เมื่อเหยียบเท้าเข้าไปในห้องลับ ก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณบนเอวทันที จากนั้นไอดำก็ม้วนตัวออกมา หลังจากไอหมอกพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง แมงป่องกระดูกสีเงินที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ก็กระโดดขึ้นบนไหล่ของเขา
“นายท่าน…….” เสียงอ่อนนุ่มของแมงป่องกระดูกดังขึ้นข้างหนู
หลิ่วหมิงลูบหลังมันเบาๆ จากนั้นก็วางถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณใบเดิมลงพื้น เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว และแตะมันเบาๆ ลวดลายจิตวิญญาณสีเงินบนถุงปรากฏออกมา และเปล่งประกายเล็กน้อย จากนั้นไอเย็นสะท้านก็ม้วนตัวออกมา
เขาโยนถุงหนังใบหนึ่งที่ซื้อมาใหม่ขึ้นไปบนอากาศในทันที ขณะเดียวกัน ท่ามือของเขาก็เปลี่ยนไป ลวดลายค่ายกลบนถุงหนังสีดำเปล่งประกายออกมา แรงดึงดูดมหาศาลม้วนตัวออกจากปากถุง
ปราณหยินบริเวณนั้นค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกัน และทะลักเข้าไปในถุงหนัง
ไม่นาน ปราณหยินในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณใบเก่าก็ถูกกวาดไปจนหมดเกลี้ยง และพอหลิ่วหมิงโบกมือไปทางอากาศ ถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณใบใหม่ก็ลอยเข้ามาในมือ
หลิ่งหมิงสื่อสารกับแมงป่องกระดูกสองสามประโยค จากนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญานหนึ่งที แมงป่องกระดูกหมุนตัวติ้วๆ จนกลายเป็นไอหมอกดำและม้วนตัวเข้าไปในถุง
“นายท่าน…ถุง…ใบใหม่…สบายจังเลย” มีน้ำเสียงอ่อนนุ่มของเด็กสาวดังขึ้นข้างหู มีความดีใจในน้ำเสียงอย่างปิดไม่มิด
“ดีมาก! เจ้าคิดว่ามันเหมาะกับเจ้าก็ดีแล้ว”
หลังจากหลิ่วหมิงมั่นใจว่าถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณใบใหม่เหมาะสมกับแมงป่องกระดูกแล้ว เขาก็นำถุงหนังไว้บนเอวด้วยความสบายใจ และนั่งขัดสมาธิลงไป จากนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งหยิบกล่องหยกออกมาใบหนึ่ง พอยื่นนิ้วไปแตะมันก็เกิดเสียงดัง “ฟู่!”
ฝากล่องเปิดออกมา กระบี่เล็กสีแดงพุ่งออกจากในนั้น และลอยอยู่บนอากาศเหนือค่ายกลที่มีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ
ขณะนี้ หลิ่วหมิงร่ายคาถาออกมา นิ้วทั้งสิบนิ้วดีดพลังใส่กระบี่เล็กสีแดงไม่หยุด
กระบี่เล็กสีแดงกลางอากาศสั่นสะเทือนทันที อักขระสีแดงจำนวนมากลอยออกมา ทั้งยังส่งเสียงระเบิดออกมาอย่างไม่ขาดสาย และกลายเป็นสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทิศ
กระบี่เล็กสีแดงค่อยๆ หมุนวนท่ามกลางแสงไฟ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงตะคอกเสียงออกมา และหยุดทำท่ามือ เปลวไฟลุกไหม้บนผิวกระบี่จิตวิญญาณสีแดงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ม้วนตัวออกไปทั่วทิศ และชั้นจำกัดแรกบนกระบี่ ก็ชัดเจนขึ้นมาเป็นอย่างมาก
เนื่องจากระดับการฝึกฝนที่สูงขึ้น ทั้งยังมี ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ อยู่ในมือ จึงช่วยลดเวลาในการปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางที่มีแค่ยี่สิบชั้นจำกัดลงไปได้มาก
หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไป ในที่สุดหลิ่วหมิงก็ปรับแต่งชั้นจำกัดทั้งยี่สิบชั้นของอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางชิ้นนี้เสร็จ พอคว้ามือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ กระบี่จิตวิญญาณสีแดงก็หมุนตัวติ้วๆ และพุ่งกลับมาในมือ
หลิ่วหมิงเก็บกระบี่เล็กสีแดงด้วยสีหน้าพอใจ และเดินออกไปจากห้องลับ
หลังจากพักผ่อนไปซักพักแล้ว เขาก็ออกไปจากถ้ำที่พัก เมฆดำใต้เท้าพยุงตัวเขาขึ้นมา และทะยานไปยังสถานที่ที่นัดหมายเอาไว้กับจินอวี้หวน
……
วันที่สอง ท้องยังมืดสลัวๆ ยังไม่ทันสว่าง ทั่วทั้งเทือกเขาหมื่นวิญญาณล้วนเงียบสงัด
บนยอดเขาลูกหนึ่ง หญิงวัยกลางคนสวมชุดสีขาวที่มีใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย กำลังมองซ้ายมองขวา หลังจากนั้นก็ไปจากถ้ำที่พัก และเหยียบเมฆพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง
หลายชั่วยามต่อมา ท่ามกลางหมู่ยอดเขาที่อยู่ห่างเทือกเขาหมื่นวิญญาณไปร้อยกว่าลี้ หญิงวัยกลางคนร่อนลงไปในยอดเขาค่อนข้างเตี้ยที่สูงไม่กี่สิบจั้ง
บนยอดเขาในขณะนี้ ชายหนุ่มชุดคลุมสีเขียวผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ทันใดนั้น หางตาของชายหนุ่มก็กระตุกเล็กน้อย และค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากมองดูหญิงวัยกลางคนตรงหน้าทีหนึ่งแล้ว ก็ค่อยๆ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“คิดไม่ถึงว่าวิชาแปลงโฉมของแม่นางจินจะยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้าน้อยนับถือ!”
“ศิษย์พี่หลิ่วชมเกินไปแล้ว ท่านยังคงดูออกอย่างง่ายดาย” หญิงวัยกลางคนยิ้มออกมา และทำท่ามือด้วยมือเดียว จากนั้นก็เอามือถูศีรษะ ไอหมอกสีขาวทะลักออกมา หลังจากหมุนวนไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ปกคลุมร่างของนางไว้
พอไอหมอกค่อยๆ สลายไปแล้ว หญิงวัยกลางคนก็กลายเป็นหญิงสาวใบหน้าสวยสดงดงามนามหนึ่ง ซึ่งก็คือจินอวี้หวนนั่นเอง
ชายหนุ่มชุดคลุมสีเขียวผู้นั้น ย่อมเป็นหลิ่วหมิงที่มารออยู่ก่อนแล้ว
“ผู้ที่มาปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้ในเวลานี้ ย่อมมีแค่แม่นางจินเท่านั้น” หลิ่วหมิงได้ยินก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา
“รบกวนศิษย์พี่ที่ให้รอนานแล้ว” จินอวี้หวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แม่นางจินไม่ต้องเกรงใจ พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
พอจินอวี้หวนตบถุงหนังบนเอว ไอหมอกสีเทาก็ม้วนตัวออกมา ตามด้วยเสียงร้องแหลม จากนั้นมันก็กลายเป็นวิหคน้อยสีเทาที่มีขนาดฉื่อกว่าๆ
นางคว้ามือไปกลางอากาศ
วิหคน้อยกระพือปีกทั้งคู่ ทำให้ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า และกลายเป็นอินทรียักษ์สีเทาขนาดใหญ่หลายจั้ง ทั้งยังมีลวดลายสีขาวแปลกประหลาดปกคลุมไปทั่วพื้นผิว
หลังจากทั้งสองขึ้นไปบนหลังอินทรียักษ์แล้ว จินอวี้หวนก็ตบสันหลังมันเบาๆ อินทรียักษ์กางปีกทั้งคู่ และทะยานขึ้นฟ้า ก่อเกิดเป็นพายุบ้าระห่ำ พุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง
……
ในเวลาเดียวกัน ภายในถ้ำที่พักที่อยู่บนยอดเขาสีขาวหิมะแห่งหนึ่งในเทือกเขาหมื่นวิญญาณ ยอดเขาแห่งนี้ตั้งตรงราวกับใบมีดขนาดยักษ์
ชายหนุ่มหน้าตอบปากแหลมกับชายตัวเตี้ยที่เคยปรากฏตัวในตลาด และเคยข่มขู่จินอวี้หวน กำลังรายงานอะไรบางอย่างให้กับชายหนุ่มชุดผ้าแพรที่มีใบหน้าแคบยาว
“ศิษย์พี่ซา วันนี้มีคนเห็นศิษย์น้องจินออกจากถ้ำที่พักแต่เช้าอย่างกระทันหัน จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้กลับไป เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน ควรส่งคนไปหาหรือไม่?” ชายหนุ่มหน้าตอบปากแหลมประสานมือคารวะ และกล่าวกับชายหนุ่มชุดผ้าแพร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา