ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 498

สรุปบท ตอนที่ 498: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 498 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 498 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 498
ตอนที่ 498 ราชาอัคคีจิตวิญญาณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะนี้ อัคคีจิตวิญญาณยักษ์ยังคงถูกเถาวัลย์หมอกสีม่วงควบคุมไว้ จึงไม่อาจขยับตัวได้ ภายใต้สถานการณ์ผลุนผลันเช่นนี้ มันได้แต่อ้าปากพ่นระลอกคลื่นเปลวไฟออกมา และก่อตัวเป็นเกราะป้องกันอยู่เหนือศีรษะ

“ตู๊ม!”

พอเงาเขากระบี่สีฟ้าปะทะกับเกราะเปลวไฟ ปราณกระบี่สีฟ้าจำนวนมากก็ระเบิดออกมา

เกราะป้องกันคุ้มกันได้พริบตาเดียว มันก็ระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ สะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทิศ

พอจั้งเสวียนเห็นเช่นนี้ ดวงตาสีม่วงก็เป็นประกาย จากนั้นก็ตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ออกมา

มีเสียงอู้อี้ดังมาจากร่างอัคคีจิตวิญญาณยักษ์อยู่หลายครั้ง เถาวัลย์สีม่วงจำนวนมากระเบิดตัวเป็นหมอกสีม่วงพร้อมกัน

เกิดเสียงดังบนผิวอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ “ฟู่ๆ!” แสงไฟสีแดงมืดลงไปไม่น้อย มันรีบโบกสะบัดแขนทั้งสอง และคำรามด้วยความโมโห จากนั้นก็อ้าปากพ่นเปลวไฟสีเลือดเผาไหม้ไอหมอกสีม่วง

แต่ขณะนั้นเอง เขากระบี่สีฟ้าก็ร่วงลงมาด้วยอานุภาพอันรุนแรง

แม้อัคคีจิตวิญญาณยักษ์จะพยายามสลัดไอหมอกสีม่วงจนเหมือนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย และกระโดดไปออกด้านข้างแล้วก็ตาม แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว เงาเขากระบี่สีฟ้าปกคลุมลงมา พริบตาเดียวก็เป็นแสงกระบี่อันครั่นคร้ามฟาดฟันลงมา

มีเสียงร้องแหลมดังขึ้น!

พริบตาที่แสงกระบี่เข้าใกล้อัคคีจิตวิญญาณยักษ์ มันย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงได้ จึงต้องชิงระเบิดตัวกลายเป็นเปลวไฟอันคุโชนออกมาก่อน

แต่ทว่าแสงกระบี่จำนวนมากกลับม้วนตัวประสานกันไปมาท่ามกลางเปลวไฟ ทำให้เปลวไฟกว่าครึ่งหนึ่งดับลง

เมื่อแสงกระบี่สลายไปหมดแล้ว เปลวไฟสีแดงเข้มก็ก่อตัวกัน และอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง

แต่บนตัวของมันในขณะนี้ล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล เปลวไฟที่พุ่งออกมาก็มืดลงกว่าก่อนหน้านั้นมาก เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาทั้งคู่ลง กระบี่เล็กสีฟ้าในมือส่งเสียงดังกังวาน และเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้าภายในพริบตา

จั้งเสวียนที่อยู่อีกด้านเห็นอัคคีจิตวิญญาณยักษ์มีสภาพเช่นนี้ เขาก็ทำท่ามือด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมวิธีการร้ายกาจบางอย่างเอาไว้แล้ว เพื่อที่จะได้สังหารอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ตรงหน้าให้สิ้นซากภายในอึดใจเดียว

แต่ขณะนั้นเอง ดวงตาทั้งคู่ของอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ก็เผยแววดุร้าย และแหงนหน้าแผดเสียงยาวออกมาในฉับพลัน จากนั้นก็ปล่อยกำปั้นออกไปสองสามลูก แต่เป้าหมายกลับไม่ใช่หลิ่วหมิงกับจั้งเสวียน แต่กลับเป็นชิ้นส่วนเสาผลึกที่อยู่ในหลุมยักษ์

“เพล้ง!” “เพล้ง!” ไม่รู้ว่ามีความลี้ลับมหัศจรรย์อะไรอยู่ในกำปั้นทั้งสอง ชิ้นส่วนเสาผลึกที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แตกละเอียดภายในพริบตา และมีแสงสีแสดงที่ดูคล้ายหมอกเมฆปรากฏออกมาในฉับพลัน จากนั้นก็พุ่งเข้าหาอัคคีจิตวิญญาณยักษ์อย่างบ้าคลั่ง

“แย่แล้ว! รีบลงมือ!”

หลิ่วหมิงเป็นคนระดับไหน แม้จะไม่รู้ว่าอัคคีจิตวิญญาณยักษ์กำลังทำอะไร แต่พอเห็นฉากเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่า ไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จได้ หลังจากตะโกนบอกจั้งเสวียนแล้ว กระบี่เล็กสีฟ้าในมือก็กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้าแวววาวที่ยาวแปดเก้าจั้ง และม้วนตัวออกไป

จั้งเสวียนเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา จากนั้นก็ชี้มือไปทางอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ในฉับพลัน

“ฟู่!”

มีคลื่นสั่นสะเทือนเหนือศีรษะอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ หัวปีศาจสีม่วงปรากฏออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้กลายเป็นเถาวัลย์หมอกสีม่วง แต่กลับอ้าปากด้วยสีหน้าดุร้าย จนเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคมเต็มปาก และงับไปทางไปหัวของอัคคีจิตวิญญาณยักษ์อย่างโหดเหี้ยม

“ฉับ!”

หัวปีศาจงับหัวเกือบครึ่งหนึ่งของอัคคีจิตวิญญาณยักษ์จนหลุดออกมา

จากนั้นสายรุ้งสีฟ้าเจิดจ้าก็ม้วนตัวผ่านไป ทำให้ไหล่เกือบครึ่งหนึ่งของมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของทั้งสอง อัคคีจิตวิญญาณยักษ์กลับไม่คิดจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย แต่ครู่ต่อมา แสงสีแดงก็พุ่งเข้าใส่บาดแผลบนไหล่อย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวหัวและไหล่ของมันก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ขณะเดียวกัน แสงสีแดงอันน่ากลัวก็พุ่งออกจากร่างของมัน

ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าปีศาจสีม่วงกลางอากาศ หรือว่าสายรุ้งสีฟ้าแวววาวที่หมุนวนอยู่บริเวณนั้น ต่างก็ถูกแสงสีแดงผลักกระเด็นออกไป

หน้าปีศาจสีม่วงร้องโหยหวนท่ามกลางแสงสีแดง จากนั้นก็สลายตัวไป

ร่างของจั้งเสวียนโงนเงนทีหนึ่ง และกระอักเลือดออกมา ขณะเดียวกัน ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวจนถึงขีดสุด

ประจักษ์ชัดว่าความเสียหายของหัวปีศาจสีม่วง ทำให้จิตของเขาที่เชื่อมต่ออยู่ก็ถูกโจมตีไปด้วย

และอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ที่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแล้ว ก็โบกแขนทั้งสอง และอ้าปากออกมาทันที มันดูดเอาแสงสีแดงในหลุมยักษ์เข้าไปจนหมด จากนั้นก็มีเสียงราวกับจุดประทัดดังออกจากร่างของมัน พริบตาเดียว ก็เกาะผลึกขนาดเท่าเม็ดถั่วตามข้อต่อทั่วร่างกายจำนวนแปดเม็ด แต่ละเม็ดต่างก็มีสีแดงราวกับเลือด มีลวดลายจำนวนมากเปล่งประกายอยู่บนพื้นผิว และแผ่กลิ่นไอบริสุทธิ์ออกมา”

“เกาะผลึกพลังเวท?”

พอจั้งเสวียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กลับหลุดปากออกมา แม้แต่เลือดตรงมุมปากก็ไม่สนใจเช็ด ใบหน้าแสดงความหวาดผวาออกมาเป็นครั้งแรก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา

ระดับผลึกที่กล่าวถึง เดิมทีเป็นเขตแดนที่ฝึกฝนจนถึงระดับที่แน่นอน จนทะเลจิตวิญญาณไม่สามารถรองรับพลังต้นกำเนิดที่เป็นของเหลวได้อีก ถึงได้เกาะตัวสู่สถานะของเม็ดผลึก และรูปร่างของเม็ดผลึกที่ปรากฏบนร่างอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ เหมือนกับการเกาะผลึกของพลังเวทตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไม่มีผิด

ศิษย์สายนอกอีกคนเห็นเช่นนี้ ก็ร้องด้วยความตกใจ และไม่อาจสนใจอัคคีจิตวิญญาณตรงหน้าได้ เขาขยี้ยันต์สีเขียวผืนหนึ่งจนแหลกละเอียดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็เปล่งประกายออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลูกแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งไปทางหลิ่วหมิงทั้งสอง

เขารู้ดีว่า การหนีไปอยู่ข้างๆ ผู้แข็งแกร่งทั้งสอง เป็นวิธีการเดียวที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้

แต่ขณะนั้นเอง คมดาบสีขาวเล่มหนึ่งก็พุ่งมาทิศทางที่เขาหลบหนี “ฟิ้ว!” ลูกแสงกลมๆ กับร่างของชายผู้นี้ถูกฟันเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย และระเบิดออกมาเป็นจุดแสงในทันที

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเขียวปัดขึ้นมา

จั้งเสวียนเองก็มีสีหน้าหวาดผวามาก

ราชาอัคคีจิตวิญญาณตัวนี้ สังหารศิษย์ร่วมนิกายสองคนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ซึ่งทั้งสองเข้าช่วยไม่ทันเลยแม้แต่น้อย

ทั้งสองสบตากันทันที พวกเขาย่อมรู้ดีว่าไม่อาจหลักเลี่ยงศึกหนักที่จะมาถึงนี้ได้

หลังจากอัคคีจิตวิญญาณยักษ์แผดเสียงยาวออกมา อัคคีจิตวิญญาณหกตัวตรงหน้าก็พากันระเบิดตัวกลายเป็นเมฆอัคคีสีแดงหลายสิบกลุ่ม จากนั้นก็พวยพุ่งหายเข้าไปในร่างของอัคคีจิตวิญญาณยักษ์

ขณะที่เมฆอัคคีแต่ละกลุ่มจมหายเข้าไป เปลวไฟสีขาวบนตัวราชาอัคคีจิตวิญญาณ ก็แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย พอเมฆอัคคีจมหายเข้าทั้งหมด กลิ่นไอของมันก็แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นไม่น้อย

หลิ่วหมิงสูดหายใจด้วยความเย็นสะท้าน ทันใดนั้น เขาก็ทำท่ามืออย่างไม่ลังเล เม็ดทรายสีทองตรงหน้าหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง และก่อตัวเป็นม่านทรายจางๆ ปกป้องร่างเขาไว้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน กระบี่เล็กสีฟ้าก็หลุดออกจากมือ และขยายใหญ่ตามแรงลมจนกลายเป็นเงากระบี่สีฟ้าที่ยาวหลายจั้ง มีลวดลายเปล่งประกายอยู่บนพื้นผิว และแผ่แสงเย็นสะท้านอันน่าครั่นคร้ามออกมา

แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายในดวงตาของเขา มือข้างหนึ่งชี้ไปทางอากาศ กระบี่ยักษ์กลางอากาศค่อยๆ สั่นสะท้าน ลวดลายบนพื้นผิวเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้ายาวสิบกว่าจั้ง พอมีเสียงดังกังวานออกมา มันก็พุ่งไปฟันราชาอัคคีจิตวิญญาณ

จั้งเสวียนก็โบกแขนเสื้อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่มเล็กสีเขียวคันหนึ่งพุ่งยิงออกไป หลังจากหมุนติ้วๆ กลางอากาศแล้ว มันก็กลายเป็นร่มยักษ์ที่มีขนาดจั้งกว่าๆ

แสงสีเขียวจางๆ เปล่งประกายอยู่บนผิวร่มยักษ์ จากนั้นก็กลายเป็นม่านแสงสีเขียวปกคลุมร่างทั้งหมดของเขาไว้

ขณะเดียวกัน เขาก็อ้าปากพ่นมีดบินสีม่วงออกมาหกเล่ม พอขยายใหญ่ตามแรงลม ก็กลายเป็นคมมีดยักษ์ที่ยาวสี่ห้าจั้ง และเรียงตัวอยู่กลางอากาศ ทั้งยังส่งเสียง “หวึ่งๆ!” อยู่ไม่หยุด

“ไป!”

พอจั้งเสวียนตะคอกออกมา คมมีดทั้งหกก็สั่นไหวกลายเป็นแสงสีม่วงเจ็ดลำพุ่งไปหาราชาอัคคีจิตวิญญาณ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา