พอไอเย็นแต่ละสายม้วนออกไปได้ไม่ไกล ก็เกาะตัวเป็นน้ำแข็งไปทั้งแถบ
ไม่นาน ก้นบ่อเย็นก็กลายเป็นโลกน้ำแข็ง
แม้หลิ่วหมิงจะถูกไอแข็งเย็นเกาะผนึกไว้ แต่ด้วยที่ว่ายังมีเกราะหนังกับกายเนื้ออันแข็งแกร่ง จึงไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด แต่ในใจก็อดรู้สึกหวาดผวาไม่ได้
ตั้งแต่กระบี่เล็กสีขาวแผ่กลิ่นไออันน่าตกใจออกมา มันก็ร้ายกาจกว่าโล่เก้ากระโหลกที่มีสามสิบห้าชั้นจำกัดมาก
ที่แท้กระบี่นี้ก็เป็นสุดยอดอาวุธเวทที่แท้จริง
แต่ขณะนั้นเอง ก็มีเสียง “ฟู่!” ดังมาจากทางด้านจินอวี้หวน
จุดแสงสีทองเปล่งประกายตรงหน้าอก จากนั้นยันต์สีเหลืองก็ปรากฏออกมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีทองอันดุเดือด และแสงสีขาวเป็นวงๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วทิศ
ขณะที่แสงสีขาวพุ่งยิงเข้ามา น้ำแข็งบริเวณนั้นก็ละลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลิ่วหมิงและหญิงสาวก็กลับสู่สภาพปกติ
หลิ่วหมิงขยับแขนทั้งสองที่หนาวจนชา และปราดตามองจินอววี้หวนอย่างอดไม่ได้
พอนางหลุดออกมาได้ ก็หายวับไปอยู่ตรงหน้ากระบี่เล็กสีขาวอย่างรวดเร็ว และยื่นแขนคว้ามันเอาไว้อย่างรวดเร็ว
กระบี่เล็กสีขาวสั่นไหวราวกับมีชีวิต แสงเย็นสะท้านที่แผ่ออกมาก็ดูแหลมคมเป็นอย่างมาก มันบาดฝ่ามือของนางจนโลหิตไหลออกมา
ดูเหมือนจินอวี้หวนจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น นางเริ่มร่ายคาถาออกมา ขณะเดียวกันก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง พออ้าปาก เงากระบี่เล็กสีฟ้าก็พุ่งออกมา และภายใต้เสียงที่ดังกังวาน มันก็กระพริบหายไปในกระบี่เล็กสีขาวบนมือของนาง
หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าจะนางจะเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ และดูเหมือนกับว่าสิ่งที่นางพ่นออกมาจะเป็นจิตวิญญาณตัวอ่อนกระบี่ด้วย
ครู่ต่อมา กระบี่เล็กสีขาวก็สั่นไหวอย่างรุนแรง และแสงสีขาวเจิดจ้าก็เปล่งแสงออกมาจนถึงขีดสุด ทั้งยังมีเสียงแผ่วเบาออกมาอยู่รำไร
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หรี่ตาทั้งคู่ลงอย่างอดไม่ได้ พออยากจะดูว่ามันเป็นเพราะเหตุใดนั้น แสงสีขาวก็ดับและเงียบลง จนเผยให้เห็นกระบี่เล็กที่อยู่ในนั้นอีกครั้ง
ขณะนี้ บนผิวกระบี่เล็กที่โปร่งใสแวววาว ก็มีอักขระเล็กๆ ปกคลุมอยู่เป็นชั้นๆ และเปล่งจุดแสงแวววาวทะลุน้ำในบ่อ แลดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
หญิงสาวเห็นเช่นนี้ ก็เปลี่ยนเคล็ดวิชาทันที พริบตาเดียวกระบี่เล็กสีขาวก็ลดขนาดลงเหลือแค่ชุ่นกว่าๆ และกระพริบหายไปในระหว่างคิ้วของนาง
พริบตาที่นางเอากระบี่นี้ไป ความเย็นยะเยือกของน้ำใบบ่อก็สลายไปหมดสิ้น
ดูท่าที่บ่อน้ำเย็นยะเยือกถึงเพียงนี้ คงเป็นเพรากระบี่เล็กเล่มนี้แล้ว
“ศิษย์พี่หลิ่ว งานใหญ่ได้สำเร็จลุล่วงลงแล้ว พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” จินอวี้หวนถอนหายใจยาวๆ และกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม
ไม่รู้ว่าเขามโนไปเองหรือเปล่า หลังจากนางได้อาวุธเวทชิ้นนี้แล้ว ดูเหมือนจะมีสีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย
หลิ่วหมิงพยักหน้า และทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็พุ่งขึ้นด้านบน
เมื่อไม่มีไอเย็นคอยโจมตี จินอวี้หวนก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เท้าข้างหนึ่งถีบก้นบ่อเบาๆ จากนั้นก็ตามติดหลิ่วหมิงไป
……
ครึ่งชั่วยามต่อมา ภายนอกถ้ำ หลิ่วหมิงกำลังถอดเกราะหนังบนตัวคืนให้จินอวี้หวน
“ที่ครั้งนี้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ล้วนเป็นเพราะการช่วยเหลือของศิษย์พี่หลิ่ว” จินอวี้หวนรับเกราะหนังมา และกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
“ไม่เป็นไร ในเมื่อข้ารับยันต์ทะลวงเส้นลมปราณของแม่นางมาแล้ว เรื่องเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่หลิ่วเองก็เห็นแล้ว ความจริงข้าก็เป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ และที่ตระกูลซาอยากให้ข้าแต่งเป็นคู่รักฝึกฝนของซาทงเทียน ก็เพราะอยากได้สุดยอดกระบี่ที่บรรพบุรุษตระกูลจินได้ทิ้งไว้ แม้กระบี่นี้จะเป็นอาวุธระดับต่ำที่เพิ่งจะหลุดจากเบ้าหลอมมา และจิตวิญญาณตัวอ่อนกระบี่ที่อยู่ด้านในก็ไม่มีคนบ่มเพาะมานาน จึงสูญเสียจิตวิญญาณไปไม่น้อย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลทั่วไปอยากได้มันแล้ว และยังมีผู้อาวุโสยอดเขาที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลจินเล็กน้อยเคยถามถึง ความจริงก็ไม่อาจรักษาอาวุธเวทนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว” ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย หลังจากถอนหายใจเบาๆ แล้ว ก็เปิดเผยความจริงให้หลิ่วหมิงรับรู้
ตอนที่หลิ่วหมิงเห็นกระบี่เล่มนี้ ก็พอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว ตอนนี้จึงแค่พยักหน้า และไม่พูดอะไรออกมา
จินอวี้หวนก็ค่อยๆ เล่าต่อ
“และที่ตระกูลซาอยากให้ข้าเป็นคู่รักฝึกฝนของซาทงเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะอาวุธเวทที่มีชื่อว่ากระบี่กระจกน้ำแข็งเล่มนี้ ในปีนั้นถูกบรรพบุรุษของข้าวางชั้นจำกัดไว้ จะต้องเป็นสายเลือดระดับของเหลวขึ้นไปของตระกูลจินเท่านั้น ถึงนำมันไปได้ แต่ตระกูลซามีเคล็ดวิชาบางอย่าง ที่อาศัยวิชาคู่รักฝึกฝน แย่งชิงกลิ่นไอสายเลือดของคู่รักมาได้ส่วนหนึ่ง จึงสามารถกระตุ้นกระบี่บินนี้ได้เช่นกัน”
ฟังมาถึงจุดนี้ หลิ่วหมิงถึงเข้าใจในทันทีว่าทำไมนางถึงพูดออกมาตามตรง โดยไม่กลัวว่าเขาเห็นอาวุธเวทแล้ว จะมีความคิดอย่างอื่น
“ถ้าอย่างนั้นต้องขอแสดงความยินดีกับแม่นางด้วย มีอาวุธเวทชิ้นนี้แล้ว คิดว่าการฟื้นฟูอิทธิพลของตระกูลในภายหน้า คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ในเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว พวกเราก็ไปจากที่นี่กันเถอะ เผื่อคนตระกูลซาจะกลับมาที่นี่อีก จะทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมาได้” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา