หลิ่วหมิงหยิบยันต์เก็บของออกจากเอว และปล่อยพลังเข้าไป จากนั้นยันต์เก็บของก็เปล่งประกาย และพ่นแสงสีขาวออกมา หลังจากม้วนตัวลงพื้นอย่างรวดเร็วแล้ว บนพื้นก็เต็มไปด้วยวัสดุของตัวไหมน้ำแข็ง
“นี่คือ?”
กู่เจี้ยเทียนหยิบหนังของตัวไหมน้ำแข็งขึ้นมา หลังจากจ้องมองอย่างละเอียด ก็พลันนึกขึ้นมาได้
“ตัวไหมน้ำแข็งกระดูกหยิน! นี่คือวัสดุทั้งตัวของตัวไหมน้ำแข็งกระดูกหยิน!” กู่เจี้ยเทียนเงยหน้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ที่แท้ไหมน้ำแข็งตัวนั้น ก็มีชื่อเรียกเช่นนี้เองหรอกหรือ? ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจมากนัก แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นวัสดุบนตัวปีศาจตัวไหมน้ำแข็งตัวหนึ่งจริงๆ” หลิ่วหมิงมองคนผู้นี้ทีหนึ่ง และกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
“สหายหลิ่วมีพลังแข็งแกร่งยิ่งนัก ดูจากพลังจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในวัสดุเหล่านี้ มันคงเป็นตัวไหมน้ำแข็งกระดูกหยินระดับของเหลวขั้นปลายสินะ ปีศาจหนอนชนิดนี้เล่ห์เลี่ยมแพรวพราว ไม่สามารถเห็นรูปร่างที่แท้จริงของมันได้โดยง่าย แต่ท่านกลับสังหารมันได้…….” กู่เจี้ยเทียนทำเสียงจุ๊ๆ! จากนั้นก็ก้มมองวัสดุเหล่านี้อย่างละเอียด
“ข้าคนเดียวจะทำได้อย่างไรกัน เพียงแค่รวมพลังกับสหายสองสามคนสังหารมันเท่านั้น” หลิ่วหมิงหัวเราะและกล่าวออกมา
กู่เจี้ยเทียนขานรับ “อืม!” โดยที่สายตาไม่ละจากวัสดุบนพื้นเลยแม้แต่น้อย หลังจากพลิกดูอยู่พักใหญ่ๆ ถึงเงยหน้าขึ้นมา
“วัสดุเหล่านี้สดใหม่มาก พลังจิตวิญญาณก็ยังไม่ได้สูญเสียไป หากขายให้ร้านเล็กๆ ของข้า ข้าจะเสนอราคานี้” กู่เจี้ยเทียนชูนิ้วแสดงราคา
“ห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ……” หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว และพูดพึมพำออกมา
“ในเมื่อพี่หลิ่วเป็นลูกค้าเก่าแก่ของเรา ข้าจะไม่บอกราคาเท็จอย่างแน่นอน ตัวไหมน้ำแข็งตัวนี้อยู่ระดับของเหลวขั้นปลายไม่มีผิด แต่ของที่มีมูลค่าที่สุดอย่างแก่นบริสุทธิ์ของปีศาจหนอนตัวนี้ไม่มีอยู่แล้ว ราคานี้จึงนับว่ายุติธรรมมากแล้ว เชื่อว่าพี่หลิ่วไปร้านอื่นก็คงได้ราคามากสุดเท่านี้” กู่เจี้ยเทียนยิ้มซื่อๆ แล้วกล่าวออกมา
เส้นไหมกับแก่นผลึกของตัวไหมน้ำแข็งตัวนี้ หลิ่งหมิงยังได้ใช้ประโยชน์จากมัน เขาย่อมไม่ขายมันออกไปอย่างแน่นอน มิใช่นั้นคงแลกหินจิตวิญญาณมาได้ไม่น้อย
“เอาเถอะ!” เขาลังเลเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้าตอบรับ
กู่เจี้ยเทียนเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา และหยิบยันต์เก็บของออกมาผืนหนึ่ง หลังจากกวาดไปบนพื้น แสงสีขาวก็กระพริบผ่านไป หลังจากวัสดุเหล่านี้ถูกเก็บเข้าไปในยันต์เก็บของแล้ว เขาก็โบกแขนเสื้อหยิบหินจิตวิญญาณระดับสูงยื่นให้หลิ่วหมิง
“สหายหลิ่วมาตลาดในครั้งนี้ คงไม่ได้มาขายวัสดุเหล่านี้เพียงอย่างเดียว หากมีอย่างอื่นที่ต้องการ ข้าก็นับว่าคุ้นเคยกับที่นี่มาก บางทีอาจจะแนะนำให้สหายได้” พอการค้าของพวกเขาสิ้นสุดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ กู่เจี้ยเทียนก็กล่าวออกมาด้วยความดีใจ
หลิ่วหมิงได้ยินก็ใจเต้นขึ้นมา
เขามาตลาดในวันนี้ นอกจากจะขายวัสดุตัวไหมน้ำแข็งแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คืออยากหาตำราโอสถที่เหมาะสมมาสองอย่าง เพื่อที่จะได้ไปฝึกฝนปรุงโอสถในห้องว่างเปล่าลึกลับ
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หลิ่งหมิงก็เดินออกจากร้านด้วยสีหน้าเบิกบานใจ และเดินตรงไปยังถนนทางด้านเหนือ
สำหรับหลิ่วหมิงในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือโอสถที่สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนและฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของเขา ตำราโอสถที่เพิ่มระดับการฝึกฝนพลังเวท จะต้องสามารถรวบรวมวัสดุที่จำเป็นได้ไม่ยาก อีกอย่างผลลัพธ์ของโอสถชนิดนี้ต้องแข็งแกร่งพอ และตอบสนองความต้องการของการฝึกฝนในระดับผลึกขั้นปลายได้
และโอสถที่ฟื้นฟูพลังเวท ผลลัพธ์จะต้องดีพอ สามารถฟื้นพลังเวทในได้ระยะเวลาสั้นๆ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงไม่ต้องคำนึงมากนัก เพราะโอสถชนิดนี้จะใช้แค่ในตอนต่อสู้เท่านั้น จำนวนที่ต้องการจึงไม่ค่อยมาก
หอนานัปการก็มีตำราโอสถขายหลากหลายชนิด และที่เหมาะสำหรับใช้ในแต่ละเขตแดนก็ล้วนมีหมด
หลายวันก่อนเขาก็เคยไปดูมาแล้ว แต่ต้องใช้แต้มคุณูปการจำนวนมหาศาล เขาจึงละความคิดที่จะซื้อจากที่นั่นไปเลย
ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหมิงก็ได้แต่หาตำราโอสถที่เหมาะสมจากในตลาดแล้ว
และแม้กู่เจี้ยเทียนผู้นี้จะดูเป็นหนอนหนังสือไปหน่อย แต่ค่อนข้างคุ้นเคยกับตลาดเป็นอย่างดี พอรู้ความต้องการของหลิ่วหมิง เขาก็บอกชื่อร้านค้าหลายแห่ง และทำสีหน้าลึกลับในขณะที่พูดออกมา “ไปแล้วจะรู้เอง”
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงก็เดินออกจากร้านตรงถนนทางทิศเหนือที่มีชื่อว่า ‘เรือนจวี้หยวน’ ด้วยสีหน้าจนปัญญา
เรือนจวี้หยวนนี้ เป็นร้านที่ห้าที่เขาเข้าไปแล้ว
ร้านเหล่านี้มีตำราโอสถจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนมากล้วนเป็นโอสถถอนพิษ รักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ในขณะทะลวงคอขวด แม้จะมีตำราหลายชุดที่สอดคล้องกับที่ต้องกัน แต่วัตถุดิบกลับหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
“ตำราโอสถที่เหมาะสมกับตนเองช่างหาได้ยากจริงๆ ช่างเถอะ! มีเวลาหงุดหงิด ไม่สู้ไปหาร้านอื่นดีกว่า……” หลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมาไม่กี่ประโยค จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปร้านโอสถที่อยู่ข้างๆ
หนึ่งเค่อต่อมา เขาก็เดินออกมาด้วยสีหน้าผิดหวัง
“ร้านต่อไป……”
……
ด้านในห้องโถงของร้านที่มีชื่อว่า ‘เรือนไผ่หยก’ หลิ่วหมิงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสผมขาวคนหนึ่ง
“ตำราโอสถที่สหายต้องการ อย่าหาว่าข้าชมตนเองเลย ข้าศึกษาโอสถมาทั้งชีวิต ตำราโอสถที่ข้ารวบรวมมาก็มีอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบอย่างแล้ว” ผู้อาวุโสผมขาวส่ายหน้า และกล่าวออกมา
“ตำราโอสถเพิ่มพลังเวท จะต้องตรงกับความต้องการของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลาย” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ
“ได้ สหายรอสักครู่” ผู้อาวุโสกดยันต์เก็บของบนเอวอยู่ครู่หนึ่ง พอแสงสีขาวเปล่งประกาย ก็มีแผ่นหยกสีขาวปรากฏอยู่ในมือ
หลิ่วหมิงยื่นมือรับแผ่นหยกสีขาวมาแปะไว้บนหน้าผาก และหลับตาอย่างเงียบๆ
ผ่านไปซักพักใหญ่ๆ เขาก็ค่อยๆ นำแผ่นหยกออก และส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
“ไม่มีหรือ? ไม่ต้องกังวลไป สหายลองดูอันนี้” ผู้อาวุโสยื่นแผ่นหยกอีกชิ้นให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา