ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 561

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 561 การต่อสู้อย่างรุนแรง
ตอนที่ 561 การต่อสู้อย่างรุนแรง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิ่วหมิงหดรูม่านตาลงเล็กน้อย พอกระตุ้นท่ามือ ไอดำอันพวยพุ่งก็แผ่ขยายออกมา พริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นเงาร่างสีดำอันพร่ามัว

มีคลื่นสั่นสะเทือนกลางอากาศทางด้านขวา แสงสีเขียวเจิดจ้าที่ยาวฉื่อกว่าๆ พุ่งยิงเข้ามาในทันที และแทงทะลุเงาสีดำของหลิ่วหมิง

เงาดำแตกกระจายในทันที ร่างจริงของหลิ่วหมิงได้หายไปนานแล้ว

ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นสะเทือนบริเวณที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เงาร่างคนผู้หนึ่งเปล่งประกายออกมา ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง

เขาทำเสียงฮึดฮัด และเปลี่ยนท่ามืออย่างรวดเร็ว ไอหมอกดำรอบตัวกลายเป็นพยัคฆ์ทมิฬดุร้ายตัวหนึ่ง หลังจากส่งเสียงคำรามอันน่าตกใจออกมาแล้ว ก็กระโจนเข้าไปหาแสงสีเขียว

สิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ ภายใต้การสั่นสะท้านเบาๆ ของแสงสีเขียว มันก็แยกตัวออกมาเป็นแสงหกสาย จนสามารถหลบพยัคฆ์ทมิฬไปได้ และหลังจากหมุนตัวไปหนึ่งรอบแล้ว ก็พุ่งไปหกทิศทาง

หลิ่วหมิงไม่ทันได้คิดอะไรมาก พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองก็ม้วนตัวออกจากในนั้น เขาร่ายคาถาอยู่ครู่หนึ่ง ทรายทองคำรวมตัวกัน พริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงสีทองล้อมรอบตัวเขา

ที่เหนือความคาดหมายของหลิ่วหมิงก็คือ พอทรายทองคำร่วงปะทะกับแสงสีเขียว มันก็ยืนหยัดได้เพียงชั่วครู่ จากนั้นก็โจมตีจนกลายเป็นรูเล็กๆ หกรู

ขณะนั้นเอง ในที่สุดหลิ่วหมิงก็มองเห็นแสงสีเขียวทั้งหกอย่างชัดเจน ที่แท้มันก็กลายร่างมาจากเข็มบินทั้งหก อานุภาพของมันแข็งแกร่งมาก มันเป็นสมบัติที่ไม่ด้อยไปกว่าอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด

เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ควักมุกพลังวารีทั้งสองออกมา หลังจากเอามาถูกันแล้ว ก็ส่งพลังเวทเข้าไป

พริบตาเดียว หยดน้ำสีน้ำเงินเข้มที่มีขนาดจั้งกว่าๆ ก็ปรากฏออกมา และห่อหุ้มตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา

เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ แม้ว่าแสงสีเขียวจะแทงทะลุม่านทรายได้ แต่ในขณะที่เข้ามาในม่านวารีนั้น กลับถูกลดความเร็วไปมาก

พอหลิ่วหมิงขยับตัว ก็หลบการโจมตีของเข็มบินสีเขียวได้อย่างง่ายดาย และหายวับออกมาจากหยดวารี ขณะเดียวกันก็หมุนตัวปล่อยพลังเวทใส่หยดวารีอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนเงาร่างชายหนุ่มจะรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงพยายามกระตุ้นเคล็ดวิชาเพื่อเรียกเข็มบินกลับมา แต่มันกลับช้าไปเสียแล้ว

คลื่นแสงไหลวนอยู่ในหยดน้ำ ไม่ว่าเข็มบินจะพุ่งแทงอยู่ในนั้นอย่างไร ก็ไม่อาจออกไปจากม่านวารีได้ และภายใต้การฉีกทึ้งของพลังไร้รูปที่อยู่ด้านใน มันก็ร่วงลงพื้น และกลายเป็นหมอกควันก่อนที่จะสลายไป

ขณะนี้ เงาร่างชายหนุ่มก็เคลื่อนไหว พริบตาเดียวก็หายไปจากจุดเดิม แต่ครู่ต่อมาก็มาปรากฏตัวด้านหลังหลิ่วหมิง แขนของเขาขยายใหญ่ขึ้นหลายฉื่อ และคว้าเข้ามาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ

แม้หลิ่วหมิงจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าฝึกฝนวิชาอะไร แต่กระบวนท่านี้คล้ายกับกระบวนท่าของปีศาจหลานสี่ เขาจึงรู้สึกคุ้นเคยมาก เพียงแค่บิดตัวแปลกๆ ก็สามารถหลบพ้นได้อย่างง่ายดาย

ดูเหมือนเงาร่างชายหนุ่มจะไม่พอใจ พอร่างของเขาพร่ามัว ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง และคว้าเข้ามาติดต่อกันอย่างรวดเร็ว

แม้หลิ่วหมิงจะมีวิชาตัวเบาช่วยเสริม จนเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าปกติมาก แต่ภายใต้การก่อกวนของชายหนุ่ม เขายังต้องค่อยๆ ถอยออกไปหลายก้าว เพื่อหลบลำแสงอันแหลมคม

แต่ครู่ต่อมา พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ อาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำหลากหลายรูปแบบ ก็พุ่งไปหาเงาร่างชายหนุ่ม ทันใดนั้นมีลำแสงสีต่างๆ เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด และใกล้จะระเบิดออกมา

แต่ชายหนุ่มกลับถอยออกไปสิบกว่าจั้งราวกับพายุ ขณะเดียวกันก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขวานเล็กสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ ลวดลายจิตวิญญาณหลายเส้นปรากฏอยู่บนพื้นผิว ด้ามขวานยังสลักเครื่องหมายสีเงินแปลกประหลาดไว้อันหนึ่ง ทำให้ดูลึกลับเป็นอย่างมาก

เงาร่างชายหนุ่มเพียงแค่เคลื่อนไหว ขวานเล็กก็ขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดสามสี่จั้ง มีไอสีม่วงลอยวนเวียนอยู่ตรงคมขวาน เพียงแค่โบกสะบัดมันออกไป ขวานแสงสีม่วงแคบยาวก็พุ่งเข้ามาตามพื้น

“ตูม!”

อาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำเหล่านั้นถูกขวานแสงม้วนตัวเข้าไป พริบตาเดียวก็ค่อยๆ แตกสลายไป

หลังจากแสงสีม่วงกระพริบ มันก็ม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง โล่เล็กสีดำก็ปรากฏออกมา

อสูรมายาร่างมนุษย์นี้ สมกับเป็นเงาร่างลอกเลียนแบบผู้บุกวังที่โดดเด่นในก่อนหน้านั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังหรืออาวุธจิตวิญญาณล้วนร้ายกาจเป็นอย่างมาก ซึ่งอสูรมายาทั่วไปไม่อาจเทียบได้

หลังจากเขากระตุ้นเคล็ดวิชาแล้ว โล่เล็กสีดำก็ขยายใหญ่หลายจั้ง และปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา หัวกะโหลกเก้าใบนูนออกมา และพ่นเปลวไฟสีดำออกมา

“ตูม!”

หลังจากเปลวไฟสีดำปะทะกับขวานแสงสีม่วง เปลวไฟสีดำกับแสงสีม่วงก็ประประสานกันและพุ่งขึ้นฟ้า คลื่นอากาศม้วนตัวออกไปทั่วทิศอย่างรุนแรง

ขณะที่หลิ่วหมิงกับเงาร่างต่อสู้กันอยู่นั้น ห่างจากทั้งสองไปสิบกว่าจั้ง หัวบินกำลังต่อสู้กับปีศาจวานรที่กลายร่างมาจากธงสีเขียวอย่างดุเดือด

ขณะนี้หัวบินได้กลายเป็นเก้าหัวแล้ว มันกำลังใช้เส้นผมสีเขียวโจมตีวานรยักษ์ด้านหน้าที่ไม่รู้ว่าขยายใหญ่สามสี่จั้งตั้งแต่เมื่อใด

จะเห็นว่ามีคมวายุสีเขียวก่อตัวขึ้นมามากกว่าเดิม และตัดเส้นผมสีเขียวที่ปกคลุมเต็มฟ้าจนขาด

แต่ทว่าในขณะที่หัวทั้งเก้าสั่นสะท้านเบาๆ ก็มีเส้นผมจำนวนมากงอกออกมา และม้วนตัวเข้าหาวานรยักษ์อย่างหนาแน่น

ทั้งสองดูเหมือนจะไม่สามารถแยกแยะผู้ชนะหรือผู้แพ้ได้สักพัก

หลิ่วหมิงอาศัยช่องว่างในระหว่างการต่อสู้หันไปมองหัวบินทีหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาต่อสู้กับเงาร่างชายหนุ่มต่อ

แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะมีการฝึกฝนแค่ระดับของเหลวขั้นปลาย แต่สามารถควบคุมอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดจำนวนมากพร้อมกันได้ พลังจิตแข็งแกร่งมาก ดูเหมือนกันว่าจะแตกต่างหลิ่วหมิงที่แสดงพรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลังไม่มากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา