แต่ทว่ายิ่งสูงแสงห้าสีตรงใต้เท้าก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้น และพลังที่ฉุดลากก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงไปมากมายหลากหลายรูปแบบ
ขณะที่ก้าวไปด้านหน้า มักจะมีพลังมหาศาลผลักเขาไปด้านหลัง ขณะที่กำลังจะกระตุ้นพลังต้านทานเล็กน้อยนั้น พลังมหาศาลนี้ก็เปลี่ยนทิศทางมาผลักจากด้านหลังไปด้านหน้า และเมื่อหลิ่วหมิงปรับสมดุลพลังเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์นั้น พลังมหาศาลก็เปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน
หลังจากฝ่าอุปสรรคนี้จนไปถึงบันไดขั้นที่เจ็ดสิบ เขาก็ค้นพบอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าทุกระยะห่างของบันไดสิบขั้น พลังของชั้นจำกัดจะเพิ่มขึ้นมาสามส่วน และความเร็วในการเปลี่ยนแปลงก็หยั่งรู้ได้ยากขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะอาศัยความแข็งแกร่งที่พอจะเทียบกับร่างฝึกระดับผลึกได้ แต่หลังจากผ่านบันไดไปเก้าสิบขั้น ก็รู้สึกว่าเริ่มรับมือไม่ไหวเล็กน้อยแล้ว
เขาหยุดฝีเท้าลงทันที และทำท่ามือในฉับพลัน มีเสียงกรอบแกรบดังออกจากร่าง จากนั้นร่างของเขาก็ขยายใหญ่เท่าตัว ขณะเดียวกันไอดำก็พวยพุ่งออกมาและหมุนวนรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังออกมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกตัวเบาลง แรงกดดันที่มาจากรอบด้านลดลงไปมาก หลังจากเผยรอยยิ้มเล็กน้อยแล้ว ก็เดินขึ้นบันไดไปอีกห้าขั้นอย่างง่ายดาย
ขณะที่หลิ่วหมิงก้าวขึ้นไปบนพื้นราบเรียบขั้นที่หนึ่งร้อยนั้น ก็รู้สึกว่าแสงห้าสีตรงใต้เท้าดับลง ขณะเดียวกัน แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนแขน จากนั้นเขาก็ผ่านม่านแสงตรงหน้าไปโดยไม่มีอะไรขวางกั้น
อยู่ใกล้ประตูใหญ่ของวังประณีตงดงามเช่นนี้ เขาต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างอดไม่ได้ พอหันกลับไปมองด้านหลัง ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างถูกหมอกควันสีขาวปกคลุมจนดูพร่ามัว
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กระตุ้นเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขึ้นมา หลังจากทำให้ไอดำออกห่างจากตัวไปไม่ถึงชุ่นกว่าๆ แล้ว เขาถึงก้าวเดินเข้าไปในประตูใหญ่
พอเข้าไปในประตูใหญ่ ยังไม่ทันมองเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน ก็มีแสงสีขาวเปล่งประกายตรงหน้า จากนั้นก็มีเสียงดังโครมครามดังขึ้นใกล้ๆ สภาพรอบด้านดูพร่ามัวขึ้นมาทันที
ขณะที่เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ร่างของเขาก็มาอยู่ในห้องโถงบางแห่งแล้ว ขณะเดียวกัน เขาก็คืนร่างกลับมาเป็นร่างเดิมของตนเอง
ประจักษ์ชัดว่าชั้นจำกัดในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะแปลงโฉมอย่างไรก็ไม่ได้ผล
ขณะเดียวกัน มีเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” เงาสีดำสองสามเงาพุ่งเข้ามาจากรอบด้าน
หลิ่วหมิงขยับแขนทั้งสองโดยไม่ต้องคิด มีไอดำลอยวนบนเงากำปั้นจำนวนมาก ทันใดนั้นก็เกิดเป็นเงาสีดำม้วนตัวไปทั่วทิศ
“ตู้ม!” “ตู้ม!” เงาสีดำที่พุ่งเข้ามาถูกพลังของเงากำปั้นโจมตีจนกระเด็นออกไป หัวสองหัวระเบิดตัวออกมาทันที
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงมองเห็นใบหน้าของเงาดำเหล่านี้อย่างชัดเจน มันคือหมาป่ายักษ์สีดำขนาดจั้งกว่าๆ แต่ว่าลำตัวของมันมีลวดลายจิตวิญญาณสีดำกระพริบอยู่ ราวกับว่าไม่ใช่ร่างที่แท้จริง
หลิ่วหมิงคิดวกไปวนมาอย่างรวดเร็ว พอปราดตามองออกไป ก็ค้นพบว่าหัวสองหัวถูกพลังมหาศาลโจมตีจนหลุดออกจากร่าง
สุดท้ายเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ใ ศพเหล่านี้เปล่งประกายสองสามที ก็ระเบิดตัวกลายเป็นไอดำสองกลุ่ม ทิ้งไว้เพียงมุกกลมๆ สีเทาสองเม็ดที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งอยู่บนพื้นเท่านั้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น พอเขาบิดตัว ก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมา หมาป่ายักษ์หลายตัวพลิกตัวกระโจนเข้ามา รู้สึกว่ามีเงาดำกระพริบตรงหน้า และทิ้งเงากำปั้นสีดำไว้กลางอากาศ
“ตู้ม!” “ตู้ม!”
หมาป่ายักษ์เหล่านั้นไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกโจมตีจนระเบิดเป็นไอสีดำ มุกสีเทาแต่ละเม็ดร่วงลงพื้น
หลิ่วหมิงปรากฏตัวใจกลางห้องโถงอีกครั้ง พอกวาดจิตออกไปดูจนมั่นใจว่าไม่มีหมาป่ายักษ์อยู่รอบด้านแล้ว เขาก็ดูดมุกกลมๆ ทั้งหมดมาไว้ในมือทันที จากนั้นก็คีบขึ้นมาดูอย่างละเอียด และพูดพึมพำออกมา
“ที่แท้นี่ก็เป็นมุกนภาหยกที่พูดถึง แต่มันกลับเป็นสีดำ ดูท่าอสูรมายาที่ถูกสังหารไปเมื่อครู่ คงเป็นอสูรระดับต่ำสุด”
ขณะนี้ หลิ่วหมิงนึกถึงเรื่องราวหลังจากเข้ามาในวังมายานภาหยกตามที่เถ้าแก่เย่เคยบอกไว้
วังมายาเคยมาปรากฏตัวในก่อนหน้ามาหลายครั้ง คนนอกย่อมเข้าใจทุกอย่างในนั้นพอประมาณ และพูดต่อๆ กันมา
ตามที่เถ้าแก่เย่พูดมา ผู้คนทั้งหมดที่เข้าไปในวังมายา จะถูกอสูรมายาจำนวนมากที่ดูแลอยู่ในนั้นโจมตี อสูรมายานี้เกิดขึ้นจากการที่วังมายาดูดซับพลังฟ้าดินจากโลกภายนอก จนก่อเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา พลังของมันก็แตกต่างจนมาก มีตั้งแต่ระดับศิษย์จิตวิญญาณไปจนถึงระดับที่พอจะเทียบได้กับระดับผลึก
และผู้ฝึกฝนจากภายนอกที่เข้ามาในวังมายานภาหยก หลังจากสังหารอสูรมายาเหล่านี้แล้ว จะได้รับ ‘มุกนภาหยก’ ที่มีพลังแตกต่างกัน มุกที่มีพลังพิเศษแฝงอยู่มาก สีของมันจะสวยสดงดงามผิดปกติ ด้วยเหตุนี้โดยทั่วไปจึงแบ่งออกเป็นสีเทา สีขาว สีเขียว สีม่วง สีเงิน สีทอง หกสีใหญ่ๆ
และผู้ฝึกฝนจากภายนอกที่เข้ามาในวังมายานภาหยก เพียงแค่ถูกกักอยู่ในวังมายาครบสามเดือน ก็จะถูกส่งไปยังแท่นบูชายักษ์บางแห่งก่อนที่วังแห่งนี้จะหายไป และสังเวยมุกนภาหยกเหล่านี้ เพื่อแลกกับสมบัติล้ำค่าต่างๆ ที่ราชาสวรรค์นภาหยกทิ้งไว้เป็นรางวัลให้แก่คนรุ่นหลัง และยังว่ากันว่าเพียงแค่มีจำนวนมุกนภาหยกที่เพียงพอหรือคุณสมบัติสูงพอ ก็สามารถแลกอาวุธเวทบางอย่างได้โดยตรง
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลิ่วหมิงบุกเข้าวังมายานภาหยกอย่างไม่ลังเล เพราะด้วยพลังของเขาในตอนนี้ สามารถกวาดล้างอสูรมายาเหล่านี้ไปได้ครึ่งหนึ่งอย่างไม่มีปัญหา
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเสร็จแล้ว ถึงสังเกตดูห้องโถงอย่างละเอียด
ห้องโถงสูงจนมองไม่เห็นเพดาน เพราะมีไอหมอกสีขาวจำนวนหนึ่งลอยอยู่ จนไม่อาจมองทะลุได้
และรอบด้านห้องโถงล้วนเป็นผนังสีดำสลัวๆ บนผนังไม่มีอะไรพิเศษ มีเพียงประตูหินสีดำที่ปิดสนิทอยู่ ดูเหมือนจะนำไปสู่ห้องโถงที่อยู่ติดกัน
หลิ่วหมิงเดินไปตรงหน้าประตูหินบางแห่งอย่างไม่ใส่ใจ พอชี้มือข้างหนึ่งผ่านอากาศ ประตูหินก็สั่นสะท้านเล็กน้อย และค่อยๆ เปิดออกมา
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กระพริบหายเข้าไปด้านใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา