เมื่อกวาดสายตาดู ก็ค้นพบว่าโอสถสองเม็ดนี้ไม่มีลายโอสถเลย จากประสบการณ์ปรุงโอสถผลึกเย็นที่ผ่านมาแล้ว มันคงจะมีความบริสุทธิ์ห้าถึงหกส่วน
ความเสียใจเล็กน้อยเกิดขึ้นในสายตาของหลิ่วหมิง เขาวางโอสถไว้ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ พอโบกแขนเสื้อจัดการเศษโอสถในเตาหลอมจนสะอาดแล้ว ก็เริ่มปรุงโอสถรอบใหม่
หากมีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ จะต้องรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก สิ่งนี้เป็นถึงโอสถผลึกเย็น ลำพังแค่ปรุงมันออกมาได้หนึ่งเม็ด ก็ทำให้พวกเขาดีใจมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะรังเกียจที่มันมีคุณภาพไม่ดี
ยี่สิบกว่าวันผ่านไป หลิ่วหมิงใช้วัตถุดิบที่มีอยู่จนหมด สุดท้ายก็ปรุงโอสถผลึกเย็นได้สิบกว่าเม็ด และโอสถจินหยวนสามเม็ด
เขาจ้องมองโอสถแวววาวที่มีแสงจิตวิญญาณเปล่งประกายตรงหน้าด้วยความดีใจ โอสถผลึกเย็นเม็ดหนึ่งมีลายโอสถสีเงินอยู่หนึ่งเส้น มันคือโอสถธรรมดานั่นเอง
สามารถปรุงโอสถธรรมดาออกมาได้ หมายความว่าฝีมือการปรุงโอสถของเขาเข้าสู่ระดับที่ผู้คนในแผ่นดินจงเทียนเรียกกันว่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถแล้ว
และเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถจำนวนหนึ่งในนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็ไม่สามารถปรุงโอสถสองชนิดออกมาได้โดยง่าย
พอหลิ่วหมิงนึกถึงจุดนี้ ก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างอดไม่ได้ ในมือถือโอสถชื่นชมอยู่ แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงประโยชน์ใช้สอยของโอสถเหล่านี้
โอสถผลึกเย็นสิบกว่าเม็ด หากทานลงไปทั้งหมดและกลั่นเอาพลังล่ะก็ พลังเวทของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นมามาก จนกระทั่งฟื้นฟูสู่ระดับของเหลวขั้นปลายก็อาจเป็นไปได้
แต่หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว เขากลับระงับความคิดนี้ไว้ และตัดสินใจไม่ทานโอสถเหล่านี้ แต่กลับเตรียมนำพวกมันไปแลกหินจิตวิญญาณ จากนั้นค่อยซื้อวัตถุดิบจำนวนมากมาปรุงโอสถต่อ
หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เพียงแค่ทำซ้ำไม่กี่ครั้ง โอสถเหล่านี้ก็จะแลกหินจิตวิญญาณมาให้เขาจำนวนมาก หลังจากนี้ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการขาดแคลนหินจิตวิญญาณอีก
โอสถผลึกเย็นกับโอสถจินหยวนล้วนเป็นของหายากของผู้ฝึกฝนระดับของเหลว เพียงแค่นำมันออกมา ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาคนซื้อไม่ได้
แน่นอน! นี่เป็นเพราะว่าเขามีฟองอากาศลึกลับที่ทำให้พลังเวทบริสุทธิ์ ไม่ต้องกังวลระดับความบริสุทธิ์ของโอสถ หรือกังวลว่าหากทานมากเกินไป สิ่งปะปนที่อยู่ในนั้นจะส่งผลกระทบต่อการฝึกฝน และการทะลวงคอขวดในภายหลังหรือไม่
หากเป็นผู้ฝึกฝนธรรมดา ต่อให้จะมีกำลังทรัพย์เช่นนี้ ก็ไม่อาจทานโอสถนี้ตามอำเภอใจได้
หลังจากหลิ่วหมิงตัดสินใจแล้วก็วางโอสถลงไป และนำยันต์เก็บของออกมาเก็บโอสถ
เวลาต่อมา เขาไม่ได้ออกจากถ้ำในทันที แต่กลับเริ่มทำความเข้าใจเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามอย่างละเอียด
เพราะโอสถอะไรพวกนี้เป็นแค่พลังเสริมจากภายนอกเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือยังต้องฝึกฝนพลังของตัวเอง
หนึ่งเดือนต่อมา
ภายในทะเลจิตรับรู้ของหลิ่วหมิง คัมภีร์สีดำเปล่งประกาย และกลายเป็นกลุ่มแสงสีดำก่อนที่จะค่อยๆ สลายไป
เขานำจิตออกจากทะเลจิตรับรู้ ใบหน้าดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก คิ้วทั้งสองขมวดขึ้นมา
ครั้งนี้หลิ่วหมิงใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่า ถึงเข้าใจเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามอย่างทะลุปรุโปร่ง
ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สาม ฝึกฝนยากกว่าสองขั้นแรกมาก
ขั้นแรกต้องการแค่ปราณหยินทั่วไปก็ฝึกฝนสำเร็จแล้ว และขั้นที่สองก็ใช้พลังจากภายนอกจำนวนหนึ่งมาบ่มเพาะร่าง แต่ขั้นที่สามไม่เพียงแต่จะฝึกฝนช้า แต่พอฝึกฝนสู่ระดับกลาง จำต้องอาศัยลมแกร่งฟ้าดินในการล้างไขกระดูกและร่างกาย ถึงจะฝึกฝนถึงขั้นที่สมบูรณ์แบบได้
และถ้ำลมสวรรค์ที่ให้กำเนิดลมชนิดนี้ แม้จะมีผลดีต่อการบ่มเพาะและฝึกฝนวิชาธาตุลมเป็นอย่างมาก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ
ต่อให้นิกายยอดบริสุทธิ์จะมีอิทธิพลมากแค่ไหน ก็ได้แต่อาศัยชัยภูมิพิเศษบางแห่งในเขาหมื่นวิญญาณ สร้างขึ้นมาด้วยพลังอภินิหาริย์ได้แห่งเดียวเท่านั้น
แต่หากจะเข้าไปฝึกฝนในนั้น จะต้องใช้แต้มคุณูปการมากกว่าถ้ำห้าธาตุมาก และมีแค่ศิษย์สายในเท่านั้นที่มีคุณสมบัติใช้มัน
แม้พลังของลมแกร่งนี้จะบ่มเพาะร่างและล้างไขกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในลมก็มีพลังกัดกร่อนอย่างหนึ่ง ที่มีอันตรายต่อร่างกายของคนเป็นอย่างมาก พอกัดกร่อนนานเข้าก็จะมีภัยแฝงอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ก่อนเข้าถ้ำลมสวรรค์ทุกครั้ง ยังต้องอาศัยเคล็ดวิชาลึกลับบางอย่างของผู้อาวุโสในนิกายคอยช่วยถึงจะลดภัยแฝงนี้ได้
พอหลิ่วหมิงอ่านถึงจุดนี้ ถึงเข้าใจในฉับพลัน
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้คนนอกนิกายจะได้เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬไปฝึกฝน แต่หากไม่ใช่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ ก็ไม่อาจฝึกฝนวิชานี้ไปถึงขั้นที่สูงได้
ไม่ใช่แค่วิชานี้เท่านั้น เกรงว่าเคล็ดวิชาระดับสูงของนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็คงมีข้อจำกัดที่คล้ายกันในขณะฝึกฝน
และหากเขาจะฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามจริงๆ ก็ต้องกลายเป็นศิษย์สายในให้ได้ก่อน ถ้าอย่างนั้นภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือ ยกระดับพลังของตัวเองก่อน แล้วเข้าร่วมประลองใหญ่รอบสุดท้ายของนิกายหรือไม่ก็ไปบุกเจดีย์ชวีหลิง
สำหรับสถานการณ์ของหลิ่วหมิงในตอนนี้ สามารถทานโอสถผลึกเย็นเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ ส่วนการยกระดับวิถีทางอื่นๆ จำต้องพิจารณาถึงการฝึกฝนเคล็ดวิชาสองสามอย่าง และปรับแต่งโล่เก้ากระโหลกให้กลายเป็นอาวุธเวท
เพียงแค่ปรับแต่งชั้นจำกัดที่สามสิบหกของโล่เก้ากะโหลกให้กลายเป็นรูปแบบอาวุธเวท พลังของเขาย่อมเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย
ตามที่บรรยายไว้ใน ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ เขาได้ทยอยเตรียมวัสดุที่จำเป็นในการปรับแต่งชั้นจำกัดสุดท้ายมาพอประมาณแล้ว ส่วนวัสดุที่เหลือ คิดว่าเพียงแค่ใช้หินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งซื้อจากตลาดในนิกายก็น่าจะได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ และต้องใช้หินจิตวิญญาณจำนวนมากถึงจะทำสำเร็จได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา