แม้ว่าเสียงแหลมที่พวกมันเปล่งออกมา จะทำให้จิตสับสน แต่ภายใต้สถานการณ์ที่เขาคิดหาวิธีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว ย่อมไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
หลิ่วหมิงตวัดกระบี่เล็กสีฟ้าออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นแสงกระบี่สีฟ้าก็พุ่งยิงออกไป และโจมตีลงบนแสงหลบหลีกสีแดง
“ตู๊ม!”
มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังออกมาจากแสงไฟ เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงระเบิดออกมาทันที มันผลักแสงกระบี่จนเบี่ยงเบนไปเล็กน้อย
จากนั้นก็มีแสงเปล่งประกายท่ามกลางเปลวไฟ อัคคีจิตวิญญาณที่รวมตัวกันแล้วได้กลายร่างเป็นวิหคเพลิงแปลกประหลาดตัวหนึ่ง พอมันแหงนคอส่งเสียงร้องยาวและกระพือปีกทั้งคู่ มันก็กลายเป็นลูกเปลวไฟที่มีความเร็วมากกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่า พอกระพริบแค่ทีเดียว ก็พุ่งออกไปไกลถึงขีดสุด และกลายเป็นจุดแสงก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“คิดไม่ถึงว่าจะรู้วิชาแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย หากจะตามพวกมันให้ทันคงต้องใช้ลูกไม้ไม่น้อย” หลิ่วหมิงโบกมือเรียกกระบี่บินกลับมาด้วยสีหน้าอึมครึม ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
และขณะที่อัคคีจิตวิญญาณหนีไป ฝูงลิงทโมนเพลิงที่ถูกปิดล้อมอยู่ก็โจมตีทรายทองคำอยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงปล่อยพลังเวทใส่ทันที ม่านทรายบีบรัดแน่นอีกครั้ง และมีแท่งแหลมๆ ยื่นออกมาด้านใน พอมันหมุนวนเล็กน้อย ลิงทโมนเพลิงทั้งหมดก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ
จากนั้นทรายทองคำร่วงก็กลายเป็นแสงสีทอง พุ่งกลับเข้าไปในแขนเสื้อ
หลิ่วหมิงปล่อยพลังจิตออกไป พอมั่นใจว่าไม่มีศัตรูอยู่บริเวณใกล้ๆ แล้ว เขาก็เก็บชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ของซากศพเหล่านี้ไปจำนวนหนึ่ง และหยิบแผนที่ออกมาสำรวจดูอีกครั้ง
ตลอดทางที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เขาใกล้จะออกไปจากเขตเขาลูกเล็กๆ ที่ทอดติดต่อกันยาวเหยียดแล้ว และหลังจากเหาะไปทางเหนืออีกชั่วระยะหนึ่ง ก็คงจะถึงเขตภูเขาไฟที่มีอัคคีจิตวิญญาณปรากฏตัวถี่ๆ แล้ว
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็เก็บแผนที่เข้าไปในฉับพลัน
เขาทำท่ามือด้วยมือเดียวแล้วพุ่งขึ้นฟ้า และหมุนตัวเหาะไปยังทิศทางที่จากมา
……
ห่างออกไปหลายสิบลี้ มีแสงไฟเปล่งประกายเหนือป่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง อัคคีจิตวิญญาณสองตัวที่หนีหลิ่วหมิงมาในก่อนหน้านั้นได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง และค่อยๆ ร่อนลงไปยังพื้นดินสีแดงด้านล่าง
ดูเหมือนว่าอัคคีจิตวิญญาณหนึ่งในนั้น จะมีขนาดแค่ครึ่งหนึ่งของอีกตัวเท่านั้น เปลวไฟบนตัวก็มืดลงจนถึงขีดสุด ประจักษ์ชัดว่าถูกแสงกระบี่ในก่อนหน้านั้นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
ส่วนอีกตัวที่ไม่ได้รีบบาดเจ็บกลับสังเกตดูรอบด้านทีหนึ่ง จากนั้นก็แผดเสียงยาวออกมา
ผ่านไปไม่นาน แสงไฟจำนวนมากก็พุ่งเข้ามารวมตัวกันจากทั่วสารทิศ พวกมันก็คืออัคคีจิตวิญญาณแปดตัวที่มีรูปร่างคล้ายกับสองตัวในก่อนหน้านั้นไม่มีผิด
อัคคีจิตวิญญาณตัวที่แผดเสียงออกมานั้น โบกแขนและส่งเสียงแปลกๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ส่วนอัคคีจิตวิญญาณที่เพิ่งมาถึง ก็แสดงออกถึงการฟังอย่างตั้งใจ และส่งเสียงแปลกๆ เช่นนี้เป็นครั้งคราว
ผ่านไปซักพัก อัคคีจิตวิญญาณเหล่านี้ก็กลายเป็นแสงไฟพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง ทิศทางที่ไปก็คือตำแหน่งที่หลิ่วหมิงอยู่นั่นเอง
……
เขตพื้นที่อีกแห่งหนึ่งของแดนอบอ้าว
ที่นี่เป็นทะเลทรายสีแดงที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ลมแรงพัดคลื่นความร้อนเป็นครั้งคราว ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ไกลๆ ดูบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย
ข้างเนินทรายลูกหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย ชายหนุ่มกับหญิงสาวนางหนึ่งกำลังยืนหันหลังพิงกัน ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ พวกเขากำลังโบกสะบัดอาวุธในมืออย่างสุดชีวิต
และรอบๆ ตัวของทั้งสอง มีมดสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือจำนวนมาก กำลังทะลักเข้าใส่ราวกับกระแสน้ำอันบ้าคลั่ง และดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น
ชายหนุ่มกำลังถือธงค่ายกลสีแดงขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ภายใต้การโบกสะบัดอย่างสุดชีวิต คลื่นอัคคีที่สูงจั้งกว่าๆ ก็ม้วนตัวออกไป จากนั้นก็ร่วงลงท่ามกลางฝูงหมดและทำการเผาไหม้ในทันที และพายุร้อนที่ม้วนตัวขึ้นมา ก็พัดฝูงมดบริเวณนั้นจนกระเด็นออกไป
แต่ทว่าใบหน้าของชายหนุ่มกลับไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย จะเห็นว่าพอมดที่อยู่ท่ามกลางคลื่นอัคคีกระเด็นออกไปแล้ว มันก็พลิกตัวพุ่งเข้ามาใหม่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และหญิงสาวที่อยู่ข้างหลัง ก็กำลังโบกสะบัดแถบผ้าสีเหลืองเส้นหนึ่งอยู่ พอมันม้วนตัวออกไป ก็ก่อเกิดคมวายุตัดเอวของมดสิบกว่าตัวจนขาด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมดตรงหน้าที่เหมือนจะไม่มีวันหมดนี้ มดแค่สิบกว่าตัวกลับไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึง นางยิ่งดูหน้าเสียมากขึ้นเรื่อยๆ และพยายามกระตุ้นพลังเวททั้งหมดใส่เข้าไปในแถบผ้า จนก่อตัวเป็นพายุบ้าระห่ำกีดขวางอยู่ตรงหน้า จึงพอที่จะต้านทานการโจมตีของมดฝูงนี้ไว้ได้
“ศิษย์พี่จิน มดสีแดงเหล่านี้มีจำนวนมากเกินไป พวกเราใกล้จะต้านทานไม่ไหวแล้ว ทำอย่างไรดี?” หญิงสาวถามอย่างร้อนรน
ชายหนุ่มเองก็มีสีหน้าดูไม่ได้อย่างถึงขีดสุด และเขาก็ไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาวแต่อย่างใด เพียงแค่พยายามโบกสะบัดธงของตนเอง เพื่อทำให้มดที่อยู่บริเวณใกล้ๆ กระเด็นออกไปเท่านั้น
พอเห็นชายหนุ่มไม่พูดอะไรออกมา นางก็ดูหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม
“หากไม่ไหวจริงๆ พวกเราเหาะขึ้นฟ้ากันเถอะ! แม้มดเหล่านี้จะบินได้ แต่คงไม่สามารถบินได้สูงมากนัก!” หญิงสาวกัดฟันกล่าวออกมาอีกครั้ง
“ไม่ได้! บนอากาศยังมี……” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ แต่เขายังกล่าวไม่จบก็มีแสงไฟเปล่งประกายบนอากาศ อัคคีจิตวิญญาณสูงจั้งกว่าๆ สี่ตัวปรากฏเหนือศีรษะของทั้งสอง และมันก็อ้าปากเปล่งเสียงแหลมแสบแก้วหูออกมา
เสียงแหลมดังเข้าหูทั้งสองติดต่อกัน ภายใต้สถานการณ์ที่หญิงสาวไม่ทันได้ป้องกัน นางก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา ร่างกายก็แข็งทื่อราวกับหยุดการเคลื่อนไหว พายุบ้าระห่ำที่ก่อตัวขึ้นจากการม้วนตัวของแถบผ้า เผยช่องโหว่ขนาดใหญ่ออกมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา