สำหรับเวลานี้ เขารอคอยมานานแล้ว พอตบถุงหนังสีดำสองใบบนเอว หมอกดำสองกลุ่มก็ม้วนตัวออกมา มันค่อยๆ รวมตัวกันเป็นแมงป่องกระดูกสีเงินกับหัวบินหน้าอัปลักษณ์
“นายท่าน!” มีเสียงเด็กสาวกับเด็กชายดังขึ้นข้างหู
หลิ่วหมิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองพวกมันทีหนึ่ง จากนั้นก็ใช้จิตสั่งพวกมันอย่างง่ายๆ
ครู่ต่อมา แมงป่องกระดูกก็ใช้ก้ามทั้งสองเกาะขาหลิ่วหมิงไว้ และหิวบินก็ปล่อยผมยาวออกมารัดพันแขนของหลิ่วหมิงไว้อย่างแน่นหนา
หลิ่วหมิงพยักหน้าเล็กน้อย และตรวจสอบวัตถุดิบที่อยู่ในหอยสังข์ย่อส่วนกับยันต์เก็บของไปหนึ่งรอบ หลังจากค้นพบว่าเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เขาก็ทำท่ามือและหลับตาทั้งคู่ลง จากนั้นก็เริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวของพลังเวทภายในร่าง และรอคอยให้พลังเวทถูกดูดกลืนจนหมด เพื่อที่จะได้เข้าไปในห้องว่างเปล่าลึกลับ
ขณะที่เวลาค่อยๆ ผ่านไป สีหน้าที่มีเลือดฝาดของเขา ก็ค่อยๆ ซีดขาวขึ้นมา ไอหมอกดำที่พวยพุ่งรอบตัว ก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
พอพลังเวทถูกดูดไปแปดถึงเก้าในสิบส่วน แรงดึงดูดในจุดตันเถียนก็หยุดชะงักลง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย สุดท้ายเขายังไม่ทันได้คิดอะไร ก็มีเสียงดัง “หวึ่ง!” จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็มืดลง
เมื่อเขาเห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจน ร่างของเขาก็มาอยู่ในห้องว่างเปล่าสีเทาแล้ว
ห้องว่างเปล่าในขณะนี้มีขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ มีพื้นที่มากขึ้นกว่าครั้งก่อนไม่น้อย
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูหัวบินกับแมงป่องกระดูกที่อยู่ด้านข้าง พวกมันทั้งสองถูกนำเข้ามาในห้องว่างเปล่าลึกลับอย่างปลอดภัยเช่นกัน
“เอาล่ะ! สิ่งที่มีในตอนนี้ก็คือเวลา พวกเจ้าทั้งสองไปฝึกฝนเถอะ!” หลิ่วหมิงโบกมือและกล่าวออกมาเบาๆ
“ทราบ…นายท่าน…”
แมงป่องกระดูกโบกก้ามทั้งคู่ และกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว มันเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็ไปปรากฏตัวหน้ากำแพงหมอกที่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ขณะเดียวกัน หางตะขอก็ปักใส่ผนังหมอกอย่างบ้าคลั่ง
หัวบินก็ไม่ยอมน้อยหน้า พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นเงาเก้าเงา และพุ่งไปยังกำแพงหมอกอีกด้านหนึ่ง
พอเห็นว่าอสูรเลี้ยงแสนรักของตนเริ่มฝึกฝนแล้ว หลิ่วหมิงถึงกวาดสายตาไปรอบด้าน และตะโกนออกมา
“ผู้อาวุโสหลัวโหว ผู้น้อยมีเรื่องอยากขอคำชี้แนะเล็กน้อย ขอท่านปรากฏตัวด้วย”
เสียงดังก้องอยู่ในห้องว่างเปล่า หนึ่งเค่อผ่านไปก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา
หลิ่วหมิงตะโกนเรียกเช่นนี้อีกสองสามรอบ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะปรากฏตัวออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ
ดูท่าหลัวโหวคงไม่ยอมปรากฏตัวในตอนนี้ หรือไม่ก็หลับลึกอีกแล้ว
เขานั่งขัดสมาธิลงไปทันที และเริ่มนึกถึงเนื้อหาในคัมภีร์ของหอนานัปการ ที่แนะนำเกี่ยวกับระบบและประเภทโอสถในแผ่นดินจงเทียนอย่างเงียบๆ
ตามที่บันทึกไว้ แดนบำเพ็ญเซียนในแผ่นดินจงเทียนแบ่งโอสถละเอียดมาก และได้กลายเป็นระบบใหญ่ในโลกการฝึกฝนแล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แผ่นดินอวิ๋นชวนจะสามารถเปรียบเทียบได้
แม้ผู้ฝึกฝนโดยทั่วไปจะใช้โอสถที่เหมาะสมกับระดับการฝึกฝนมาแบ่งประเภทเป็นระดับศิษย์จิตวิญญาณ ระดับของเหลว ระดับผลึก จนกระทั่งระดับแก่นแท้ขึ้นไป และเรียกโอสถระดับต่ำหรือโอสถระดับสูงตามความยากง่ายในการปรุง
แต่ความจริงแล้วโอสถของแต่ละระดับ สามารถแบ่งได้ตามระดับความบริสุทธิ์ของโอสถ คือโอสถระดับต่ำ โอสถระดับกลาง และโอสถระดับสูง
โอสถแต่ละชนิดที่ปรุงออกมา ไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งเจือปนที่ไม่มีประโยชน์กับผู้ทานได้ และอาศัยวิธีการต่างๆ ในการประเมินค่าของมันได้โดยง่าย
โอสถระดับต่ำ คือโอสถที่มีสิ่งเจือปนเกินห้าส่วนขึ้นไป ซึ่งมีความบริสุทธิ์น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
โอสถระดับกลาง คือโอสถที่มีความบริสุทธิ์ห้าถึงเจ็ดส่วน
โอสถระดับสูง เป็นโอสถที่มีความบริสุทธิ์เจ็ดส่วนขึ้นไป และโอสถที่มีความบริสุทธิ์เจ็ดถึงแปดส่วน เรียกว่าโอสถธรรมดา โอสถที่มีความบริสุทธิ์แปดถึงเก้าส่วน เรียกว่าโอสถพสุธา และโอสถที่มีความบริสุทธิ์เก้าส่วนขึ้นไป ก็เป็นโอสถสวรรค์ตามที่เล่าลือกันแล้ว
และพอโอสถเข้าสู่ระดับสูงแล้ว ก็จะมีลายเส้นจิตวิญญาณปรากฏบนพื้นผิว และลายเส้นยิ่งมาก คุณภาพของโอสถก็ยิ่งสูง และลายเส้นจิตวิญญาณเหล่านี้ ก็ถูกเรียกกันว่าลายโอสถ ด้วยเหตุนี้ต่อให้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถ ก็สามารถแยกแยะคุณภาพของโอสถผ่านลายโอสถได้อย่างง่ายดาย
โดยทั่วไปแล้ว โอสถที่มีลายสามเส้นลงไปจะเป็นโอสถธรรมดา สามเส้นถึงหกเส้นจะเป็นโอสถพสุธา และหกเส้นขึ้นไปย่อมเป็นโอสถสวรรค์แล้ว
และพอโอสถเข้าสู่ระดับสูงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าหรือราคาของมัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่โอสถระดับกลางจะสามารถเทียบได้ เพราะโอสถที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์หรืออาการต่อต้านโอสถล้วนแตกต่างกันยิ่งนัก
แม้กระทั่งโอสถที่มีผลกระทบพิเศษบางอย่าง หากมีความบริสุทธิ์แตกต่างกันหนึ่งถึงห้าส่วน ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ในการทานแตกต่างกันราวฟ้ากับดินก็เป็นได้
และในแผ่นดินจงเทียน มีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปรุงโอสถระดับสูงได้เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่แท้จริงได้
พอหลิ่วหมิงนึกถึงโอสถชิงซ่านที่ฟางเหยาปรุงให้เขาในทะเลหนานไห่ ดูเหมือนว่าจะมีลายโอสถอยู่สองเส้น ดังนั้นจึงนับว่าเขาพอจะคู่ควรกับคำว่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถได้
แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่สามารถปรุงโอสถระดับสูงของระดับศิษย์จิตวิญญาณ ระดับของเหลว และระดับผลึกได้ ย่อมแตกต่างกันมาก
เพราะอย่างแรกยังต้องอาศัยทรัพยากรของนิกายหรือตระกูลเป็นจำนวนมาก แต่อย่างหลังต้องพึ่งพรสวรรค์การปรุงโอสถของตัวเองจริงๆ
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ในใจ และนึกถึงตอนที่เข้าห้องว่างเปล่าลึกลับในเมืองเสวียนจิงของแผ่นดินอวิ๋นชวน เขาเคยปรุงโอสถระดับศิษย์จิตวิญญาณแบบเดียวกันเป็นจำนวนมาก และปรุงโอสถธรรมดาที่มีลายโอสถหนึ่งเส้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา