หากเป็นผู้ฝึกฝนธรรมดา เกรงว่าคงเสียชีวิตในทันทีแล้ว
แต่ปีศาจตัวนี้กลับส่ายร่างส่วนบนสองสามที ทันใดนั้นหัวของมันก็หมุนแบบแปลกๆ เสียงร้องครวญครางหยุดลง และส่งเสียงหอนโหยหวนในฉับพลัน
พอบัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงนี้ ก็รู้สึกร้อนที่หน้าอกราวกับว่าถูกต่อยอย่างรุนแรงไปหนึ่งหมัด จนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
“ร้อยปีศาจร่ำไห้!”
หลิ่วหมิงใจเต้นขึ้นมา พริบตาเดียวก็นึกถึงวิชาสายปีศาจนี้ขึ้นมาได้
นี่เป็นวิชาสายปีศาจที่ปีศาจระดับกลางถึงสูงสามารถควบคุมได้ มันส่งผลกระทบต่อจิตใจและสติปัญญาของมนุษย์ ใช้จู่โจมอย่างฉับพลันในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอ ทำให้เลือดลมของฝ่ายตรงข้ามไหลย้อนกลับ พลังเวทสูญสลาย มีผลเช่นเดียวกับเสียงแผดร้องของอัคจิตวิญญาณที่เขาเจอในแดนลึกลับ
แต่วิชาปีศาจร่ำไห้ระดับนี้ไม่มีผลกระทบต่อเขามากนัก แต่เขากลับยกแขนเสื้อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายรุ้งสีแดงกระพริบออกไป และหมุนวนปีศาจตัวนี้แค่รอบเดียวก็พุ่งกลับมา
“ตุ๊บ!”
ปีศาจหน้าดำมีสีหน้าแข็งทื่อในทันที ร่างกายส่วนบนส่ายไปส่ายมา และล้มโครมลงพื้น
ในขณะนั้นเอง มีเสียงคำรามด้วยความโมโหดังมาจากภายในถ้ำที่อยู่ไกลๆ ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันเป็นปีศาจอีกตัวหนึ่ง
หลิ่วหมิงหันไปมองด้วยสายตาที่เย็นชา
อีกด้านหนึ่งของถ้ำเหมืองแร่ ปีศาจหน้าดำอีกตัวถูกเส้นผมสีเขียวรัดพันไว้แน่น หมอกดำรอบตัวกลายเป็นเงาอสรพิษสีดำสองสามตัว กำลังฉีกทึ้งเส้นผมสีเขียวอยู่ไม่หยุด แต่ไม่ว่ามันจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
และไม่รู้ว่าหัวบินใช้ความสามารถมหัศจรรย์อันใด ถึงรัดพันคอของปีศาจได้อย่างแน่นหนาเช่นนี้ หัวใหญ่หนึ่งหัวกับเล็กสองหัวกำลังกัดจุดสำคัญของปีศาจไม่ปล่อย
ตอนแรกปีศาจหน้าดำที่ดูดุร้าย ยังสามารถส่งเสียงคำรามและดิ้นรนอยู่ในตาข่ายได้ แต่หลังจากหลิ่วหมิงมองออกไปไม่กี่อึดใจ เสียงของมันก็ดูไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา ขณะเดียวกัน ร่างของมันก็ลดขนาดและแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็นอนนิ่งอยู่ในตาข่าย และไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก
หลิ่วหมิงพยักหน้า และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง
แสงสีแดงกระพริบผ่านกลางอากาศ กระบี่บินสีแดงจมเข้าไปในช่องอกของปีศาจหน้าดำ ปลายกระบี่ทะลุออกจากด้านหลัง
จากนั้นแสงกระบี่ก็สั่นไหวและผ่าขึ้นด้านบน
เสียงร้องโหยหวนแปลกประหลาดดังออกมา!
ปีศาจหน้าดำตัวนี้ถูกกระบี่ผ่าออกเป็นสองส่วน มันตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว
ตั้งแต่ปีศาจหน้าดำสองตัวปรากฏออกมา จนถึงตอนที่หลิ่วหมิงกับอสูรจิตวิญญาณสองตัวลงมือสังหารมันอย่างง่ายดายนั้น ใช้เวลาไม่เกินครึ่งถ้วยชา
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลิ่วหมิงล้วนมีท่าทีสบายๆ ราวกับว่าไม่ได้ใช้แรงอะไรมากนัก
สิ่งนี้ย่อมทำให้บัณฑิตวัยกลางคนทั้งตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก
หลังจากแมงป่องกระดูกกับหัวบินพากันเก็บพลังของตัวเองแล้ว ก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง ส่วนผู้อาวุโสตระกูลสวี่ก็รีบเก็บโล่ตรงหน้า และก้าวเข้ามาประสานมือคารวะหลิ่วหมิง
“คิดไม่ถึงว่าสหายไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ที่มีพลังน่าตกใจเท่านั้น ทั้งยังมีอสูรจิตวิญญาณที่เก่งกาจอีกสองตัว ช่างทำให้ข้าน้อยได้เปิดหูเปิดตาเป็นยิ่งนัก หากข้าน้อยดูไม่ผิดล่ะก็ อสูรจิตวิญญาณสองตัวนี้ คงมีพลังระดับของเหลวขั้นปลาย จุ๊ๆ! สหายสมกับเป็นศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์จริงๆ มีอสูรจิตวิญญาณที่เก่งกาจอยู่กับตัวเช่นนี้ เกรงว่าคงพอที่ต้านทานผู้แข็งแกร่งระดับผลึกลงมาได้”
“สหายชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยได้อสูรสองตัวนี้มาโดยบังเอิญเท่านั้น” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปหนึ่งประโยค พอตบไปที่เอว แมงป่องกระดูกกับหัวบินก็กลายเป็นไอดำสองกลุ่มม้วนตัวเข้าไปในถุงหนังบนเอว
บัณฑิตวัยกลางคนเห็นเช่นนี้ ก็โค้งตัวกล่าวขอบคุณอย่างเต็มปากเต็มคำอีกครั้ง
“นี่เป็นเรื่องที่ข้าต้องทำ ไม่ต้องขอบคุณ หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ!” หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูรอบด้านหนึ่งรอบ พอค้นพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติแล้ว ก็กล่าวออกมา
บัณฑิตวัยกลางคนย่อมตอบรับในทันที
ดังนั้นคนทั้งสองก็รีบกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว และหลังจากออกจากถ้ำเหมืองแร่แล้ว ก็ขี่เมฆไปทางป้อมตระกูลสวี่
หลายชั่วยามต่อมา ภายในห้องโถงใหญ่ของป้อมตระกูลสวี่ หลิ่วหมิงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบๆ
รอบๆ ตัวเขามีสวี่ไคหยางและผู้อาวุโสคนอื่นๆ นั่งอยู่ บัณฑิตวัยกลางคนที่ไปพร้อมกับหลิ่วหมิงในก่อนหน้านั้น ก็อยู่ที่นั่นด้วย
ผู้ฝึกฝนตระกูลสวี่เหล่านี้ ต่างก็รู้เรื่องการต่อสู้อันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงจากปากบัณฑิตวัยกลางคนแล้ว ในขณะที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากนั้น ย่อมรู้สึกเลื่อมใสหลิ่วหมิงมากขึ้นกว่าเดิม
“ท่านทูตหลิ่ว นี่คือค่าตอบแทนที่ทางนิกายรับปากไว้ในตอนแรก ครั้งนี้ท่านฑูตยอมมาช่วยไกลถึงเพียงนี้ ข้าน้อยขอเป็นตัวแทนของตระกูลสวี่ขอบคุณท่านทูตอีกครั้ง นอกจากนี้ ของเหล่านี้ล้วนเป็นวัสดุหลอมอาวุธที่หาได้ยากจำนวนหนึ่ง ที่บรรพบุรุษของตระกูลเราได้ทิ้งไว้ หากท่านสนใจล่ะก็ เลือกไปสักอย่างสองอย่างเถิด!” ไม่นาน หัวหน้าตระกูลสวี่กับผู้อาวุโสผอมแห้งก็เดินมาจากด้านหลังห้องโถง และเดินมาวางถุงหินจิตวิญญาณไว้บนโต๊ะก่อนกล่าวออกมา
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลสวี่ที่อยู่ด้านข้างก็สะบัดแขนเสื้อ หลังจากแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา ก็มีกล่องหยกเล็กๆ สิบกว่าใบวางอยู่ข้างๆ ถุงใส่หินจิตวิญญาณ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยก็ไม่เกรงใจแล้ว” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็พูดออกมาอย่างราบเรียบ และเก็บถุงหินจิตวิญญาณเข้าไปก่อน จากนั้นสายตาก็ตกอยู่บนกล่องหยกเหล่านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา