ตอนที่ 546 – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา
ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 546 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“คนผู้นี้ได้ตกลงจะขายโอสถผลึกเย็นทั้งหมดให้กับร้านของเราแล้ว นี่คือวัตถุดิบที่เขาต้องการ เจ้าสั่งคนไปรวบรวมมาให้เขาเถอะ!” หญิงชุดดำหยิบแผ่นหยกยื่นให้เถ้าแก่ชุดดำ และสั่งอย่างราบเรียบ
“ยินดีด้วยฮูหยิน คนผู้นี้ช่วยเผ่าเราปรุงโอสถได้ ภายหน้าเผ่าเราก็ไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องเพิ่มพูนพลังเวทในการทะลวงคอขวดระดับของเหลวอีก เรื่องที่ฮูหยินสั่ง ข้าจะไปทำเดี๋ยวนี้” เถ้าแก่ชุดดำรับแผ่นหยกและพูดอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ถอยออกไปด้วยความดีใจ
หลังจากเถ้าแก่ชุดดำออกไปแล้ว หญิงชุดดำก็ยืนเงียบอยู่พักใหญ่ๆ จากนั้นก็กลายเป็นหมอกดำก่อนหายไป
……
หลิ่วหมิงซื้อวัตถุดิบเสริมจำนวนหนึ่งในตลาด จากนั้นก็กลับไปหอร้อยหลอม และกักตัวปรุงโอสถอีกครั้ง
ครึ่งเดือนต่อมา เมื่อเขาใช้ผลผลึกเขียวที่มีจนหมด ก็ปรุงโอสถผลึกเย็นออกมาได้เกือบเจ็ดสิบเม็ด สิ่งที่เป็นไปตามความคาดคิดของเขาก็คือ ในนั้นมีครึ่งหนึ่งที่เป็นโอสถระดับสูง แต่กลับไม่มีโอสถพสุธาที่มีลายโอสถห้าเส้นขึ้นไปเลย
หลิ่วหมิงนำโอสถทั้งหมดใส่ลงในกล่องสองสามใบ จากนั้นก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาในห้องลับโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ทุกๆ สองสามก้าวเขาจะหยุดลง และลูบคางไปมาราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็เดินไปอีกสองสามก้าว และหยุดลงครุ่นคิดต่อ
ผงวิญญาณบริสุทธิ์ที่เป็นวัสดุหลอมโล่เก้ากระโหลกก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว พอที่จะพูดได้ว่าทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เพียงแต่ขาดเงื่อนไขสำคัญสุดท้ายเท่านั้น
และอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่เข้าใกล้ต้นแบบอาวุธเวทนี้ เขาย่อมไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธคนอื่นๆ ทำการหลอมอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันเรื่องยุ่งยาก ดูท่าตอนนี้เขาจะต้องลงมือหลอมชั้นจำกัดสุดท้ายนี้ด้วยตนเองแล้ว
หลังจากเขาครุ่นคิดไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ตัดสินใจฝึกฝนวิธีการเพิ่มชั้นจำกัดอาวุธจิตวิญญาณ
เพราะวิธีการนี้มีบันทึกไว้ใน ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ อย่างละเอียด เขาเพียงแค่ฝึกฝนให้เคยชินเล็กน้อย ก็คงสามารถเรียนรู้ได้
เวลาในหลายวันต่อมา หลิ่วหมิงก็เริ่มยุ่งอยู่ในตลาดอีกครั้ง
นอกจากเขาจะไปขายโอสถผลึกเย็นจำนวนหนึ่งให้ร้านเผ่าค้างคาว เพื่อแลกกับหินจิตวิญญาณหลายแสนแล้ว ก็ซื้อคัมภีร์สองสามเล่มที่มีความเกี่ยวข้องกับต้นแบบอาวุธเวทมาจากร้านค้าอื่นๆ และซื้ออาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำจำนวนหนึ่งมาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นถึงกลับหอร้อยหลอมด้วยสีหน้าพอใจ
…….
ภายในห้องหลอมอาวุธที่อยู่ในเรือนด้านหลัง หลิ่วหมิงกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธทั้งสองอยู่
“ผู้เชี่ยวชาญหลี่ ผู้เชี่ยวชาญหัว ข้ามีอาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำสองสามชิ้น แม้ว่าจะมีอานุภาพไม่มาก แต่จะให้ทิ้งไปเช่นนี้ก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย ดังนั้นจึงอยากนำมาปรับแต่งสักหน่อย หวังว่าจะช่วยเพิ่มชั้นจำกัดได้สองสามชั้น รบกวนขอคำชี้แนะจากสหายทั้งสองด้วย” หลิ่วหมิงทำเหมือนกับสอบถามผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธทั้งสองอย่างไม่ใส่ใจ
“หากท่านทูตหลิ่วต้องการเพิ่มชั้นจำกัดสองสามชั้นให้กับอาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่รวบรวมวัสดุที่เป็นพื้นฐานในการหลอมอาวุธ กับวัสดุเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของอาวุธจิตวิญญาณ ก็สามารถปรับแต่งได้แล้ว แต่แน่นอนว่ากำลังไฟที่ได้ที่กับเวลาในการปรับแต่ง ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถควบคุมได้โดยง่าย” ชายแซ่หัวที่มีรูปร่างผอมแห้ง และมีอายุราวๆ สามสิบกว่าปีเป็นคนกล่าวออกมา
“ถ้าอย่างนั้นหากเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงหรือว่าระดับสุดยอดล่ะ ควรจะประทับชั้นจำกัดอย่างไร?” หลิ่วเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา และซักถามต่อ
“โดยพื้นฐานแล้ว การปรับแต่งชั้นจำกัดใหม่ให้กับอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงและระดับสุดยอด ก็เหมือนกันกับอาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำ คือต้องใช้วัสดุเสริมธาตุเดียวกันกับวัสดุเสริมบางอย่างในการปรับแต่ง ส่วนจะใช้วัสดุเสริมอะไรนั้นต้องดูสถานการณ์เอา คัมภีร์หลอมอาวุธทั่วไปต่างก็มีบันทึกเกี่ยวข้องที่สามารถค้นคว้าประกอบได้ การปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดกับการเพิ่มจำนวนชั้นจำกัด ยังต้องใช้วัสดุมีชีวิตจำนวนหนึ่งที่พบเจอได้น้อยมาก แต่แม้ว่าจะรวบรวมวัสดุมาได้ครบ ความยากของมันก็ยังมากกว่าอาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำหนึ่งเท่าขึ้นไป ข้าหลอมอาวุธมาสามสิบกว่าปี ก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่าจะสามารถปรับแต่งได้สำเร็จในครั้งเดียว หากล้มเหลวยังอาจทำลายพลังของอาวุธจิตวิญญาณได้ อาวุธจิตวิญญาณทั่วไปจะกำหนดจำนวนชั้นจำกัดหลังจากการปรับแต่งเสร็จในครั้งแรก หากจะปรับแต่งใหม่ในภายหลังล้วนอันตรายเป็นอย่างมาก และชั้นจำกัดที่เพิ่มขึ้นมายิ่งมีมาก มันก็ยิ่งไม่อาจสำเร็จได้โดยง่าย” ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างค่อนข้างบึกบึนกล่าวโดยไม่ต้องคิด
ชายหนุ่มแซ่หัวได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ขอบคุณผู้เชี่ยวชาญทั้งสองที่ช่วยชี้แนะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะยึดครองห้องหลอมอาวุธห้องหนึ่ง เพื่อลองดูก่อนแล้วกัน” หลิ่วหมิงได้ยินก็กล่าวออกมา
“ปกติจะเตรียมห้องหลอมอาวุธไว้ใช้สองห้องอยู่แล้ว ท่านทูตเลือกใช้ได้ตามสบายเลย” ชายแซ่หัวกล่าวออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
พอผู้เชี่ยวชาญหลี่ที่อยู่ด้านข้างได้ยิน ก็รู้สึกตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว
เดิมทีพวกเขาคิดว่าท่านทูตหลิ่วผู้นี้จะให้พวกเขาช่วยเพิ่มชั้นจำกัดอาวุธจิตวิญญาณให้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะหลอมด้วยตนเอง
หลิ่วหมิงพยักหน้า และเดินเข้าไปในห้องหลอมอาวุธอีกห้องโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากปิดประตูลงแล้ว ก็สังเกตดูอุปกรณ์หลอมอาวุธที่อยู่ตรงหน้า
เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขาอ่านคัมภีร์จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธมา และเข้าใจขั้นตอนการเพิ่มขึ้นจำกัดอาวุธจิตวิญญาณตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนวัสดุนั้น เขาก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว
หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นแท่งเหล็กสีดำก็ปรากฏออกมา
……
ทันใดนั้น แสงสีขาวบนผิวมีดบินก็เปล่งประกาย และสั่นสะท้านอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูดังออกมา
ผู้อาวุโสรีบปล่อยพลังออกไปจำนวนมาก ของเหลวสีฟ้าในร่องพวยพุ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นไอน้ำสีฟ้าพุ่งเข้าใส่มีดบิน
ขณะเดียวกัน เสียงร่ายคาถาคลุมเครือก็ดังออกมาจากปากของหญิงสาวชุดม่วง
ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว
ไอน้ำสีฟ้าบริเวณรอบๆ มีดบินสีขาวหยุดชะงักในฉับพลัน และก่อตัวเป็นลูกกลมๆ ห่อหุ้มมีดบินไว้อย่างแน่นหนา ทั้งยังส่งเสียงดัง “หวึ่งๆ!” ออกมาตลอดเวลา
หญิงสาวชุดม่วงขมวดคิ้ว และหยุดร่ายคาถาลง จากนั้นก็จ้องมองลูกกลมๆ สีฟ้ากลางอากาศ
ชั่วเวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา เสียงดังหวึ่งๆ ในลูกกลมๆ ก็หายไป ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างเปลี่ยนท่ามือแล้วชี้ไปกลางอากาศ ลูกกลมๆ สีฟ้าสลายตัวเป็นไอน้ำ เผยให้เห็นมีดบินที่เปล่งแสงสีขาวสลัว
พอหญิงสาวชุดม่วงชี้มือข้างหนึ่งออกไป มีดบินก็หมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบราวกับมีชีวิต จากนั้นก็ค่อยๆ ตกลงบนมือของนาง
“ยินดีด้วยคุณหนู มีดบินเล่มนี้ปรับแต่งสำเร็จแล้ว” ผู้อาวุโสหยุดทำท่ามือและโค้งตัวกล่าว
“ในที่สุดก็ปรับแต่งมีดบินที่เป็นต้นแบบอาวุธเวทเสร็จสิ้น หากครั้งนี้ไม่มีผู้เฒ่าเฉียวคอยช่วย และทานโอสถลับยกระดับพลังเวทให้ถึงขีดสุดชั่วคราวล่ะก็ เกรงว่าลำพังแค่พลังของข้าคงไม่อาจปรับแต่งมันได้” หญิงสาวชุดม่วงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วกล่าวออกมาเบาๆ
“นี่เป็นความโชคดีของคุณหนู คุณหนูจะต้องมีวาสนาต่ออาวุธเวทชิ้นนี้อย่างแน่นอน เดิมทีคนในตระกูลผู้นั้นเคยทำนายว่าคุณหนูมีโอกาสอันยิ่งใหญ่ในสถานที่แห่งนี้ ไม่แน่อาจจะเป็นสมบัติชิ้นนี้ก็ได้” ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่ชื่อเฉียวจื้ออีผู้นี้ลูบหนวดเครายาวๆ แล้วกล่าวออกมา
“เรื่องนี้คงไม่ใช่ แม้สมบัตินี้จะมีประโยชน์ต่อข้า แต่ด้วยสถานะทายาทสายตรงของตระกูลอย่างข้า เพียงแค่เข้าสู่ระดับผลึกได้ ย่อมได้รับต้นแบบอาวุธเวทเช่นกัน อีกอย่างด้วยสถานะของคนผู้นั้น ไหนเลยจะเห็นต้นแบบอาวุธเวทอยู่ในสายตา แล้วจะเรียกว่าโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?” หญิงสาวชุดม่วงส่ายหน้าแล้วกล่าวออกมา
“เรื่องนี้…… คุณหนูกล่าวได้ถูกต้อง ด้วยวิชาการทำนายของคนผู้นั้น กะอีแค่ต้นแบบอาวุธเวทย่อมไม่เข้าตาเขาอย่างแน่นอน” เฉียวจื้ออีกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
…………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา