ไอดำกลุ่มหนึ่งม้วนตัวเข้ามา และปะทะกับหอกยาวสีขาวอย่างรุนแรง
“เพล้ง!”
หอกเปลวไฟสีขาวสั่นสะท้าน และกระเด็นออกไป
มันคือกำปั้นที่หลิ่วหมิงชกผ่านอากาศเข้ามา จากนั้นก็กระโจนเข้าหาราชาอัคคีจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาพร่ามัวแค่ทีเดียว ก็มาอยู่ห่างจากมันไม่ถึงจั้งกว่าๆ
ราชาอัคคีจิตวิญญาณคำรามด้วยความโมโห และอ้าปากพ่นคลื่นอัคคีสีขาวออกมา
หลิ่วหมิงกระตุ้นเกล็ดสีแดงให้มาปรากฏบนแขนทั้งสองอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันมือทั้งสองต่างก็กำมุกพลังวารีไว้ พริบตาเดียวก็กลายเป็นเงากำปั้นจำนวนมาก
มีเสียงระเบิดดังออกมา!
ดูเหมือนเปลวไฟสีขาวจะถูกโจมตีจนสลายไป เงากำปั้นจำนวนมากทุบลงบนตัวราชาอัคคีจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ทำให้บาดแผลตรงท้องฉีกออกมา เผยให้เห็นแก่นบริสุทธิ์สีแดงที่เปล่งสีแดงอ่อนๆ อยู่ด้านใน
หลิ่วหมิงหดเงากำปั้นกลับมาด้วยตาที่เป็นประกาย ฝ่ามืออัปลักษณ์กางนิ้วทั้งห้า และคว้าไปที่ท้องของราชาอัคคีจิตวิญญาณอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
แต่ขณะนั้นเอง ราชาอัคคีจิตวิญญาณที่หายใจแผ่วๆ พลันระเบิดตัวออกมา “ตู๊ม!” จากนั้นก็กลายเป็นเปลวไฟสีขาวม้วนตัวออกไป
การระเบิดตัวในระยะใกล้เช่นนี้ หลิ่วหมิงคิดจะหลบหลีกก็คงเป็นไปไม่ได้ พอเปลวไฟสีขาวม้วนตัวขึ้นมา หลิ่วหมิงก็ถูกปกคลุมอยู่ในนั้นโดยสมบูรณ์
จั้งเสวียนที่อยู่ด้านหลังเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตกใจจนต้องหลุดเสียงร้องออกมา!
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดัง “ฟู่!”
กลุ่มแสงสีขาวพุ่งออกจากเปลวไฟสีขาว และพยายามพุ่งหนีไปยังปากทางเข้าหุบเขา
มีเงาร่างสีดำเกรียมอยู่ในม่านแสงสีขาว ซึ่งมันก็คือราชาอัคคีจิตวิญญาณนั่นเอง แต่ว่าร่างของมันเล็กลงกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่า กลิ่นไอก็อ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้นมาก พอมันเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่ที ก็หนีไปไกลเจ็ดสิบแปดสิบจั้งแล้ว
จั้งเสวียนที่เพิ่งได้สติกลับมา คิดจะไล่ตามก็ไม่ทันแล้ว
แต่ขณะนั้นเอง มีเสียงดังออกมาจากทะเลเพลิงสีขาวที่ยังเหลืออยู่ ไอดำกลุ่มหนึ่งไล่ตามออกไปอย่างรีบร้อน
ท่ามกลางไอดำ หลิ่วหมิงกำลังถือโล่กระดูกสีดำบังอยู่ตรงหน้า พื้นผิวของมันมีเงาหัวกระโหลกเก้าใบส่งเสียงอยู่ไม่หยุด ความเร็วของเขารวดเร็วมาก คิดไม่ถึงว่าจะเร็วกว่าราชาอัคคีจิตวิญญาณในตอนที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บเกือบครึ่งหนึ่ง ครู่เดียวก็ตามหลังของมันทัน
ราชาอัคคีจิตวิญญาณดูเหมือนจะรู้ตัวว่าหนีไม่รอด จึงหยุดชะงักแล้วหันหน้ามาทันที จากนั้นก็พ่นเปลวไฟโลหิตออกมากลุ่มหนึ่ง และกลายเป็นลูกไฟที่มีขนาดใหญ่ราวกับล้อรถ และกลิ้งไปด้านหลังทันที
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน แต่ก็ยกโล่เล็กในมือขึ้นมาโบกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมันก็ขยายใหญ่จั้งกว่าๆ ขณะเดียวกันหัวกะโหลกเก้าใบที่อยู่บนพื้นผิว ก็ขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า และอ้าปากออกมาพร้อม
“ฟู่!” “ฟู่!” “ฟู่!”
พริบตาที่ลูกไฟสีแดงสามลูกสัมผัสโดนเงากะโหลกทั้งเก้า มันก็ถูกดูดเข้าไปโดยที่ยังไม่ทันได้ระเบิดออกมา
“ฟู่!”
ร่างหลิ่วหมิงพร่ามัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าราชาอัคคีจิตวิญญาณที่มีสภาพอ่อนแอเป็นอย่างมาก พอแขนของเขาพร่ามัว ฝ่ามือข้างหนึ่งก็เจาะท้องของมัน และคว้าเอาแก่นบริสุทธิ์สีแดงออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ราชาอัคคีจิตวิญญาณร้องออกมาอย่างเวทนา หลังจากแก่นบริสุทธิ์หลุดออกจากตัว ร่างของมันก็ดับสลายไป ทิ้งไว้เพียงผลึกพลังเวทแปดเม็ดลอยอยู่กลางอากาศ
ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงถอนหายใจยาวออกมา และเก็บโล่กระโหลกเข้าไป จากนั้นก็คว้าเอาเม็ดผลึกทั้งแปดมาไว้บนมือ และหันตัวเหาะไปทางจั้งเสวียน และค่อยๆ ลอยลงในหลุมยักษ์
“ในที่สุดก็สังหารราชาอัคคีจิตวิญญาณได้ ครั้งนี้ต้องชื่นชมพี่หลิ่วที่มีพลังเหนือผู้อื่นแล้ว” จั้งเสวียนย่อมมองเห็นฉากที่หลิ่วหมิงสังหารราชาอัคคีจิตวิญญาณจากที่ไกลๆ แม้สีหน้าจะซีดขาวผิดปกติ แต่ก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นมาก
หลิ่วหมิงหัวเราะเหอะๆ! จากนั้นก็ยกมือเก็บทรายทองคำร่วงเข้าไป พอแบมือทั้งสองออก จะเห็นว่ามือข้างหนึ่งมีแก่นบริสุทธิ์วางอยู่หนึ่งเม็ด ส่วนอีกข้างก็มีผลึกพลังเวทวางอยู่แปดเม็ด และค่อยๆ กล่าวออกมา
“การสังหารราชาอัคคีจิตวิญญาณในครั้งนี้ ไม่อาจขาดพี่จั้งไปได้ ผลึกพลังเวททั้งแปดเม็ดนี้ เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการปรุงโอสถ และแก่นบริสุทธิ์ของราชาอัคคีจิตวิญญาณก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย มันเป็นสิ่งที่ใช้หลอมอาวุธจิตวิญญาณธาตุไฟระดับสุดยอด ทั้งสองมีมูลค่าพอๆ กัน พวกเราแบ่งกันคนละอย่าง พี่จั้งมีความเห็นว่าอย่างไร?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าเลือกแก่นบริสุทธิ์ราชาอัคคีจิตวิญญาณก็แล้วกัน!” หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้ว จั้งเสวียนก็เลือกแก่นบริสุทธิ์ในมือหลิ่วหมิงอย่างไม่เกรงใจ
หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย และโยนแก่นบริสุทธิ์ออกไป จากนั้นก็เก็บผลึกพลังเวทเข้าไปในหอยสังข์ย่อส่วน ผลึกพลังเวทเหล่านี้เป็นวัตถุดิบจำเป็นในการปรุงโอสถเพิ่มพลังเวทของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางกับขั้นปลาย แม้จะมีค่าไม่เท่าแก่นบริสุทธิ์ แต่สำหรับเขาในตอนนี้แล้ว มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็ปีติยินดีด้วยกันทั้งสิ้น หลังจากทานโอสถและพักผ่อนเล็กน้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไปยุ่งอยู่ในหลุมยักษ์
จั้งเสวียนเก็บผลึกหินธาตุไฟจำนวนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็พลิกฝ่ามือหยิบแผ่นค่ายกลรูปขนมเปียกปูนที่เปล่งแสงสีแดงจางๆ ออกมา และหาอะไรบางอย่างในหลุมยักษ์อยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงก็หยิบยันต์สีฟ้าออกมาผืนหนึ่ง หลังจากโยนออกไปกลางอากาศ มันก็กลายเป็นอักขระแสงสีฟ้าสองสามตัวหมุนวนรอบตัวไม่หยุด และเขาก็ทำท่ามือร่ายคาถาออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา