ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 535

สรุปบท ตอนที่ 535: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 535 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 535 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 535 นายหน้า
ตอนที่ 535 นายหน้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท่ามกลางข่าวการปรากฏตัวของโอสถผลึกเย็น ทำให้ในตลาดเกิดความวุ่นวายขึ้นมา คลื่นใต้น้ำแอบเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด

แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอิทธิพลใดก็ตาม ในขณะที่ยังหาที่มาที่ชัดเจนของผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านนี้ไม่ได้ ต่างก็กำชับศิษย์ว่าอย่าได้ล่วงเกินผู้ที่จะมาขายโอสถโดยเด็ดขาด

ผู้ที่มีความสามารถล้วนมีนิสัยแปลกๆ หากทำให้ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านนี้ไม่พอใจล่ะก็ อาจจะแย่จนถึงขีดสุดก็ได้

หอร้อยหลอมเป็นกลุ่มอิทธิพลของนิกายยอดบริสุทธิ์ ย่อมได้รับข่าวนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

วันนี้ที่ชั้นสามของหอร้อยหลอม เถ้าแก่เย่ยืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงด้วยสีหน้านอบน้อม และกำลังรายงานอะไรบางอย่างอยู่

“ท่านทูตหลิ่วรู้ไหมว่ามีเรื่องโอสถผลึกเย็นโผล่ในตลาดเป็นจำนวนมาก และยังมีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านหนึ่งมาที่นี่ ทั้งยังปิดซ่อนที่อยู่ไว้…”

“อันนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน หลายวันนี้ข้ากักตัวฝึกฝนมาโดยตลอด ในตลาดเกิดเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าดูสนใจเป็นอย่างมาก

“เรื่องนี้ถูกเล่าลือกันในตลาดอย่างโกลาหล ว่ากันว่าโอสถที่ปล่อยออกมามีหลายร้อยเม็ด ร้านค้าจำนวนมากต่างก็สืบที่มาของโอสถเหล่านี้อยู่” เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เย่รู้สึกสนใจในเรื่องนี่มาก

“ตามที่ข้าทราบมา โอสถผลึกเย็นเป็นโอสถที่ปรุงได้ยากยิ่ง เหตุใดถึงปรากฏออกมาจำนวนมากเช่นนี้ได้ หรือว่าจะมีคนปรุงโอสถนี้ได้เป็นจำนวนมาก?” หลิ่วหมิงลูบคางแล้วกล่าวออกมา

“คนส่วนมากต่างก็คิดเช่นนี้ ดูท่าผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคงจะมาตลาดฉางหยางจริงๆ” เถ้าแก่เย่ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวออกมา

“เถ้าแก่เย่ก็สนใจคนผู้นี้ด้วยหรือ?” หลิ่วหมิงจิบชาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คนผู้นี้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถหายาก หากดึงเข้านิกายได้ พวกเราก็นับว่าได้สร้างผลงานใหญ่ไปด้วย” เถ้าแก่เย่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ดี! ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้มอบให้เถ้าแก่เย่เป็นคนจัดการก็แล้วกัน” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างสงบ

“รับทราบ! ข้าน้อยจะตามหาผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถผู้นั้นอย่างสุดความสามารถ” เถ้าแก่เย่ได้ยินเช่นนี้ ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าดีใจ

หากเขาหาคนผู้นี้เจอจริงๆ ผลงานนี้จะต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน

จากนั้นผู้อาวุโสก็เปลี่ยนหัวข้อมาพูดถึงเรื่องอื่นๆ ในตลาด

ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาต่อมา เถ้าแก่เย่ก็ลุกขึ้นและขอตัวลา

หลิ่วหมิงเองก็วางถ้วยกระเบื้องเคลือบลายครามลง มุมปากเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา

แม้ทั้งสองครั้งที่เขาออกไปขายโอสถ จะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้นสายตาของผู้ที่สนใจไปได้

ภายใต้สถานการณ์ที่กลุ่มอิทธิพลจำนวนมากตามหาเขาเช่นนี้ หากจะออกไปซื้อวัตถุดิบก็ดูจะเสี่ยงไปหน่อย

เรื่องโอสถจึงได้แต่รอให้ข่าวนี้จางไปก่อน

เวลาต่อมา หลิ่วหมิงกักตัวฝึกฝนทุกวัน และใช้โอสถผลึกเย็นอย่างฟุ่มเฟือยในทุกๆ สองสามวัน จากนั้นก็ค่อยกลั่นเอาพลังของมัน

ในขณะที่พลังเวทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง เขาก็วางแผนตามหาโลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำจิตวิญญาณ กับยกระดับต้นแบบอาวุธเวทของโล่เก้ากระโหลก เรื่องใหญ่ทั้งสองนี้ล้วนเกี่ยวพันถึงแผนการฝึกฝนในภายหน้า

ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีที่ช่วยเสริมพลังชีวิตนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง คงได้แต่อาศัยโชคแล้ว และวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการปรับแต่งโล่เก้ากระโหลกขั้นสุดท้าย ส่วนมากหลิ่วหมิงหามาได้หมดแล้ว ตอนนี้ขาดแค่วัสดุเสริมสามอย่าง

น้ำหยินโสมม ผลึกปีศาจอีกา และผงวิญญาณบริสุทธิ์

วัสดุทั้งสามหาได้ยากนัก น้ำหยินโสมมกับผลึกปีศาจอีกาเป็นวัสดุธาตุหยินที่พบเจอได้น้อย และผงวิญญาณบริสุทธิ์ยิ่งเป็นวัสดุจิตวิญญาณที่พบเจอได้น้อยยิ่งกว่า

หลิ่วหมิงนำหินจิตวิญญาณหนึ่งล้านกว่าก้อนที่ได้มาจากการขายโอสถผลึกเย็น ไปหาวัสดุเหล่านี้ในตลาดฉางหยางเมื่อว่างจากการฝึกฝน ดีที่ว่าหลายวันก่อนเขาได้เดินตลาดไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้จึงไม่ถึงกับหาอย่างไร้จุดหมาย

……

ในตรอกตรงมุมตะวันออกเฉียงใต้ของตลาดฉางหยาง ทั้งสองข้างทางมีร้านค้าขนาดต่างๆ และในนั้นก็มีของขายครบครัน

ภายในร้านขายวัสดุหลอมอาวุธแห่งหนึ่ง หลังจากหลิ่วหมิงกับเถ้าแก่เสื้อเหลืองเจรจากันเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมาด้วยสีหน้าอับจนหนทาง

หลายวันมานี้ เขาเดินไปหลายร้านแล้ว

สิ่งที่ให้เขารู้สึกท้อแท้ใจก็คือ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เบาะแสของตะพาบน้ำหมื่นปีเท่านั้น แม้แต่วัสดุเสริมทั้งสามอย่างก็หาไม่เจอเลย

ด้วยสถานะของเขา หากไหว้วานให้หอร้อยหลอมออกหน้าล่ะก็ จะรวดเร็วมากนัก แต่หากทำเช่นนี้ อาจจะดึงดูดความสนใจของคนจำนวนหนึ่ง พอถึงตอนนั้นก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาอีก

ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังหมุนตัวเดินไปยังร้านค้าวัสดุอีกแห่งนั้น พลันมีน้ำเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“สหายผู้นี้ โปรดหยุดก่อน”

พอหลิ่วหมิงชะงักฝีเท้าหมุนตัวกลับมา ก็เห็นชายชุดเขียวอายุสามสิบกว่าปียืนอยู่ไม่ไกล และกำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ทราบว่าท่านคือใคร? เรียกข้าไว้มีเรื่องอันใดหรือ?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกคุ้นตาคนตรงหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“ข้าหลูเหยียนผิง วันนี้เห็นสหายตามหาอะไรบางอย่างไปทั่ว ข้าใช้ชีวิตในตลาดมาหลายปี เชื่อว่าคุ้นเคยกับสถานแห่งนี้มากกว่าสหาย คงจะช่วยได้เล็กน้อย และก็เป็นการประหยัดเวลาของท่านด้วย” ชายชุดเขียวหัวเราะเฮ่อๆ! ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจท่าทีเย็นชาของหลิ่วหมิง

“ส่วนค่าใช้จ่าย ท่านจ่ายสองพันหินจิตวิญญาณต่อวัสดุที่ข้าช่วยท่านซื้อในแต่ละอย่างก็พอแล้ว” หลูเหยียนผิงนึกๆ อยู่ครู่หนึ่ง และพูดเสริมขึ้นมา

หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าตอบตกลง แม้ว่าค่าใช้จ่ายนี้จะไม่เบา แต่หากสามารถหาวัสดุได้อย่างราบรื่น เขาย่อมไม่ขี้เหนียวกับหินจิตวิญญาณแค่ไม่กี่พันก้อน

“ตกลงตามนี้ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลย ต้องรอให้ข้าได้วัสดุก่อน ถึงจะจ่ายค่าตอบแทนให้ท่าน” หลิ่วหมิงเอานิ้วเคาะโต๊ะแล้วกล่าวออกมา

“ย่อมเป็นเช่นนั้น! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะพาสหายไปดูน้ำหยินโสมมกับผลึกอีกาดำก่อนเถอะ มีร้านค้าหนึ่งที่น่าจะมีของสองอย่างนี้” ขณะที่พูดหลูเหยียนผิงก็ลุกขึ้นมา

“ข้ายังมีเรื่องอีกอย่างที่อยากไหว้วาน หากสหายหลูช่วยข้าหาโลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีได้ ข้ายอมจ่ายค่าตอบแทนสองเท่า” ขณะที่ชายหนุ่มขุดเขียวเพิ่งจะลุกขึ้น หลิ่วหมิงก็พูดออกมาเบาๆ

ครั้งนี้หลูเหยียนผิงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย และไม่ได้รับปากในทันที หลังจากผ่านไปซักพักถึงค่อยๆ กล่าวออกมา

”โลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีไม่สามารถเทียบกับวัสดุเหล่านั้นได้ นับว่าเป็นของล้ำค่ามหัศจรรย์ ข้าก็ได้แต่ช่วยสหายสอบถามดูก่อนเท่านั้น จะหาเจอหรือไม่นั้น คงต้องอาศัยโชคแล้วล่ะ”

“ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นก็ฝากสหายด้วย” หลิ่วหมิงไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ในเรื่องนี้

หลังจากทั้งสองออกจากหอสุราเพียวเซียงแล้ว ก็เข้าไปรวมกับฝูงชนบนท้องถนน

หลิ่วหมิงเดินตามเหยียนหรูผิงไปราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าว ก็มาปรากฏตัวในปากตรอกที่ค่อนข้างมืดแห่งหนึ่ง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเดินตามไปอย่างเงียบๆ

หลังจากเดินไปได้พักหนึ่ง หลูเหยียนผิงก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูร้านเล็กๆ ที่ดูไม่เตะตาแห่งหนึ่ง

ร้านเล็กๆ แห่งนี้ไม่มีแม้แต่ป้ายร้าน ถูกร้านอื่นๆ บริเวณนั้นบีบอัดอยู่ตรงกลาง มีเพียงประตูเล็กๆ ที่กว้างแค่สองฉื่อเท่านั้น และดูโกโรโกโสเป็นอย่างมาก

“วัสดุที่สหายจะซื้อไม่ใช่สิ่งของทั่วไป คาดว่าทั่วทั้งตลาดฉางหยางคงมีแต่สถานที่แห่งนี้เท่านั้น ที่จะหาเจอได้” ชายชุดเขียวอธิบายเสร็จแล้ว ก็เดินไปผลักประตูออกครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านใน

หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยแล้วก็เดินตามเข้าไป

พอเขาเดินเข้าไปในประตู และกวาดสายตาดู ก็ค้นพบว่าภายในห้องมีชั้นวางของสองสามอันตั้งอยู่อย่างระเกะระกะ บนนั้นมีโอสถ และอาวุธธรรมดาจำนวนหนึ่งวางอยู่อย่างไม่ใส่ใจ

ผู้อาวุโสผอมแห้งที่มีผมและหนวดเป็นสีเหลืองเล็กน้อย เอนตัวอยู่บนเก้าอี้หลังตู้สินค้า และกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา