ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 547

สรุปบท ตอนที่ 547: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 547 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 547 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 547 ปีศาจหยินหยาง
ตอนที่ 547 ปีศาจหยินหยาง
โดย
Ink Stone_Fantasy
คำทำนายที่พูดถึงเป็นวิธีการสอบถามอนาคต ในโลกผู้ฝึกฝนมีคนจำนวนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับพลังในการรู้ความลับของสวรรค์อย่างทะลุปรุโปร่ง ผู้คนเรียกกันว่าโหราจารย์

แต่เนื่องจากการทำนายเป็นการกระทำที่ขัดต่อฟ้า ดังนั้นการทำนายในแต่ละครั้งโหราจารย์จะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โหราจารย์จะต้องสูญเสียอายุขัยจำนวนมากเป็นข้อแลกเปลี่ยน ถึงทำนายอนาคตได้อย่างลางๆ และไม่สามารถทำนายออกมาตรงๆ ได้ แม้จะมีโหราจารย์จำนวนมาก แต่ผู้ที่ยอมทำนายให้คนอื่นนั้นกลับมีอยู่น้อยมาก

อีกจุดหนึ่ง หากผู้ทำนายกับผู้ถูกทำนายเป็นสายเลือดเดียวกัน ผลที่ทำนายออกมาถึงจะแม่นยำขึ้นเล็กน้อย มิเช่นนั้นผลการทำนายจะผิดเพี้ยนไป

ดังนั้นตระกูลมีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง มักจะให้โหราจารย์ในตระกูลทำนายความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมโทรมในอนาคตโดยไม่เสียดายอายุขัย เพื่อวางแผนรับมือล่วงหน้า เพราะการทำนายเป็นการเสี่ยงทายตามผังปากว้าในอนาคตเท่านั้น หากหลังจากนี้มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ในอนาคตย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

แต่ว่ามีโหราจารย์ที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่ง มีลางเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ ทั้งยังแม่นยำยิ่งนัก และไม่ทำให้สูญเสียอายุขัยเลยแม้แต่น้อย

โหราจารย์แข็งแกร่งของตะกูลโอวหยางผู้หนึ่ง ที่ค่อนข้างมีสายเลือดใกล้ชิดกับหญิงสาวชุดม่วง ได้เกิดภาพนิมิตเกี่ยวกับนางโดยไม่ตั้งใจ และทำนายว่านางอาจจะพบเจอกับโอกาสอันยิ่งใหญ่ในตลาดฉางหยาง

มิเช่นนั้นหญิงสาวจะออกจากตระกูลโอวหยางมาอย่างง่ายดายได้อย่างไร

“ลำบากผู้เฒ่าเฉียวแล้ว คิดว่าท่านควบคุมค่ายกลคงเสียพลังเวทไปไม่น้อย รีบไปพักผ่อนเถอะ หากโอกาสนั้นมาถึงจริงๆ ล่ะก็ ข้ายังต้องให้ท่านช่วยอีกครา!” หญิงสาวชุดม่วงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ขอบคุณคุณหนูที่เป็นห่วง ถ้าอย่างนั้นคนแก่อย่างข้าก็ขอลาแล้ว” เฉียวจื้ออีพยักหน้าแล้วถอยออกไป

ภายในห้องลับชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

ชายหนุ่มชุดเขียวนิกายปีศาจลี้ลับผู้นั้น กำลังฝึกควบคุมหุ่นนักรบทั้งสี่ที่เพิ่งได้มาใหม่อยู่

จะเห็นว่าหุ่นนักรบสี่ตัวที่สูงจั้งกว่าๆ ได้ยืนก่อตัวเป็นค่ายรบหลังหนึ่ง ภายใต้การกระตุ้นเคล็ดวิชาของชายหนุ่มชุดเขียว ร่างของมันก็พร่ามัวเปลี่ยนตำแหน่งไปมา ดวงตาสีแดงทั้งคู่เปล่งประกาย

ในขณะที่ดวงตาสีแดงทั้งคู่เปล่งประกายนั้น มือทั้งสองก็โบกสะบัดอย่างรวดเร็วจนแม้แต่พายุก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ การโจมตีและการป้องกันรวมกันเป็นหนึ่ง จนดูเหมือนไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น พอเขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ลมเย็นก็พัดผ่านไป หุ่นนักรบสี่ตัวเปล่งแสงสีทองออกมารอบตัว พริบตาเดียวก็กลายเป็นมุกสีเหลืองขนาดชุ่นกว่าๆ และม้วนเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

ขณะนี้ชายหนุ่มชุดเขียวถึงเผยสีหน้าพอใจออกมา เขาพลิกฝ่ามือหยิบเศษกระจกโบราณออกมาจากอก หลังจากมองดูอย่างละเอียดแล้วก็ใส่กลับเข้าไปที่เดิม จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ก่อนเดินออกไปจากห้องลับ

“หุ่นนักรบทั้งสี่นี้ ข้าคุ้นเคยกับการควบคุมแล้ว หากใช้มันพร้อมกัน พลังของพวกมันก็จะบรรลุถึงระดับผลึกขั้นต้นได้ ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าข้ากับเจ้าเลย ข้าตัดสินใจออกไปคนเดียวชั่วระยะเวลาหนึ่ง เจ้าไม่ต้องตามข้าแล้ว” ชายหนุ่มชุดเขียวพูดกับชายฉกรรจ์ระดับผลึกที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูผู้นั้น

“ไม่ทราบคุณชายจะเป็นที่ไหนคนเดียวหรือ?” ชายฉกรรจ์ส่งเสียงแหบแห้งออกมาเบาๆ

“ผู้อาวุโสตันเถิงไม่ได้บอกไว้หรือ ช่วงนี้อาจจะมีสมบัติล้ำค่าปรากฏตัวบริเวณตลาดฉางหยาง ข้ารออยู่ที่นี่มาตั้งครึ่งปีแล้ว มันน่าเบื่อเกินไป วันนี้มีหุ่นนักรบทั้งสี่อยู่ข้างกาย จึงวางแผนไปเดินดูบริเวณนี้สักหน่อย เพื่อดูว่าจะได้พบกับโอกาสอันยิ่งใหญ่นั้นหรือไม่ อีกอย่างจะได้ถือโอกาสฆ่าผู้ฝึกฝนนิกายยอดบริสุทธิ์สองสามคน เพื่อระบายความแค้นของคนที่ตามฆ่าก่อนหน้า” ชายหนุ่มชุดเขียวทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา

“ถ้าอย่างนั้นคุณชายต้องระวังตัวให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าได้ลงมือใกล้ตลาดฉางหยางจนเกินไป เพราะในตลาดมีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ขึ้นไปประจำการอยู่” ชายฉกรรจ์ไม่ได้เอ่ยปากห้ามแต่อย่างใด เพียงแค่เตือนให้ระวังเล็กน้อยเท่านั้น

“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ดี” ชายหนุ่มชุดเขียวหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นก็หายวับไปจากประตูห้องลับ

ผ่านไปซักพัก ชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งก็มาปรากฏตัวท่ามกลางป่าที่เขียวชอุ่มเป็นดง

หลังจากมองดูรอบๆ และเห็นว่าไม่มีคนอื่นแล้ว ชายหนุ่มชุดเขียวก็หัวเราะเฮ่อๆ! และเอามือข้างหนึ่งลูบหน้า

ครู่ต่อมา มีเสียงดังเปรี๊ยะๆ! ดังออกจากร่างของชายหนุ่มอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และร่างของเขาก็ขยายใหญ่หลายเท่า พริบตาเดียวก็กลายเป็นชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ และเมื่อเขาเอามือออกจากหน้า หน้าของเขาก็กลายเป็นใบหน้าหยินหยางที่มีสีขาวกับสีดำ

หากมีศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์อยู่ที่นี่ ก็จะจำใบหน้าหยินหยางนี้ได้ ซึ่งก็คือปีศาจหยินหยางที่มีชื่ออยู่ในอันดับที่สามสิบของบัญชีความเป็นความตายนั่นเอง

คนผู้นี้ได้ชื่อมาจากใบหน้าหยินหยางแปลกประหลาด แต่พลังสายปีศาจก็ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีพลังมหาศาล เขาเคยสังหารศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์เจ็ดคนในทีเดียว การลงมือโหดเหี้ยมยิ่งนัก พลังก็น่าตกใจเป็นอย่างมาก

หลายปีก่อน คนผู้นี้เคยเจอกับกู่เทียนฉีที่เป็นศิษย์สายในของนิกายยอดบริสุทธิ์ในสถานที่บางแห่ง และเขาถูกไล่ล่า หลังจากหลบหนีอยู่หลายวัน แม้จะอาศัยวิชาแปลกประหลาดบางอย่างหลบหนีรอดมาได้ แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงหายตัวไปตั้งแต่ตอนนั้น

“เฮ่อๆ! เจ้าพวกสวะนิกายยอดบริสุทธิ์ วันนี้เอาเลือดมาเซ่นไหว้ข้าซะ วิชาปีศาจของข้าจะได้รุดหน้าไปอีกขั้น” ชายฉกรรจ์หน้าหยินหยางหัวเราะอย่างน่าเกลียด หลังจากเลียริมฝีปากแล้ว ร่างของเขาก็พร่ามัวหายไป

หนึ่งชั่วยามต่อมา ใต้ตีนยอดเขาสูงเสียดฟ้าที่อยู่ห่างจากตลาดฉางหยางไปหลายสิบลี้ ชายหนุ่มร่างเตี้ยเล็กที่สวมชุดศิษย์ธรรมดาของนิกายยอดบริสุทธิ์กับชายหนุ่มชุดขาวกำลังเดินคุยกันอยู่

ทันใดนั้นลมเย็นก็พัดผ่านไป ต่อมาชายฉกรรจ์หน้าหยินหยางอัปลักษณ์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสอง

“ปีศาจหยินหยาง!” ชายร่างเตี้ยเล็กเห็นเช่นนี้ก็หลุดปากร้องออกมา

แต่เขายังคงไม่มั่นใจว่าจะสามารถยกระดับโล่เก้ากระโหลกให้เป็นต้นแบบอาวุธเวทในครั้งเดียวได้ เพราะเขารวบรวมวัสดุได้ยากเย็นเช่นนี้ หากการปรับแต่งล้มเหลว เขาก็ต้องสูญเสียไม่น้อย

ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะไปซื้ออาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำที่ตลาดมาฝึกฝนนั้น แผ่นค่ายกลบนเอวก็พลันส่งเสียงดังขึ้นมา จากนั้นน้ำเสียงตื่นตระหนกของเถ้าแก่เย่ก็ดังขึ้น

“ท่านทูตหลิ่ว แย่แล้ว! เกิดเรื่องกับผู้เชี่ยวชาญหัวแล้ว!”

“เกิดอะไรขึ้นกับผู้เชี่ยวชาญหัว?” หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก จึงรีบทำท่ามือกระตุ้นแผ่นค่ายกลแล้วถามออกไปทันที

“วันนี้ผู้เชี่ยวชาญหัวออกไปข้างนอกแต่เช้า เพื่อเก็บวัสดุหลอมอาวุธจำนวนหนึ่งบริเวณเหมืองแร่ เมื่อครู่เขาเพิ่งจะส่งข่าวมาว่า ในระหว่างทางที่กลับมาพร้อมกับสหายอีกสองท่าน ได้ถูกปีศาจหยินหยางลอบโจมตี ตอนนี้สถานการณ์วิกฤตมาก ขอท่านฑูตหลิ่วรีบไปช่วยโดยเร็ว!” น้ำเสียงของเถ้าแก่เย่ดูร้อนใจเล็กน้อย

“ได้! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” หลิ่วหมิงตอบอย่างเด็ดขาด

เขาเป็นศิษย์ประจำการในหอร้อยหลอม พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ย่อมไม่อาจชักช้าบอกปัดได้

หลังจากหลิ่วหมิงถามตำแหน่งของผู้เชี่ยวชาญหัวอย่างชัดเจนแล้ว ก็รีบเก็บแผ่นค่ายกล และออกไปจากหอร้อยหลอมทันที

พอออกจากตลาด เขาก็ขี่เมฆทะยานฟ้าทันที ทั้งยังแปะยันต์ไว้บนตัวผืนหนึ่ง ทันใดนั้นก็พุ่งไปยังทิศทางบางแห่งอย่างรวดเร็วราวกับลมกรด

ชั่วเวลาหนึ่งเค่อต่อมา เขาก็มาถึงหุบเขาเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากตลาดไปร้อยกว่าลี้

จากการบอกกล่าวของเถ้าแก่เย่ พวกของผู้เชี่ยวชาญหัวถูกโจมตีในบริเวณนี้ หลิ่วหมิงจึงปล่อยพลังจิตออกไปค้นหาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

“ตู้ม!”

ขณะนั้นเอง มีเสียงพลังเวทโจมตีกันดังมาจากผืนป่าที่อยู่ไกลๆ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา