“ท่านโปรดรอสักครู่!” ตอนนี้ชายชุดดำถึงค้นพบว่าตนเองยั้งสติไม่อยู่เล็กน้อย หลังจากยิ้มเคอะเขินออกมาแล้ว ก็ปิดกล่องหยกที่อยู่บนโต๊ะ และลุกเดินออกไปจากห้องรับรอง
ผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา ชายมนุษย์เผ่าค้างคาวถึงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม บนมือมีกล่องไม้สีเทาขนาดสองสามฉื่อใบหนึ่ง
เขาวางกล่องไม้ไว้บนโต๊ะ และใช้นิ้วเรียวยาวแตะเบาๆ ไอสีแดงสายหนึ่งจมเข้าไปในกล่อง พอฝากล่องเปิดออกมา ผลผลึกเขียวสิบห้าลูกที่อยู่ในนั้น ก็เปล่งแสงสีเขียวจางๆ
สำหรับหลิ่วหมิงที่เคยเห็นผลผลึกเขียวมานับไม่ถ้วนแล้ว เพียงแค่ใช้จิตกวาดดูเล็กน้อย ก็มั่นใจในอายุของผลผลึกเขียวเหล่านี้ พอใช้มือข้างหนึ่งลูบมันเบาๆ กล่องไม้ก็ถูกเขาเก็บเข้าไปในหอยสังข์ย่อส่วนที่อยู่บนเอว
“เถ้าแก่ ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำต้องขอตัวก่อน ส่วนโอสถคุณภาพสูงนั้น ข้าจะนำไปคิดดู” หลิ่วหมิงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
เดิมทีหลิ่วหมิงกะจะพูดจาคลุมเครือ แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองจะพูดเรื่องโอสถระดับที่สูงกว่าออกมา แต่พอมานึกดูแล้ว อย่างไรซะโอสถพสุธาก็ต้องนำออกมาขายเช่นกัน และร้านมนุษย์เผ่าค้างคาวก็เป็นคู่ค้าที่ดี อีกอย่างเขาก็ค่อนข้างสนใจผลผลึกเขียวพันปีนี้ไม่น้อย
“สหายค่อยๆ เดิน! หากครั้งหน้ามาร้านของเราล่ะก็ มาหาข้าโดยตรงได้เลย” ชายเผ่าค้างคาวเก็บกล่องหยกที่ใส่โอสถผลึกเย็น และกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า จากนั้นก็เดินลงหอไปกับหลิ่วหมิง
เวลาที่เหลือเขาก็เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันสิบกว่าแบบ และใช้หินจิตวิญญาณที่มีอยู่ในมือไปรวบรวมวัตถุดิบเสริมที่จำเป็นจำนวนมาก ทั้งยังซื้อแก่นบริสุทธิ์อสูรจินหยวนระดับผลึกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นถึงกลับไปที่หอร้อยหลอม
ช่วงเวลาหลังจากนี้ นอกจากเขาจะลงหอไปดูสถานการณ์ของร้านในคราวจำเป็นแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือส่วนมากก็จะอยู่บนห้องลับชั้นสาม ด้านหนึ่งฝึกฝนเคล็ดกระบี่ทั้งสองแบบ อีกด้านหนึ่งก็ปรุงโอสถทั้งสองชนิดเป็นจำนวนมาก
สองเดือนต่อมา ในที่สุดเขาก็ปรุงโอสถทั้งหมดเสร็จสิ้น
ครั้งนี้เขาปรุงโอสถผลึกเย็นออกมาได้หนึ่งร้อยกว่าเม็ด ในนั้นมีโอสถธรรมดาถึงสามสิบกว่าเม็ด และมีโอสถพสุธามากถึงสี่เม็ด
นอกจากนี้ยังมีโอสถจินหยวนสิบกว่าเม็ด ทั้งยังมีโอสถธรรมดาหนึ่งเม็ดด้วย
ที่เขาได้โอสถระดับสูงมามากเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบหลักอย่างผลผลึกเขียวที่มีอายุสี่ห้าร้อยปีเหล่านี้ คุณภาพของโอสถที่ปรุงออกมาจึงเพิ่มเป็นทวี
หลังจากเขาคิดไตร่ตรองไปรอบหนึ่งแล้ว ก็นำโอสถผลึกเย็นระดับกลางในมือมาแบ่งเป็นชุดๆ ขายให้กับร้านค้าในตลาดหลายร้าน เหลือเพียงโอสถระดับกลางไว้ใช้เองยี่สิบกว่าเม็ดเท่านั้น
และโอสถผลึกเย็นระดับสูงเหล่านั้น หลังจากหลิ่วหมิงคิดพิจารณาดูแล้ว ก็เก็บมันไว้ทั้งหมด
ไม่ว่าเขาจะรอบคอบระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม แต่การที่มีโอสถผลึกเย็นปรากฏออกมาจำนวนมากเช่นนี้ ก็ก่อให้เกิดความฮือฮาขึ้นมาในตลาดขนาดใหญ่อย่างตลาดฉางหยางแห่งนี้
แม้ร้านค้าโอสถในในตลาดจะมีจำนวนมาก แต่สำหรับผู้ที่มีความตั้งใจแล้ว พวกเขาย่อมรู้แหล่งที่มา และจำนวนโอสถชนิดต่างๆ ในตลาดดี แม้ว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ก็ดึงดูดความสนใจของกลุ่มอิทธิพลจำนวนหนึ่งได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอสถผลึกเย็นจำนวนมากที่ไม่รู้ที่มาเหล่านี้
ตอนนี้ต่อให้ผู้ที่สมองทึ่ม ก็คงจะรู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่แท้จริงมาในตลาดแล้ว
โอสถผลึกเย็นเป็นโอสถเพิ่มพลังเวท ย่อมมีกลุ่มอิทธิพลจำนวนมากสนใจผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถผู้นี้ จึงได้เริ่มส่งคนตามสืบอย่างเงียบๆ
ช่วงพื้นที่เจริญรุ่งเรืองใกล้กับมุมตะวันออกเฉียงเหนือของตลาดฉางหยาง มีร้านค้าข้างถนนแห่งหนึ่งที่ทอดยาวติดต่อกันสิบกว่าจั้ง
การตกแต่งร้านภายนอกสวยหรูดูดีมีระดับ ประตูใหญ่สีแดง หน้าต่างดูสว่างไสว ประตูหน้าร้านมีป้ายไม้สีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่ บนนั้นเขียนว่า ‘เรือนโอสถเฮ่าหราน’
ที่นี่ก็คือร้านโอสถแห่งหนึ่งที่สำนักเฮ่าหรานเปิดไว้ในตลาดนั่นเอง เทียบกับหอร้อยหลอมของนิกายยอดบริสุทธิ์แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีกำลังทรัพย์และอิทธิพลกว่ามาก
ห้องโถงแห่งหนึ่งภายในเรือนโอสถเฮ่าหราน ภายในมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือนหรือการตกแต่งด้านใน ล้วนมีกลิ่นอายโบราณ เหมือนกับว่ามีมานานแล้ว
ตรงที่นั่งใจกลางห้องโถง ชายวัยกลางคนที่สวมชุดบัณฑิตนั่งอยู่บนนั้น เขากำลังชื่นชมขวดหยกขาวที่มีลายสลักเป็นรูปบุปผาอยู่
หากหลิ่วหมิงอยู่ที่นี่ล่ะก็ จะต้องจำได้ว่าคนผู้นี้ก็คือบัณฑิตวัยกลางคนของสำนักเฮ่าหราน ที่เขาเคยพบในร้านค้าอสูรเมื่อหลายวันก่อน
และขณะนี้บัณฑิตหนุ่มผู้นั้นก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ นอกจากนี้แล้วยังมีผู้อาวุโสผมขาวกำลังรายงานอะไรบางอย่างกับบัณฑิตวัยกลางคนอย่างนอบน้อม
“เถ้าแก่สวี พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า ตอนนั้นมีชายวัยกลางคนสวมคลุมสีเทามาขายโอสถผลึกเย็นนี้” บัณฑิตวัยกลางคนทำสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ใช่แล้ว เป็นเพราะว่าตอนนั้นข้าเป็นคนซื้อโอสถผลึกเย็นอันหายากนี้มากับมือ คนผู้นั้นเรียกร้องให้ค้าขายกันอย่างลับๆ ข้าน้อยจึงไม่อาจถามที่มาของโอสถนี้ได้ หลังทำการค้าเสร็จ คนผู้นั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว” ผู้อาวุโสผมขาวตอบอย่างนอบน้อม
“ชายวัยกลางคนผู้นั้นมีลักษณะพิเศษอย่างไรบ้าง?” บัณฑิตวัยกลางคนขมวดคิ้วขึ้นมา
“คนผู้นั้นมีอายุราวๆ สี่สิบกว่าปี รูปร่างหน้าตาดูธรรมดามาก การฝึกฝนก็แค่ระดับของเหลว หากไม่ได้ลงมือล่ะก็ ไม่อาจรับรู้ระดับการฝึกฝนที่ละเอียดกว่านี้ได้” เถ้าแก่สวีนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา
พอเห็นว่าบัณฑิตวัยกลางคนยังคงไม่พูดอะไรออกมา เถ้าแก่สวีก็ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เล่าต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา