เมื่อหลงเหยียนเฟยฟังจบ กลับเผยสีหน้าราวกับคิดอะไรอยู่ ไม่นานนางก็ค่อยๆ กล่าวออกมา
“หลายพันปีมานี้ ตระกูลของข้าตามหาเบาะแสของบรรพบุรุษมาโดยตลอด วันนี้ต้องขอบคุณศิษย์น้องที่บอกให้รู้ นับว่าได้เติมเต็มความปารถนาของคนในตระกูลแล้ว”
“ศิษย์พี่พูดอะไรกัน ผู้อาวุโสลิ่วยินมีบุญคุณต่อข้า จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ” หลิ่วหมิงรีบตอบกลับไปตามมารยาท
“ศิษย์น้องหลิ่วเป็นศิษย์ของบรรพบุรุษข้า ไม่ทราบว่าพอจะสะดวกไปหุบเขาน้ำพุเงินกับข้าสักคราหรือไม่? หลังจากท่านย่ารู้เรื่องบรรพบุรุษแล้ว ก็อยากจะพบหน้าศิษย์น้องด้วย” หญิงสาวคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย
“ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ข้าน้อยเพิ่งเข้านิกายมาไม่นาน และตอนนี้ต้องจัดการเรื่องราวบางอย่างเล็กน้อย ไม่สู้รอผ่านไปซักระยะ ข้าน้อยจะไปเยี่ยมเยียนเองดีหรือไม่” หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านในใจ แต่กลับกล่าวด้วยสีหน้าปกติ
“ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นรอผ่านไปสักระยะหนึ่ง แล้วข้าค่อยมาเยี่ยมเยียนก็แล้วกัน” หลงเหยียนเฟยได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มพราย
หลิ่วหมิงย่อมได้แต่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น
หลังจากทั้งสองสนทนากันอีกสองสามประโยคแล้ว หลงเหยียนเฟยก็ขี่เมฆขาวเหาะจากไป
พอหญิงสาวผู้นี้ไปไกลแล้ว หลิ่วหมิงถึงรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง พอกลับเข้าไปในถ้ำ เขาก็เดินวนไปวนมาในห้องนอน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ถึงถอนหายใจออกมา และล้มตัวนอนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เช้าวันที่สาม หลิ่วหมิงถึงตื่นขึ้นมาด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม
เวลาต่อมา เขาไปตลาดที่อยู่ในนิกายรอบหนึ่ง เมื่อซื้อยันต์กับโอสถที่จำเป็นต้องใช้ในการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬแล้ว ก็รีบกลับไปกักตัวฝึกฝนอยู่ในห้องลับ
ในเมื่อตอนนี้เขาหลอมตัวอ่อนกระบี่เขาพระสุเมรุสำเร็จแล้ว สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือพยายามฝึกฝนพลังเวทของตนเองให้แข็งแกร่ง
อย่างที่รู้ว่า ตอนนี้อยู่ห่างจากเวลาที่ฟองอากาศลึกลับในร่างจะดูดกลืนพลังเวทไม่มากแล้ว
แต่ทว่าในขณะที่หลิ่วหมิงกักตัวฝึกฝนนั้น ในบรรดาศิษย์สายนอกกลับแพร่กระจายข่าวลือบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา
ภายในหอลี้ลับนอก
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี ศิษย์จำนวนมากจับกลุ่มรวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้ พวกเขากำลังเลือกภารกิจบนป้ายประกาศนอก เพื่อการฝึกฝนในภายหน้า จึงต้องสะสมแต้มคุณูปการอย่างยากลำบาก
“ศิษย์พี่จาง ท่านได้ยินข่าวลือที่ทุกคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันในช่วงนี้หรือไม่?” ศิษย์ธรรมดาที่มีหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง กระซิบถามสหายที่อยู่ข้างๆ
“ที่เจ้าพูดคือเรื่องใด?” ศิษย์พี่จางกล่าวโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากป้ายประกาศลี้ลับ
“ท่านไม่รู้หรอกหรือ? ทารกเทียนฉานแห่งลัทธิเสวียนหมู่ ที่มีรายชื่อติดอันดับที่หนึ่งร้อยกว่าในบัญชีความเป็นความตาย ถูกคนจัดการไปแล้ว ว่ากันว่าผู้ที่สังหารเขาเป็นแค่ศิษย์สายนอกที่เพิ่งเข้ามาใหม่” ชายหน้าตาอัปลักษณ์หัวเราะแล้วกล่าวออกมา
“ทารกเทียนฉาน? มีคนฆ่าเขาได้จริงๆ หรือ?” ประจักษ์ชัดว่าศิษย์พี่จางรู้จักทารกเทียนฉาน ในที่สุดเขาก็ละสายตาออกจากป้ายประกาศลี้ลับแล้วกล่าวออกมา
“เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ข้าได้ยินมาจากศิษย์พี่เยี่ยน ในขณะที่ข้าไปทำภารกิจที่เขาที่เขาหนานผานเมื่อวานนี้ ศิษย์พี่เยี่ยน ศิษย์พี่เสวี่ย และศิษย์สายนอกที่เพิ่งเข้ามาใหม่อีกสามคน ไปล่าปีศาจอสูรที่เทือกเขาตะวันมืดด้วยกัน และบังเอิญเจอกับทารกเทียนฉานเข้า หลังผ่านการต่อสู้ไปหนึ่งรอบ พวกศิษย์พี่เยี่ยนก็ไม่สามารถสู้ได้ และคนของพวกเขาก็เสียชีวิตในเงื้อมมือของมนุษย์ปีศาจนี้ไปสามคน” ชายหน้าตาอัปลักษณ์เห็นว่าฝ่ายตรงหน้าให้ความสนใจ เขาจึงพูดคุยโวออกมา
“รีบเล่ามา ตอนท้ายเป็นอย่างไรบ้าง?” ศิษย์พี่จางยังไม่ทันได้ถาม อีกคนที่อยู่ด้านข้างก็ถามด้วยความอยากรู้ คนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินเช่นนี้ ต่างก็กรูกันเข้ามา
ชายหน้าตาอัปลักษณ์เห็นคนจำนวนมากมองเขาเช่นนี้ เขาก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา หลังจากกระแอมไอแล้ว จึงเล่าด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
“พูดถึงสถานการณ์ในวันนั้นแล้ว ช่างอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ศิษย์พี่เยี่ยนกับศิษย์พี่เสวี่ยไร้ทางหนีทีไล่นั้น พลันมีเสียงตะโกนดังออกมา จากนั้นชายหนุ่มสวมชุดศิษย์สายนอกผู้หนึ่ง ก็พุ่งเข้ามาราวกับพายุ และปล่อยอาวุธจิตวิญญาณที่มีแสงสีทองออกมาชิ้นหนึ่ง……ส่วนจะเป็นอาวุธอะไรนั้น ศิษย์พี่เยี่ยนก็เห็นไม่ค่อยชัด……แต่ทว่าเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ทารกเทียนฉานผู้นั้นก็ถูกฟันเป็นเจ็ดแปดชิ้น โดยไม่มีแรงตอบโต้เลยแม้แต่น้อย……”
ชายหน้าอัปลักษณ์พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ราวกับว่าเขาเป็นคนลงมือเอง แต่ผู้คนรอบด้านดูเหมือนจะไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าอวี๋ เจ้านี่พูดเลยเถิดไปหน่อยมั้ง ไปฟังละครเพลงมาล่ะสิ?”
“นั่นน่ะสิ ทารกเทียนฉานผู้นั้นเจ้าเล่ห์กลับกลอกแค่ไหน แม้แต่ศิษย์พี่โจว ศิษย์สายนอกที่ถูกจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรก ยังเคยตามหาร่องรอยของเขาตั้งหลายเดือน แต่ก็ยังหาไม่เจอเลย”
“ใช่แล้ว! เขาจะเสียชีวิตง่ายๆ ได้อย่างไร ทั้งยังเป็นศิษย์สายนอกที่เพิ่งเข้ามาใหม่เป็นคนลงมือด้วย……”
“ที่ข้าพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงทุกประการ หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามศิษย์พี่เยี่ยนได้” ชายหน้าตาอัปลักษณ์เถียงจนหน้าดำหน้าแดง
ศิษย์ธรรมดาคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้น ย่อมสงสัยในคำพูดของเขา
ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำที่พักแห่งหนึ่ง ชายสามคนที่สวมชุดศิษย์สายนอก กำลังนั่งจิบชาพูดคุยกันอยู่
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลักดูเป็นคนที่มีอายุน้อยสุด ปลายคิ้วงอนไปถึงจอนผม ดวงตาคมกริบ หากมีศิษย์สายนอกคนอื่นๆ อยู่ในนั้น ก็จะรู้ว่าคนผู้นี้ก็คือหวังเทียนเหิง ที่จัดอยู่ในอันดับที่สิบของการประลองใหญ่ในรอบที่แล้ว
“ศิษย์พี่หวัง ว่ากันว่าทารกเทียนฉานที่มีชื่อในบัญชีความเป็นความตายมานานสิบกว่าปี ถูกสังหารไปแล้ว” ชายร่างบึกบึนที่นั่งอยู่ตรงข้ามหวังเทียนเหิงกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา