ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 497

สรุปบท ตอนที่ 497: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 497 – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 497 ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 497 แอบจู่โจม
ตอนที่ 497 แอบจู่โจม
โดย
Ink Stone_Fantasy
อัคคีจิตวิญญาณสามตัวที่เหลือต่างก็กระโดดขึ้นมาด้วยความตกใจ และพุ่งเข้าใส่พวกเขา

“พี่จั้ง อัคคีจิตวิญญาณเหล่านี้มอบให้ข้า ส่วนพวกท่านไปทำลายเสาผลึกเถอะ!” หลิ่วหมิงเรียกกระบี่บินกลับมา และส่งเสียงออกไป พอยกแขนทั้งสองขึ้น สายรุ้งสีฟ้ากับจุดแสงสีทองก็พุ่งออกมาทันที พริบตาเดียว ก็กลายเป็นเงากระบี่จำนวนมากกับหมอกทรายสีทองขนาดใหญ่ และม้วนอัคคีจิตวิญญาณทั้งสามไว้ด้านใน

จั้งเสวียนพยักหน้า และพาศิษย์สายนอกทั้งสองตรงไปที่เสาผลึกยักษ์

มีเสียงคำรามดังออกมา!

ลวดลายมีเหลืองเปล่งประกายอยู่บนแขนทั้งสองของจั้งเสวียน พริบตาเดียวมันก็ขยายใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า จากนั้นก็ตบลงพื้นอย่างรุนแรง

พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นมา หลังจากมีเศษหินกระเด็นออกไป มือยักษ์สีเหลืองสูงสิบกว่าจั้งที่ก่อตัวจากหินทรายก็ปรากฏออกมา และกำหมัดอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ทุบใส่เสาผลึกอย่างบ้าคลั่ง

มีเสียงฟ้าถล่มดินทลายดังเข้ามา

เสาผลึกถูกดินสีเหลืองปกคลุมไว้รอบด้าน ทำให้หลุมยักษ์สั่นสะเทือน

ศิษย์สองคนที่อยู่ข้างๆ จั้งเสวียน คนหนึ่งโยนแท่งเหล็กสีดำออกไป อีกคนก็ปล่อยดาบบินสีเขียวออกมา อันหนึ่งกลายเป็นแสงสีดำ อีกอันกลายเป็นแสงสีเขียว และพุ่งเข้าไปโจมตี

แสงสีแดงเปล่งประกายบนเสาผลึกยักษ์อย่างบ้าคลั่ง ไม่นานก็มีเสียงแตกร้าวดังขึ้นมาจากโคนเสาท่ามกลางการโจมตีราวกับสายฝนกระหน่ำ

เสาผลึกขนาดใหญ่โงนเงนสองสามที ก็ล้มลงบนพื้นด้านหนึ่งอย่างรุนแรง และแตกกระจายเป็นชิ้นๆ

แสงสีแดงจำนวนมากพุ่งออกมาจากรอยขาด และจมหายไปในเมฆอัคคีอย่างไร้ร่องรอย

จากนั้นจั้งเสวียนและคนอีกสองคน ก็โจมตีอัคคีจิตวิญญาณที่ถูกหลิ่วหมิงปิดล้อมอยู่อย่างไม่ลังเล

ทางด้านหลิ่วหมิงก็กระตุ้นทรายทองคำร่วงกับวิชาขี่กระบี่อย่างบ้าคลั่ง

ไม่นาน พวกเขาทั้งสี่ก็รวมพลังกันสังหารอัคคีจิตวิญญาณทั้งสามจนสำเร็จ

“หากที่เฉินเติงคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ไม่นานอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ตัวนั้นก็จะกลับมาถึงหลุม พวกเราไปซ่อนตัวกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หลิ่วหมิงเก็บอาวุธจิตวิญญาณ และกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

จั้งเสวียนและคนอีกสองคนก็พยักหน้า และหาสถานที่เร้นลับท่ามกลางหมอกอัคคี จากนั้นก็ใช้ผ้าดิ้นสีม่วงปิดบังกลิ่นไอของพวกเขาไว้อีกครั้ง

……

ห่างจากนอกหุบเขาไปไม่ไกล ภายใต้การควบคุมฝูงอสูรเพลิงหลายร้อยตัวของอัคคีจิตวิญญาณสิบกว่าตัว พวกมันกำลังล้อมรอบค่ายกลผลึกน้ำแข็งแวววาวคล้ายกับชามยักษ์ที่คว่ำอยู่อย่างแน่นหนา และโจมตีอย่างบ้าระห่ำ

ขณะที่มีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงบนผลึกน้ำแข็ง ลูกไฟแต่ลูกก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ทำให้อากาศบริเวณนั้นเสียงเสียงดังตูมตาม

และหลังจากที่ค่ายกลถูกโจมตีติดต่อกันหลายรอบ มันก็ค่อยๆ เกิดรอยร้าวขึ้นมา เป็นสัญญาณว่าเริ่มไม่มั่นคงแล้ว

เฉินเติงที่อยู่ในค่ายกลมีเหงื่อท่วมตัว เขากำลังอ้าปากค้างเพื่อหายใจ ด้านหนึ่งก็กำหินจิตวิญญาณระดับสูงเพื่อฟื้นฟูพลังเวทอย่างรวดเร็ว อีกด้านหนึ่งก็กระตุ้นแผ่นค่ายกลหยกเขียวรักษาเสถียรภาพของค่ายกลไว้

ขณะนี้ หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ เข้าไปในหลุมยักษ์ได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

ขณะเดียวกัน แสงไฟสี่ลำก็พุ่งออกจากหลุมยักษ์อย่างรวดเร็ว เมื่อมันพุ่งผ่านเหนือค่ายกลแล้ว ก็พุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง

หลังจากเฉินเติงขบคิดเล็กน้อย ก็รู้ว่าหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงหลุมใหญ่คงจะลงมือสำเร็จแล้ว เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

ทันนั้นมีเสียง “สวบสาบ!” ดังเข้ามาจากรอบด้าน

จากนั้นผลึกน้ำแข็งที่อยู่รอบด้านก็แตกกระจุยออกมา และค่อยๆ กลายเป็นผลึกน้ำแข็งสีขาวขนาดต่างๆ ก่อนที่จะร่วงลงมาราวกับฝนตก

ต่อมาก็มีแสงไฟเปล่งประกายรอบด้านและอสูรเพลิงจำนวนมากก็ทะลักเข้ามา

ในที่สุดค่ายกลนี้ก็ยืนหยัดได้แค่ครึ่งชั่วยามกว่าๆ เท่านั้น หลังจากนั้นก็พังทลายลง

ดูเหมือนเฉินเติงจะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว เขารีบเก็บแผ่นค่ายกลเข้าไป และกระโดดขึ้นบนรถเหาะที่เปล่งแสงแวววาว ก่อนที่ฝูงอสูรเพลิงจะปิดล้อมอย่างสมบูรณ์นั้น เขาก็พุ่งไปยังทิศทางที่กำหนดไว้ทันที

มีเสียงร้องแหลมดังขึ้นมาหลายครั้ง ฝูงอสูรเพลิงที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงคำราม และทะยานไล่ตามรถเหาะไป

…..

เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา มีเสียงแผดร้องดังขึ้นตรงปากทางเข้าหุบเขา อัคคีจิตวิญญาณยักษ์ที่มีเปลวไฟสีแดงเข้มเต็มตัว พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง และพุ่งตรงไปยังเสาผลึกที่พังทลายลงมาทันที

ด้านหลังของมันยังมีอัคคีจิตวิญญาณห้าหกตัวที่กลายเป็นแสงหลบหลีกสีแดงตามเข้ามา แต่เห็นได้ชัดว่าทิ้งระยะห่างจากอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ไปมาก

ท่ามกลางเมฆอัคคีที่อยู่บริเวณหลุมยักษ์ หลังจากหลิ่วหมิงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ขยับปากสองสามที

จั้งเสวียนและคนอีกสองคนก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

ในขณะนั้นเอง แสงสีแดงเข้มลำหนึ่งก็ปรากฏกลางอากาศพร้อมเสียงอันดัง

หลุมยักษ์สั่นไหวขึ้นมา อัคคีจิตวิญญาณยักษ์ที่มีขนาดสองจั้งปรากฏตัวตรงหน้าเสาผลึกที่แตกเป็นชิ้นๆ หลังจากกวาดสายตามองดูแล้ว เปลวไฟบนตัวก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง จากนั้นก็แหงนหน้าตะโกนออกมาด้วยความโมโหอย่างถึงขีดสุด

“นิกายยอดบริสุทธิ์ ฆ่า ฆ่า……”

หลังจากมีเสียงแปลกประหลาดดังออกมา อัคคีจิตวิญญาณยักษ์ก็ตัวกระโดดขึ้น ลูกตาสีขาวทั้งคู่หมุนติ้วๆ และกวาดดูรอบด้าน

“ลงมือ!”

ศิษย์สายนอกสองคนเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา หลังจากสบตาทันทีหนึ่งแล้ว ก็พุ่งไปหาอัคคีจิตวิญญาณอย่างว่านอนสอนง่าย

เกิดเสียงดังตูมตามขึ้นมาทันที

ศิษย์สายนอกสองคนกำลังต่อสู้กับอัคคีจิตวิญญาณเหล่านี้

พอหลิ่วหมิงเห็นว่ากระบี่บินไม่ได้ผล สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา จากนั้นก็กระตุ้นวงแหวนทองคำอย่างบ้าคลั่ง

จั้งเสวียนเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน

ขณะที่อัคคีจิตวิญญาณยักษ์เจ็บปวดจนสุดที่จะทนได้ มันกลับตะโกนออกมาในฉับพลัน และอ้าปากพ่นเปลวไฟสีแดงเลือดออกมาเป็นสายๆ โจมตีเถาวัลย์สีม่วง

ไม่รู้ว่าเปลวไฟสีแดงเลือดนี้มีที่มาอย่างไรกัน พอเถาวัลย์สีม่วงถูกเผาไหม้ มันก็สลายไปทันที

แม้ว่าวงแหวนทองคำจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งของอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ได้

เปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชนขึ้นมาบนตัวอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ แขนทั้งคู่โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งไม่กี่ที วงแหวนสีทองก็ถูกมันกางออกมา

จากนั้นมือเกรียมดำข้างหนึ่ง ก็เกือบจะคว้าวงแหวนทองคำไว้ได้

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาทั้งคู่ลง มือข้างหนึ่งชี้ไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และตะโกนคำว่า “สลาย” ออกมา

“ตู๊ม!”

วงแหวนทองคำระเบิดตัวออกมาก่อน และสลายตัวเป็นจุดแสงสีทองพุ่งกลับไปหาหลิ่วหมิง

อัคคีจิตวิญญาณยักษ์เห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที จากนั้นเปลวไฟสีเลือดก็ลุกไหม้ในลูกตาสีขาวทั้งสอง มือทั้งคู่กำหมัดไว้แน่น และแหงนหน้าแผดเสียงแหลมและเศร้ากำสรดออกมา จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปหาหลิ่วหมิงท่ามกลางเสียงดังโครมคราม

แต่ขณะนั้นเอง แสงสีม่วงก็เปล่งประกายในดวงตาของจั้งเสวียน หลังจากเขาทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว ก็มีคลื่นสั่นเหนือศีรษะอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ หัวปีศาจสีม่วงปรากฏออกมาอีกครั้ง และกลายเป็นเถาวัลย์หมอกสีม่วงพันอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ไว้ ทำให้ร่างขนาดมหึมาของมันหยุดชะงักลงทันที

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้ว่าไม่อาจพลาดโอกาสนี้ได้ พอคว้ามือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ กระบี่เล็กสีฟ้าก็ปรากฏออกมาจากนั้นก็สะบัดข้อมือ ปล่อยพลังเวททั้งหมดเข้าไปในกระบี่อย่างบ้าคลั่ง

เกิดเสียงดังก้องฟ้า!

เงากระบี่จำนวนมากทอประสานกันไปและพุ่งออกไปทันที พริบตาเดียวก็รวมตัวตัวกลางอากาศจนกลายเป็นเงาเขากระบี่ที่สูงเจ็ดแปดจั้ง จากนั้นก็พุ่งไปทางอัคคีจิตวิญญาณยักษ์ด้วยอานุภาพอันน่ากลัว

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา