พัดดับวิญญาณเป็นอาวุธจิตวิญญาณที่แท้จริง แม้จะไม่สอดคล้องกับวิชาที่เขาฝึก แต่หากนำมาขายล่ะก็ สามารถแลกได้ร้อยล้านกว่าหินจิตวิญญาณ ถุงมือสีดำสามารถรับแสงกระบี่ของกระบี่บินได้ ย่อมนับว่าเป็นอาวุธจิตวิญญาณที่ไม่เลว น่าเสียดายที่ถูกทรายทองคำร่วงของเขาทำลายไปข้างหนึ่ง ตอนนี้เหลือแค่ข้างเดียว คงจะแลกหินจิตวิญญาณได้จำนวนหนึ่ง
หลังจากเก็บของทั้งสองอย่างเข้าไปแล้ว เขาก็ก้มลงไปค้นตัวชายหนุ่มชุดเขียว ไม่นานก็ค้นเจอยันต์เก็บของที่เปล่งแสงสีทองอยู่
เขายัดยันต์เก็บของเข้าไปในอก จากนั้นก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ พอแสงสีแดงเปล่งประกายในมือ ศีรษะของชายหนุ่มชุดเขียวก็ถูกตัดจนขาด
หากนำศีรษะของปีศาจหยินหยางไปที่หอความเป็นความตาย ก็สามารถแลกแต้มคุณูปการได้สามหมื่นแต้ม เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ปีศาจหยินหยางปรากฏตัวในรูปแบบของชายฉกรรจ์หน้าหยินหยาง ไม่รู้ว่าหอความเป็นความตายจะรู้ใบหน้าที่แท้จริงของปีศาจหยินหยางหรือไม่
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองนำไปดู ทันใดนั้นเขาก็แยกศีรษะใส่เข้าไปในยันต์เก็บของอีกผืน
จากนั้นหลิ่วหมิงก็จ้องมองร่างไร้ศีรษะด้วยสายตาเยือกเย็น พอสะบัดแขนเสื้อ ลูกเปลวไฟสีแดงก็ร่วงลงมาตรงหน้า พริบตาเดียวก็เผาไหม้ศพของชายหนุ่มชุดเขียวจนกลายเป็นขี้เถ้า
อีกด้านหนึ่ง พอชายหนุ่มชุดเขียวเสียชีวิต หุ่นนักรบทั้งสามก็สูญเสียการควบคุม และนอนอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็โบกมือเรียกหัวบิน แมงป่องกระดูก และนักรบยันต์ผ้าเหลืองที่คอยเฝ้าอยู่บริเวณนั้นกลับมา จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว เพื่อลองเรียกเก็บหุ่นเหล่านั้น ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ในที่สุดก็ทำให้หุ่นทั้งสี่กลายเป็นมุกกลมๆ สีเหลือง และเก็บมันเข้าไปในหอยสังข์ย่อส่วน
หุ่นชุดนี้เทียบเท่าได้กับยอดฝีมือระดับผลึกคนหนึ่ง จะว่าไปแล้วก็นับว่าเป็นสิ่งของที่ดีที่สุดที่ได้รับหลังจากการต่อสู้ในวันนี้
แม้หนึ่งในนั้นจะถูกทำลายแกนสำคัญไป แต่ตอนที่ลงมือ เขาก็รู้จักบันยะบันยังดี จึงไม่ได้ทำลายร่างของหุ่นจนไม่อาจกอบกู้คืนมาได้ เพียงแค่ทำการซ่อมแซมเล็กน้อย คิดว่าคงสามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้
หลังจากหลิ่วหมิงทำทุกอย่างนี้เสร็จ ก็ไม่อยู่ที่นี่นานอีกต่อไป พอเมฆดำใต้เท้าพยุงร่างขึ้นมา เขาก็พุ่งกลับไปทางตลาด
……
ขณะที่ดวงจิตของชายหนุ่มชุดเขียวถูกทำลายนั้น พลันมีเสียงดัง “ตู้ม!” บนหลังคาชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในตลาดฉางหยาง จนหลังคากลายเป็นรูขนาดใหญ่
แสงสีดำเปล่งประกาย ชายฉกรรจ์ถือแผ่นค่ายกลสีดำ และลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าอึมครึม
เกิดเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ ทำให้ผู้คนบริเวณรอบๆ โรงเตี๊ยมพากันออกมาดู
และชายฉกรรจ์ก็ไม่สนใจเหตุการณ์บริเวณรอบๆ เลยแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองแผ่นค่ายกลสีดำ ทันใดนั้นก็คำรามออกมาด้วยความโมโห แสงสีดำม้วนตัวพุ่งออกไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มขุดเขียวเสียชีวิต
……
หลิ่วหมิงยืนเหยียบเมฆดำอยู่ และกลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งไปตลาดฉางหยางอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ระหว่างทางที่กลับมาก็ไม่เจอผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ
ขณะที่อยู่ห่างจากตลาดฉางหยางระยะหนึ่งนั้น สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มีจุดสีดำเล็กๆ พุ่งมาจากด้านหน้า ผ่านไปไม่กี่อึดใจก็ขยายใหญ่หลายเท่า และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา แม้จะมองไม่ออกว่าจุดสีดำนี้เป็นใคร แต่ในใจก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว
ดูจากความเร็วที่พุ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามมีระดับการฝึกฝนที่ไม่ต่ำเลย มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึก และกลิ่นไอที่แผ่ออกจากแสงสีดำ ก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
ขณะที่หลิ่วคิดที่จะซ่อนร่องรอยนั้น พลังจิตอันแข็งแกร่งก็กวาดเข้ามา และปกคลุมหลิ่วหมิงไว้
หลิ่วหมิงมีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา คิดจะซ่อนตัวตอนนี้ก็ช้าไปเสียแล้ว หลังจากทำเสียงฮึดฮัดแล้ว เขาก็พุ่งไปทางตลาดต่อด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ไม่นาน ไอดำก็ม้วนตัวเข้ามาถึง และหยุดอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไม่ไกลมาก
พอไอดำสลายไป ร่างของชายฉกรรจ์รูปร่างขนาดใหญ่ ก็มองเข้ามาด้วยสายตาเยือกเย็น
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งคู่ลง ชายฉกรรจ์ตรงหน้าคือผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่ปรากฏตัวในงานประมูลพร้อมกับชายหนุ่มชุดเขียวผู้นั้น!
“ไม่ทราบว่าที่ผู้อาวุโสขัดขวางข้า มีธุระอันใดหรือ? หากไม่มีล่ะก็ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อน” หลิ่วหมิงค่อยๆ กล่าวด้วยสีหน้าสงบ
ชายฉกรรจ์สังเกตดูหลิ่วหมิงด้วยแววตาเยือกเย็น และหยิบแผ่นค่ายกลสีดำออกมา
“ท่านมีจุดประสงค์ใด?” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ชายฉกรรจ์ไม่สนใจคำถามของหลิ่วหมิง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมา และปล่อยพลังใส่แผ่นค่ายกลในมือ
มีเสียงแหลมแสบแก้วหูดังออกมาจากแผ่นค่ายกล ขณะเดียวกันหมอกโลหิตก็พุ่งออกมา และก่อตัวเป็นหนวดสัมผัสสีแดงเจ็ดแปดเส้นที่มีลักษณะคล้ายปลาหมึก และโบกสะบัดมาทางหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด
“เจ้าเป็นคนฆ่าคุณชายใช่ไหม?” ชายฉกรรจ์เห็นเช่นนี้ก็เผยแววตาอาฆาตออกมา ดวงตาดูเยือกเย็นเป็นอย่างมาก
“ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าน้อยดูเหมือนจะไม่เข้าใจ” หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย และกล่าวอย่างราบเรียบ
“ฮึ! บนตัวเจ้ามีพลังดวงจิตส่วนหนึ่งของคุณชายอยู่ แผ่นล่อวิญญาณสัมผัสได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เอาชีวิตมาชดใช้เถอะ!” ชายฉกรรจ์มองดูหลิ่วหมิงราวกับมองดูคนที่ตายไปแล้ว
ในที่สุดหลิ่วหมิงก็มีสีหน้าหนักอึ้ง ในเมื่อถูกจับได้แล้ว ชายฉกรรจ์ผู้นี้คงไม่ปล่อยเขาไปแน่ คงจะต้องต่อสู้กันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา