นี้หรือ?” ชายวัยกลางคนกวาดสายตาดูทีหนึ่ง และกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“อะไรนะ? ทารกเทียนฉาน?!” เดิมทีศิษย์สายนอกทั้งสองคิดจะเดินจากไปแล้ว แต่พอได้ยินเช่นนี้ ก็ต้องหันมาด้วยความตกใจ
หลิ่วหมิงรู้ที่มาของทารกเทียนฉานจากปากเยี่ยนหมิงแล้ว หลังจากตอบรับไปหนึ่งคำ เขาก็ยืนรออย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าสงบ
ชายวัยกลางคนสังเกตดูหลิ่วหมิงอีกครั้งแล้วพยักหน้ากล่าว
“สามารถสังหารคนผู้นี้ได้ เจ้าย่อมมีพลังไม่ธรรมดา นำป้ายประจำตัวมาเถอะ!”
หลิ่วหมิงรีบยื่นป้ายประจำตัวออกไปทันที
“ทารกเทียนฉาน ศิษย์ลัทธิเสวียนหมู่ เชี่ยวชาญการซ่อนตัวลอบโจมตี เขาเคยสังหารศิษย์นิกายเราไปเก้าคน มีรายชื่ออยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยสามสิบเก้า รางวัลตอบแทนห้าพันแต้มคุณูปการ” ขณะที่พูด ชายวัยกลางคนก็หยิบป้ายหยกสีขาวออกมา และโบกไปทางศีรษะของทารกเทียนฉาน มีแสงแวววาวเปล่งประกายบนป้าย และก่อตัวเป็นเงาร่าง ซึ่งเป็นภาพของทารกเทียนฉานนั่นเอง
ชายวัยกลางคนพยักหน้า ทันใดนั้นพู่กันหยกในมือก็เปล่งประกาย แสงลำหนึ่งตกลงบนป้ายของหลิ่วหมิง พอหลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดู ก็ค้นพบว่าบนนั้นมีแต้มคุณูปการเพิ่มขึ้นมาห้าพันแต้ม
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก มีแต้มคุณูปการห้าพันแต้มแล้ว ก็สามารถทำเรื่องอื่นๆ ได้มากขึ้น
ชายวัยกลางคนมองดูเขาอีกที จากนั้นก็หิ้วศีรษะของทารกเทียนฉานเดินเข้าไปด้านใน
“เฮ่อๆ! ศิษย์น้องผู้นี้สามารถฆ่าทารกเทียนฉานได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ศิษย์น้องดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย คงเป็นศิษย์มาใหม่สินะ! ไม่ทราบว่าฝึกฝนอยู่สาขาใด?” ขณะนี้ศิษย์สายนอกทั้งสองก็เดินเข้ามา และผู้ที่เอ่ยปากออกมาก็คือชายหนุ่มผิวขาวนั่นเอง
“อ้อ! ข้าน้อยหลิ่วหมิง จากสาขาห่านฟ้า ศิษย์พี่ทั้งสองคือ……” หลิ่วหมิงกล่าว
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์น้องหลิ่ว พวกข้าทั้งสองเป็นศิษย์สาขาวายุทะยานฟ้า ปกติไม่ค่อยจะรับภารกิจบนป้ายประกาศลี้ลับ แต่มักจะสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่มีชื่ออยู่ในบัญชีความเป็นความตาย และก็เคยศึกษาความเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ ไม่ทราบว่าศิษย์น้องสนใจเข้าร่วมกับพวกข้าทั้งสองหรือไม่? หากพวกเราทั้งสามร่วมมือกันล่ะก็ สามารถท้าสู้มนุษย์ปีศาจที่มีรายชื่อในอันดับต้นๆ ได้” ชายหนุ่มผิวขาวกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“เรื่องนี้……ช่วงนี้ข้าน้อยวางแผนกักตัวในนิกายระยะหนึ่ง กะว่าจะไม่ออกไปรับภารกิจชั่วคราว” หลิ่วหมิงปฏิเสธอย่างนุ่มนวลโดยไม่ต้องคิด เพราะขณะนี้แต้มคุณูปการเพียงพอแล้ว เขาย่อมไม่สนใจเรื่องราวที่ไม่สำคัญอีก
“เช่นนี้หรอกหรือ น่าเสียดายจริงๆ ผู้ที่มีรายชื่ออันดับร้อยกว่าๆ ในบัญชีความเป็นความตาย มีค่าหัวมากสุดแค่ไม่กี่พันแต้มคุณูปการเท่านั้น ที่คุ้มค่าสุดยังคงอยู่ในร้อยอันดับแรก” ชายผิวขาวเกลี้ยงเกลากล่าวอย่างเสียดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา