“เรื่องการทดสอบเบื้องต้นสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ในบรรดาศิษย์ใหม่ พวกเจ้าโดดเด่นที่สุด คิดว่าพวกเจ้าทั้งสองก็คงรู้ดี อีกสองปีก็จะเป็นการประลองใหญ่ที่สิบปีมีครั้ง พลังของพวกเจ้าทั้งสองไม่ธรรมดา หากภายในสองปีนี้ตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถได้อันดับที่ดีในการประลองใหญ่ หากเข้าสิบอันดับแรกได้ ไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลจากนิกายมากมาย ทั้งยังมีโอกาสเตะตาผู้อาวุโสในนิกาย และรับพวกเจ้าเป็นศิษย์สายในได้” เจียงจ้งเผยรอยยิ้มออกมา ขณะเดียวกันก็กล่าวกำชับทั้งสองไปด้วย
หลิ่วหมิงทั้งสองย่อมพยักหน้าตอบรับ
“เอาล่ะ! พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ!” เจียงจ้งพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็โบกมือไปทางทั้งสอง เพื่อบ่งบอกให้พวกเขาออกไปได้
หลังจากหลิ่วหมิงกับจั้งเสวียนกล่าวลาหัวหน้าสาขาแล้ว ก็หมุนตัวไปจากวิหารใหญ่ของสาขาห่านฟ้าทันที จากนั้นก็ทักทายปราศรัยกันตรงหน้าประตูสองสามประโยค และแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตนเอง
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หลิ่วหมิงก็กลับถึงถ้ำที่พัก
พอเหยียบเท้าเข้าไปในถ้ำ เขาก็เดินเข้าไปในห้องลับโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็ม้วนตัวออกมาพร้อมกับเสียงแผดร้อง พริบตาเดียว ก็กลายเป็นแมงป่องเงินขนาดเท่าฝ่ามือที่มีหมอกสีดำปกคลุมอยู่
หลิ่วหมิงใช้จิตเชื่อมโยงเล็กน้อย และสั่งให้แมงป่องกระดูกปล่อยกลิ่นไอออกมาทั้งหมด
เปลวไฟสีเขียวเป็นประกายในแววตาของแมงป่องกระดูก ไอหมอกดำพวยพุ่งอยู่บนผิว ทันใดนั้น กลิ่นไออันแข็งแกร่งก็ถาโถมเข้ามา ทำให้ปราณพลังฟ้าดินในห้องลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก
ดูจากกลิ่นไอบนตัวแมงป่องกระดูก ดูเหมือนมันจะมีพลังระดับของเหลวขั้นปลายแล้ว
แมงป่องกระดูกก็ดูเหมือนอยากจะโอ้อวดนายของมันสักรอบ ทันใดนั้น มันก็เปล่งแสงสีเงินออกมา และขยายใหญ่สิบกว่าจั้ง จนเกือบจะดันห้องลับจนพัง พอแสงสีเงินเปล่งประกายอีกครั้ง มันก็ลดขนาดเหลือไม่กี่ชุ่น และกระโดดขึ้นบนไหล่ของหลิ่วหมิง ทั้งยังใช้ก้ามยักษ์ทั้งสองลูบคออย่างสนิทสนม สุดท้ายก็พุ่งกลับไปที่เดิม และฟื้นคืนขนาดกลับมาเท่าเดิม
แต่พอยกก้ามยักษ์ทั้งคู่ขึ้น มันก็ขยายใหญ่หลายเท่า แสงสีเงินเป็นประกายอยู่บนพื้นผิว และยังดูเหมือนจะมีอักขระสีดำประทับอยู่จำนวนหนึ่ง และพอออกแรงสะบัดก็มีเสียงดัง “ตู๊ม!”
แสงสีดำกระพริบผ่านไป พื้นดินแข็งแกร่งภายในห้องลับมีรอยร้าวยาวๆ ปรากฏออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา และสั่งให้แมงป่องกระดูกอยู่นิ่งๆ ทันที พอเขาสะบัดแขนเสื้อ คมวายุสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งยิงออกไป หลังจากกระพริบผ่านไปแล้ว ก็ฟันลงบนหลังแมงป่องกระดูก
“เพล้ง!” คมวายุกระเด็นออกมา บนหลังแมงป่องกระดูกไม่มีรอยใดๆ เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจมากกว่าเดิม ประจักษ์ชัดว่าหลังจากแมงป่องตรงหน้าเกิดการวิวัฒนาการแล้ว พลังของมันก็เพิ่มขึ้นเป็นทวี ความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าขึ้นไป
แมงป่องกระดูกส่งเสียงหัวเราะ และกระโดดขึ้นบนไหล่หลิ่วหมิงอีกครั้ง
“เจ้ามีความสามารถอะไรใหม่ๆ ก็แสดงออกมาให้หมดเถอะ!” หลิ่วหมิงลูบก้ามยักษ์ของแมงป่องเบาๆ และหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
แมงป่องกระดูกในขณะนี้ ดูเหมือนจะมีสติปัญญาระดับเด็กอายุสิบสองขวบ สามารถเข้าใจคำพูดหลิ่วหมิงได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเชื่อมจิตอีก มันรีบเอาก้ามยักษ์ทั้งสองชนกันสองสามที จากนั้นก็กระโดดมุดลงใต้ดิน
ครู่ต่อมา มีไอดำพวยพุ่งบนพื้นมุมหนึ่งของห้องลับ แมงป่องกระดูกปรากฏตัวอย่างไร้สุ้มเสียง และอ้าปากพ่นหมอกพิษสีดำขนาดเท่าลูกกำปั้นใส่ผนังบริเวณนั้น
ฉากที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจก็ได้บังเกิดขึ้น!
พอชั้นจำกัดบนผนังสัมผัสกับไฟแห่งหมอกพิษสีดำ มันก็สลายไปทันที และเกิดรูขนาดเท่ากำปั้นขึ้นหนึ่งรู ทั้งยังขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา ร่างของเขาพร่ามัวมาปรากฏบริเวณมุมห้อง และสังเกตดูผนังอย่างละเอียด
หมอกพิษสีดำค่อยๆ เคลื่อนไหวอยู่บริเวณขอบรูอย่างต่อเนื่อง บริเวณที่หมอกพิษสัมผัส เดิมทีเป็นผนังหินสีดำที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้กลับถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นควันสีดำแล้วก็สลายไป
ผ่านไปซักพัก ในที่สุดหมอกพิษก็สลายไปจนหมด และผนังหินในห้องลับก็ปรากฏโพรงขนาดครึ่งจั้ง
“ทำได้ไม่เลว!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ชมแมงป่องกระดูกไปหนึ่งประโยค
หมอกพิษที่แมงป่องกระดูกพ่นออกมาแข็งแกร่งมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนไม่อาจเทียบได้
พอแมงป่องกระดูกที่หมอบอยู่บนพื้นได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง ก็เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หางตะขอหัวมังกรตรงหลังแกว่งไปมาเบาๆ ทันใดนั้นกลุ่มแสงทรงกลดสีม่วงก็ประทุออกมา ทำให้มันมีลักษณะกึ่งโปร่งแสง
พอขยับหางตะขอ ก็มีเสียงดังออกมา “ฟิ้วๆ!”
หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีเงาจางๆ กระพริบอยู่บนพื้น จากนั้นรูขนาดเท่าเข็มแทงก็ปรากฏไปทั่วทุกแห่ง
ครั้งนี้เขารู้สึกตกใจจริงๆ แล้ว
ด้วยสายตาระดับเขา ยังไม่สามารถมองเห็นร่องรอยการโจมตีของหางตะขอได้อย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความรวดเร็วในการโจมตีของมัน อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหางตะขอเป็นผลึกแวววาว ทำให้แทบจะมองไม่เห็นการโจมตีของมัน
“เอาล่ะ! เข้ามาเถอะ!”
ขณะที่แมงป่องกระดูกจะสะบัดหางตะขอใส่ผนังอีกนั้น หลิ่วหมิงก็รีบโบกมือห้ามมันไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา