……
หลังจากเถ้าแก่เผ่าค้างคาวผู้นั้นไปส่งหลิ่วหมิงแล้ว ก็กลับขึ้นมาบนหอชั้นสาม และประสานมือคารวะหญิงชุดดำด้วยสีหน้าดีใจ
“ฮูหยิน ยินดีด้วย! มีโอสถเหล่านี้แล้ว การทะลวงคอขวดระดับผลึกของนายน้อย ก็มีความหวังขึ้นมามากแล้ว”
หญิงชุดดำได้ยินก็พยักหน้าด้วยความดีใจ ขณะนี้ มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง ซึ่งก็คือชายวัยกลางคนที่จัดวัตถุดิบโอสถอยู่ในหอนั่นเอง
“วิชาดวงตาของเจ้า สามารถมองออกได้ว่าคนผู้นี้ใช้วิชาแปลงร่างหรือไม่?” หญิงชุดดำกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย
“เรียนฮูหยินกง ข้าใช้วิชาดวงตาโลหิตสังเกตดูแล้ว คนผู้นี้ใช้เคล็ดวิชาบางอย่างในการเปลี่ยนแปลงกระดูก คิดว่าใบหน้าในตอนนี้ก็คงไม่ใช่ใบหน้าเดิมของเขา นอกจากนี้ ความจริงแล้วคนผู้นี้มีอายุไม่มาก การฝึกฝนก็อยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลายจริงๆ” ชายวัยกลางคนโค้งคารวะ และกล่าวอย่างนอบน้อม
“ทำไมหรือ? ฮูหยินรู้สึกว่าคนผู้นี้มีปัญหาอย่างนั้นหรือ?” เถ้าแก่ชุดดำถาม
“ข้ารู้สึกสงสัยเล็กน้อย หากคนผู้นี้เป็นลูกน้องหรือศิษย์ของผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านหนึ่งล่ะก็ ตามหลักแล้วจะไม่พกโอสถระดับพสุธาติดตัวเป็นจำนวนมากเช่นนี้ อีกอย่าง การที่เขาสามารถตัดสินใจแลกโอสถอย่างง่ายดาย มันก็ทำให้น่าสงสัยแล้ว แต่เขาอายุน้อยเช่นนี้ มันดูไม่ค่อยเหมือนไปหน่อย ช่างเถอะ! ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถหรือไม่ก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปรุงโอสถระดับพสุธาออกมาได้เช่นนี้ ส่วนมากเป็นผู้ฝึกฝนอิสระที่ไม่อยากผูกมัดกับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ มิเช่นนั้นคงไม่ระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในตลาดจับจ้องเขา เขาก็หยุดขายโอสถในทันที” หญิงชุดดำคิดไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา
“ฮูหยินกล่าวได้มีเหตุผล แต่หากคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกฝนอิสระจริงๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเผ่าค้างคาวเรา เผ่าเราชำนาญการปลูกผลผลึกเขียว แต่ในเผ่ากลับไม่มีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถขั้นสูง และโอสถเพิ่มพูนพลังเวทอย่างโอสถผลึกเย็นกลับมีความต้องการเป็นอย่างมาก” ชายวัยกลางคนกล่าวออกมา
“หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เผ่าเราจะต้องตีสนิทเขาให้มาก การค้าในปกติก็ให้ผลประโยชน์เขามากหน่อย หากเราสามารถใช้งานคนผู้นี้ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องโอสถอีก และหากในมือเขายังมีโอสถพสุธาล่ะก็ ไม่แน่เผ่าเราอาจจะมีระดับผลึกเกิดขึ้นอีกหลายคน” หญิงชุดดำพยักหน้า และหันไปกำชับเถ้าแก่ชุดดำ
“ข้าน้อยรับทราบ ฮูหยินวางใจได้” เถ้าแก่ชุดดำรีบตอบรับอย่างนอบน้อม
……
บนถนนมุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ของตลาด หลิ่วหมิงที่ปลอมเป็นชายฉกรรจ์หน้าดำ ดูเหมือนจะเดินแทรกตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างไร้จุดหมาย
การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เขาได้รับผลประโยชน์มามาก นอกจากผลผลึกเขียวพันปีห้าลูกแล้ว หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณก็ช่วยแก้ปัญหาจวนตัวในการเข้าร่วมงานประมูลใหญ่ในครั้งนี้ได้
หลังจากกลับมาหอร้อยหลอม เขาก็กำชับให้เถ้าแก่เย่ดูแลร้านให้ดี จากนี้ไปเขาจะกักตัวฝึกฝนครึ่งเดือน หากมีเรื่องเร่งด่วนก็ให้บอกเขาผ่านแผ่นค่ายกล
หลังจากพูดกำชับเสร็จ เขาก็เข้าไปในห้องลับบนชั้นสาม และนั่งขัดสมาธิลงไป
……
สิบวันต่อมา
ภายในห้องลับ
หลิ่วหมิงจ้องมองผลผลึกเขียวที่เปล่งประกายอยู่บนมือ มันคือผลผลึกเขียวที่มีอายุหนึ่งพันสามร้อยปีนั่นเอง
และในกล่องหยกที่อยู่ข้างเขา ก็มีโอสถธรรมดาวางอยู่สิบสองเม็ด และโอสถพสุธาแปดเม็ด เจ็ดเม็ดในนั้นมีลายโอสถสี่เส้น อีกเม็ดมีไอเย็นลอยวนอยู่ ซึ่งมันคือโอสถพสุธาที่มีลายโอสถห้าเส้น
หลายวันก่อน เขาได้นำผลผลึกเขียวทั้งสี่มาปรุงจนหมด และรับรู้ได้ลางๆ ว่าดูเหมือนวิชาปรุงโอสถของเขาจะก้าวหน้าไปอีกเล็กน้อย
“โอสถที่ปรุงขึ้นจากผลผลึกเขียวพันปีเหล่านี้ ล้วนเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมด ไม่รู้ว่าผลผลึกเขียวหนึ่งพันสามร้อยปีลูกนี้ จะปรุงโอสถระดับที่สูงยิ่งกว่าได้หรือไม่?” ดวงตาหลิ่วหมิงดูเร่าร้อนขึ้นมา และพูดพึมพำอย่างอดไม่ได้
จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ลังเล และปล่อยพลังออกไป พอมีเสียงดัง “โครมคราม!” เตาหลอมสีเงินตรงหน้าก็สั่นสะท้าน และฝาของมันก็ค่อยๆ เปิดออกมา
เขาโยนมือข้างหนึ่งไปกลางอากาศเบาๆ จากนั้นผลผลึกเขียวที่มีแสงเปล่งประกาย ก็พุ่งออกไป และหล่นลงในเตาหลอม
พอเขาตบพื้นด้วยมือข้างหนึ่ง ลมเย็นสบายก็พัดขึ้นจากพื้น และวัตถุดิบเสริมหลายอย่างก็ค่อยๆ ถูกม้วนเข้าไปในเตาหลอม
พอเขาโบกแขนเสื้อ ฝาเตาหลอมก็ค่อยๆ ปิดลง
จากนั้นนิ้วมือทั้งสิบก็เคลื่อนไหวราวกับล้อรถ ขณะเดียวก็ร่ายคาถาออกมา อักขระสีเงินบนเตาหลอมค่อยๆ เปล่งประกาย ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงก็ลุกโชนขึ้นมาจากด้านล่างเตาหลอม
……
สามวันต่อมา เตาหลอมสีเงินลอยอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวก็ถูกเปลวไฟสีแดงห่อหุ้มส่วนล่างไว้
หลิ่วหมิงเดินวนรอบๆ เตาหลอมเป็นระยะๆ และปล่อยพลังใส่ตลอดเวลา เพื่อรักษอุณหภูมิของเปลวไฟ ขณะเดียวกันก็มีสีหน้าราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
การใช้ผลผลึกเขียวที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ใช้ในการปรุงโอสถก็นานขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้วยระดับประสบการณ์ของหลิ่วหมิง ผลผลึกเขียวสองร้อยปีลงมา ใช้เวลาครึ่งวันก็ปรุงออกมาได้หนึ่งเตา ห้าร้อยปีก็ใช้เวลาหนึ่งวัน และหนึ่งพันปีขึ้นไปใช้เวลาประมาณสองวัน
ส่วนผลผลึกเขียวอายุหนึ่งพันสามร้อยปีนี้ ใช้เวลาปรุงมาเกือบสามวันแล้ว แต่โอสถก็ยังไม่ออกจากเตา สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะเดียวก็รู้สึกรอคอยด้วย
ทันใดนั้น ก็มีไอเย็นสะท้านแผ่ออกมาจากในห้องลับ และรวมตัวกันภายในช่องว่างของห้องลับโดยฉับพลัน จากนั้นก็กลายเป็นหมอกเมฆสีขาวเทาลอยอยู่เหนือเตาหลอมสีเงิน
และเตาหลอมก็ส่งเสียงดังออกมาเบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา