ประจักษ์ชัดว่าศิษย์สำนักเฮ่าหรานผู้นี้ ยังคงไม่ลืมเรื่องไข่หนอนกลายพันธ์ุนั้น
“รับทราบ! ขอคุณชายให้เวลาข้าน้อยอีกหน่อย ข้าน้อยจักต้องหาที่มาของคนผู้นี้ได้อย่างแน่นอน” ชายร่างผอมกล่าวด้วยความรู้สึกที่เย็นสะท้าน
“ดีมาก! หากสืบที่มาของคนผู้นี้ไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก” บัณฑิตหนุ่มระงับโทสะไว้ และตบตั่งวางน้ำชาทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง
……
ขณะเดียวกัน ภายในห้องลับของร้านค้าที่ดูธรรมดาในบริเวณนั้น หญิงชุดม่วงที่ดูโดดเด่น กำลังชื่นชมตะพาบน้ำสีทองขนาดเท่าฝ่ามือในมือ และด้านหลังของนางก็มีผู้อาวุโสชุดดำที่มีสีหน้าอ่อนโยนยืนอยู่
“ท่านผู้เฒ่าเฉียว สำหรับคลื่นปราณจิตวิญญาณเมื่อครู่ ท่านมองเห็นอะไรหรือไม่?” หญิงสาวชุดม่วงหันมามองผู้อาวุโสทีหนึ่ง และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“เรียนคุณหนู จากการคาดเดาของคนแก่อย่างข้า คงจะมีคนหลอมอาวุธจิตวิญญาณหรือโอสถที่หาได้ยากออกมา ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคนหนึ่ง แต่ก่อนที่โชคดีปรุงโอสถพสุธาที่มีลายโอสถห้าเส้นออกมาได้นั้น ก็เคยเกิดปรากฏการณ์ที่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่หลอมอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มีชั้นกำจัดค่อนข้างสูง ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นคล้ายๆ กัน แม้คนผู้นี้จะใช้ชั้นจำกัดปิดกั้นคลื่นสั่นสะเทือนส่วนมากไว้ได้ แต่ในเมื่อมาจากร้านหลอมอาวุธของนิกายยอดบริสุทธิ์ คิดว่าคงเป็นอย่างหลังแล้ว” ผู้อาวุโสชุดดำโค้งตัวเล็กน้อย และค่อยๆ อธิบายออกมา
“ท่านผู้เฒ่าเฉียว ขอท่านส่งคนไปตรวจสอบดูหน่อยว่า ช่วงนี้ทางนิกายยอดบริสุทธิ์ส่งผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธท่านใดมาประจำการที่นี่หรือไม่” หญิงชุดม่วงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย และสั่งออกไป
“รับทราบ! ข้าจะส่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสชุดดำคารวะทีหนึ่งแล้วก็เดินออกจากห้องลับไป
……
เวลาที่เหลือ นอกจากหลิ่วหมิงจะมาร้านค้าของมนุษย์เผ่าค้างคาวหนึ่งครั้ง เพื่อนำโอสถธรรมดาสามสิบเม็ดกับโอสถพสุธาสี่เม็ดที่มีลายโอสถสี่เส้นไปแลกกับหินจิตวิญญาณกว่าสามล้านก้อนแล้ว เขาก็ใช้เวลาส่วนมากประจำการอยู่ในหอร้อยหลอม
แม้เถ้าแก่เผ่าค้างคาวผู้นั้น จะรู้สึกแปลกใจที่หลิ่วหมิงปรุงโอสถพสุธาออกมาได้เร็วเช่นนี้ แต่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะผลผลึกเขียวพันปีเหล่านั้น
แม้จะรู้สึกประหลาดใจมาก และก็ไม่ถึงกับรู้สึกตะลึงพรึงเพริดจนเกินไป
ขณะนี้ ถุงบนเอวของเขามีหินจิตวิญญาณห้าล้านกว่าก้อนแล้ว และมีโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาที่มีลายโอสถสี่เส้นห้าเม็ด ห้าเส้นสองเม็ด และหกเส้นหนึ่งเม็ด
ครึ่งเดือนผ่านไป งานประมูลใหญ่ก็เริ่มขึ้นในที่สุด
บริเวณทะเสลาบที่อยู่ใจกลางตลาด ชายวัยกลางคนที่สวมชุดดำค่อยๆ ก้าวออกมาจากตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลังจากจัดแขนเสื้อแล้ว ก็เดินไปยังหอใหญ่ที่ใช้ในงานประมูล เขาก็คือหลิ่วหมิงที่ปลอมตัวมานั่นเอง
ครึ่งเดือนก่อน ในสถานะฑูตของนิกายยอดบริสุทธิ์ เขาย่อมได้รับจดหมายเชิญจากหอการค้าเชียนเหมิง แต่เขาไม่คิดจะใช้ของสิ่งนี้ แต่กลับตัดสินใจปลอมตัวเป็นผู้ฝึกฝนอิสระเข้าร่วมงานประมูลใหญ่
ในวันก่อนการประมูล มีกลุ่มผู้ฝึกฝนกลุ่มละสองสามคนจากทั่วทิศมาร่วมตัวกันที่นี่ ขณะนี้กำลังทะลักเข้าไปในประตูใหญ่
หลิ่วหมิงสำรวจดูเล็กน้อยแล้ว ก็จ่ายหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งเป็นค่าธรรมเนียม จากนั้นก็เข้าไปในห้องโถงท่ามกลางสายตาของผู้พิทักษ์อย่างไม่สะทกสะท้าน
หลังจากเดินผ่านโถงทางเดินกว้างขวางที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้ว ก็จะเป็นห้องโถงในที่จัดงานประมูล ซึ่งแบ่งออกเป็นสองชั้น ผู้ฝึกฝนอิสระที่ไม่มีจดหมายเชิญเข้าได้แค่ห้องโถงตรงชั้นหนึ่ง ส่วนชั้นสองจัดเตรียมไว้สำหรับแขกพิเศษที่ได้รับจดหมายเชิญ
หลิ่วหมิงเลือกนั่งรอคอยอย่างเงียบๆ ในมุมที่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวตรงชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เริ่มสังเกตดูทุกอย่างที่อยู่ในห้องประมูล
สิ่งที่อยู่รอบๆ เวทีสี่เหลี่ยมใจกลางห้อง คือขั้นบันไดเป็นรูปพัด แต่ละขั้นบันไดมีที่นั่งจัดวางอยู่เต็มไปหมด
หลิ่วหมิงนับดูคร่าวๆ ก็พบว่าห้องประมูลในชั้นหนึ่งบรรจุคนได้เกือบพันคน และราวๆ ก่อนงานประมูลเริ่มหนึ่งชั่วยาม ก็ดูเหมือนจะมีที่นั่งเหลืออยู่น้อยมาก
งานประมูลใหญ่ในตลาดฉางหยาง ใหญ่กว่างานประมูลที่หลิ่วหมิงเข้าร่วมในเขตทะเลชังไห่มาก
ที่นั่งด้านล่างนี้ล้วนเป็นที่นั่งธรรมดา บนชั้นสองยังมีที่นั่งพิเศษที่กั้นเป็นห้องๆ เห็นได้ชัดว่าจัดให้ผู้แข็งแกร่งที่มีสถานะและตำแหน่ง
ตั้งแต่หลิ่วหมิงเดินเข้ามา ก็ใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งตรวจสอบดู และค้นพบว่ามีคนเดินเข้าไปในห้องที่นั่งพิเศษไม่น้อย คนเหล่านี้ต่างก็มีกลิ่นไอที่ไม่อาจคาดเดาได้ มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกขึ้นไป ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้อยู่ในนั้นหนึ่งถึงสองคน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
และพอคนเหล่านี้เข้าไปในห้องที่นั่งพิเศษแล้ว ก็ไม่อาจสอดแนมได้เลยแม้แต่น้อย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทางเข้าลานประมูลก็มีคนเข้ามาน้อยลง
“ปัง!” หลังจากประตูทางเข้าค่อยๆ ปิดลง ก็มีลำแสงสีทองเปล่งประกายบนเวทีที่อยู่ตรงกลาง มีสิ่งของคล้ายๆ กับแท่นสูงค่อยๆ ผุดขึ้นมา
และในขณะเดียวเสียงจ้อกแจกจอแจในห้องประมูลก็หยุดลง สายตาของทุกคนจ้องมองลำแสงสีทองที่อยู่ตรงกลาง
แสงสีทองค่อยๆ สลายไป จะเห็นว่ามีคนสวมชุดขาวปรากฏตัวบนเวทีสามคน
คนกลางเป็นท่านผู้เฒ่าที่มีหนวดเคราและผมเป็นสีขาว ภายใต้การจ้องมองของคนจำนวนมากเหล่านี้ เขายังคงมีสีหน้าเกียจคร้าน ส่วนชายวัยกลางคนสองคนที่อยู่ข้างเขา คนหนึ่งมีใบหน้าขาวสะอาด อีกคนกลับมีผิวดำ ท่ามกลางการจ้องมองของคนจำนวนมาก พวกเขาก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด
หนังตาหลิ่วหมิงกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง กลิ่นไอบนตัวของชายวัยกลางคนทั้งสองหนาแน่นมาก ประจักษ์ชัดว่าเป็นยอดฝีมือระดับผลึก และมองเห็นอย่างชัดเจนว่าผู้อาวุโสผมขาวนั่งอยู่ที่นั่น แต่พอใช้จิตกวาดดู ก็ดูเหมือนว่าร่างของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ราวกับว่าจะหายไปได้ตลอดเวลา
ที่แท้ผู้อาวุโสผู้นี้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา