แท่งน้ำแข็งจำนวนมากโจมตีลงบนร่มคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเพิ่มพลังเวทเข้าไปมากแค่ไหน ร่มคุ้มกันก็มืดลงอย่างรวดเร็ว และเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง
ที่แย่ที่สุดก็คือ แสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากธงค่ายกลเป็นธาตุน้ำ พอมันเผชิญกับแท่งน้ำแข็งที่มีไอเยือกเย็นเช่นนี้ ก็ถูกความเย็นรุกรานจนค่อยๆ เกาะตัวเป็นน้ำแข็งและร่วงลงมา
“เปรี๊ยะ!” ร่มคุ้มกันแตกออกมาราวกับใยแมงมุม
จินอวี้หวนมีหน้าซีดขาวจนถึงขีดสุด
ขณะนั้นเอง แสงสีทองก็เปล่งประกายออกมา ม่านทรายทองคำร่วงปรากฏอยู่ตรงหน้าหญิงสาว และต้านทานการโจมตีของแท่งน้ำแข็งไว้ได้อย่างกระทันหัน
จากนั้นก็มีเงาร่างปรากฏตรงหน้าหญิงสาวในพริบตา พองอนิ้วออกไป ม่านทรายทองคำก็รวมตัวเป็นมือยักษ์สีทอง หลังจากคว้าออกไปติดต่อกันจนกลายเป็นเงา แท่งน้ำแข็งที่เหลือก็ถูกทำลายลง และตกลงมาเป็นสายฝน
“ขอบคุณศิษย์พี่หลิ่ว!”
พอจินอวี้หวนมองเห็นคนตรงหน้า นางก็รีบกล่าวด้วยความดีใจ
หากหลิ่วหมิงมาไม่ทัน ต่อให้นางจะไม่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่ก็คงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
หลิ่วหมิงไม่ได้ตอบอะไรจินอวี้หวน แต่หลังจากเผยแววตาเฉียบขาดออกมาแล้ว ก็กระตุ้นทรายทองคำร่วงต้านทานฝนน้ำแข็ง ขณะเดียวกัน ก็กระตุ้นเคล็ดกระบี่อยู่ไม่หยุด
กระบี่บินสีแดงกลางอากาศพร่ามัวกลายเป็นสายรุ้งอันน่าสะพรึงก่อนที่จะม้วนตัวออกไป มันกระพริบแค่ทีเดียว ก็มาอยู่เหนือหัวตัวไหมน้ำแข็ง
แสงสีเขียวเปล่งประกายในแววตาของตัวไหมน้ำแข็ง แสงสีขาวในเมฆวารีที่อยู่บนหัวพวยพุ่ง และพุ่งยิงแท่งน้ำแข็งออกไปจำนวนมาก พอมันสัมผัสกับแสงกระบี่สีแดง ก็พากันระเบิดออกมาทันที และเกาะตัวเป็นชั้นน้ำแข็งแวววาวร่วงลงมาต้านทานแสงกระบี่ไว้
“เร็ว!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ตะคอกเสียงออกมา พอสะบัดแขนเสื้อ มือยักษ์ที่กลายร่างมาจากทรายทองคำร่วง ก็พร่ามัวคว้าไปทางตัวไหมน้ำแข็งอย่างโหดเหี้ยม
ภายใต้ความตกใจ แสงสีเขียวก็เปล่งประกายออกจากจุดสีดำบนตัวปีศาจอสูร และพ่นลำแสงขนาดใหญ่ออกไปรับมือกับมือยักษ์สีทองที่คว้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เพล้ง!” พอมือยักษ์สีทองสัมผัสกับลำแสง มันก็ระเบิดออกมาเป็นแสงสีทอง และลำแสงสีทองจำนวนมากก็พุ่งยิงใส่ตัวไหมน้ำแข็ง
การโจมตีระยะใกล้เช่นนี้ ต่อให้อสูรตัวนี้จะมีเคล็ดวิชาในการป้องกันลึกลับแค่ไหน ก็ต้านทานแสงสีทองได้ชั่วคราวเท่านั้น
“ฟิ้ว!” “ฟู่!” เลือดสีเขียวจำนวนมากพุ่งออกจากหัวของตัวไหมน้ำแข็ง คิดไม่ถึงว่ามันจะถูกแทงจนเกิดรูขนาดเท่านิ้วมือสองสามรู
ปีศาจหนอนส่งเสียงร้องแหลมและส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกัน เมฆวารีบนหัวก็ดูเหมือนจะพวยพุ่งขานรับกัน และไม่อาจรักษาเสถียรภาพไว้ได้
หลิ่วหมิงชี้นิ้วไปกลางอากาศด้วยแววตาเฉียบขาด
เมฆวารีระเบิดออกมา และพายุเย็นสะท้านที่ปะปนไปด้วยผลึกน้ำแข็ง ก็ม้วนตัวออกไปทั่วทิศ
กระบี่บินสีแดงกลายเป็นแสงสีแดงพุ่งลงไป หลังจากเปล่งประกายหนึ่งที มันก็ฟันหัวตัวไหมน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ตัวไหมน้ำแข็งตัวแข็งทื่อ ลูกตาสีเขียวแวววาวไร้ซึ่งชีวิตชีวา จากนั้นก็ล้มโครมลงบนพื้น และไม่อาจกระดิกตัวได้อีก
พอหลิ่วหมิงโบกมือ กระบี่บินสีแดงก็แทงทะลุศพของตัวไหมน้ำแข็ง และกระพริบกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
“ในที่สุด…ในที่สุดก็ฆ่าได้แล้ว! ที่ครั้งนี้สามารถฆ่ามันได้ ล้วนเป็นเพราะความสามารถของศิษย์พี่หลิ่ว!” จินอวี้หวนเห็นเช่นนี้ ก็เผยสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด
ตั้งแต่ตอนที่หลิ่วหมิงลงมือช่วยนาง จนถึงตอนที่สังหารตัวไหมน้ำแข็งอย่างรวดเร็วนั้น ใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น แม้แต่นางก็ยังไม่ทันเข้าไปช่วยด้วยซ้ำ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ต่อให้ศิษย์พี่หลิ่วผู้นี้จะลงมือเพียงคนเดียว ก็สามารถจัดการปีศาจหนอนตัวนี้ได้อย่างง่ายดาย
“แม่นางจินเกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อข้าลงนามสัญญาเวทแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ” หลิ่วหมิงยิ้มออกมาเล็กน้อย พอสะบัดแขนเสื้อ ทรายทองคำร่วงก็ถูกเก็บเข้าไป
จากนั้น เขาก็ก้าวไปข้างศพตัวไหมน้ำแข็ง และคว้ามือผ่านอากาศ
“ฟิ้ว!” แก่นผลึกขนาดเท่ากำปั้นพุ่งออกมาจากศพ และหล่นลงในมือเขา
หลังจากเขามองดูเล็กน้อยแล้ว ก็เก็บมันเข้าไป จากนั้นก็ควักยันต์เก็บของออกมา และปล่อยพลังออกไป
แสงสีขาวเปล่งประกาย!
ร่างขนาดใหญ่สองสามจั้งของตัวไหมน้ำแข็งรวมตัวถึงไหมบริเวณรอบๆ ตัวมันหายไปพร้อมกัน
ไหมน้ำแข็งฝึกฝนอยู่ในบ่อเย็นมานาน และก็เป็นปีศาจหนอนที่พบเจอได้น้อยมาก ศพของมันย่อมเป็นวัสดุชั้นยอด หลิ่วหมิงจึงเก็บมันอย่างไม่เกรงใจ
จินอวี้หวนไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ในเรื่องนี้
เพราะดูเหมือนว่าหลิ่วหมิงจะสังหารตัวไหมน้ำแข็งเพียงคนเดียว พอมันตายไป นางก็สามารถไปเอาสมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ได้อย่างราบรื่น
“เอาล่ะ! ข้ากับเจ้าจะลงไปในบ่อเย็นตอนนี้หรือไม่?” หลิ่วหมิงหันหน้ามากล่าว
“ยังต้องให้ศิษย์พี่หลิ่วรอสักครู่ ข้าสูญเสียพลังเวทไปมาก จำต้องฟื้นฟูชั่วเวลาหนึ่ง” จินอวี้หวนกล่าวด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ
“ก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็จะฟื้นได้ฟื้นฟูพลังเวทสักหน่อย” หลิ่วหมิงพยักหน้า จากนั้นเดินไปนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหนึ่ง และหยิบหินจิตวิญญาณสองก้อนออกมาฟื้นฟูพลังเวท
จินอวี้หวนเห็นเช่นนี้ ก็ตาเป็นประกายอยู่สองสามครั้ง หลังจากถอนหายใจเบาๆ แล้ว ก็หาพื้นที่มุมหนึ่ง นางควักโอสถมาทานหนึ่งเม็ด และเริ่มหลับตาเข้าฌาน
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา